MDB ตอนที่ 389 จักรพรรดิเสี่ยงทาย
ขณะที่ฝูงชนต่างคาดเดาและครุ่นคิด เสียงจากภายนอกก็เข้ามาใกล้มากขึ้น
“ขบวนมาถึงแล้ว!”
ในกรณีส่วนใหญ่ หากไม่ใช่ปีมงคล จักรพรรดิ ราชวงศ์ และขุนนางจะเฉลิมฉลองกันในพระราชวังโดยห่างไกลจากสามัญชน
จักรพรรดิจะร่วมเฉลิมฉลองร่วมกับประชาชนในบางโอกาสเท่านั้น
แม้ว่าปีนี้จะไม่ใช่ปีมงคลก็ตาม แต่จักรพรรดิทรงมีพระราชประสงค์ที่จะเฉลิมฉลองร่วมกับคนทั่วไป ขณะนั้นจักรพรรดิและขุนนางของพระราชวังกำลังรออยู่บนแท่นมังกรหยกในจัตุรัสของวิหาร
แท่นปะรำพิธีนี้มีรูปร่างเป็นวงกลม และมีบันไดสามอันที่แยกจากกัน โดยมีสิบสองขั้นเหมือนกัน รอบ ๆ แท่นมังกรหยกนั้นมีทหารองครักษ์ของจักรพรรดิ ดังนั้นลืมเรื่องขึ้นไปบนแท่นไปได้เลย
พวกชาวบ้านทำได้จ้องมองจักรพรรดิผ่านช่องว่างระหว่างทหารองครักษ์ของจักรพรรดิเท่านั้น
การเฉลิมฉลองเทศกาลมังกรหยกดำเนินไปตามกำหนดการโดยไม่มีอะไรติดขัด
ในฐานะเจ้าภาพ หลินจินต้องขึ้นไปบนแท่นมังกรหยก
หลินจินสวมชุดคลุมพิธีการและเดินเข้ามาใกล้แท่นปะรำพิธีด้วยอาการสงบ ในขณะนั้น เหล่าขุนนางต่างอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าผู้ประเมินหลินอายุน้อยมากเพียงใด
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้พวกเขางุนงงยิ่งกว่านั้นก็คือการที่สัตว์เลี้ยงของราชองครักษ์และขุนนางต่างก็ก้มหัวลงต่อหน้าเขาขณะที่หลินจินขึ้นไปบนแท่นปะรำพิธี
พวกเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
อันที่จริงมีบางคนสังเกตเห็นเหตุการณ์ประหลาดนี้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
ผู้คนมักจะนำสัตว์เลี้ยงของตนมาด้วยเพื่อชมขบวนแห่ ดังนั้นท้องถนนจึงจะเต็มไปด้วยเสียงหอนและเสียงร้องของสัตว์วิเศษ
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ นอกจากเสียงเครื่องดนตรีแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นอีกเลย สัตว์วิเศษทุกตัวยังคงเงียบอย่างน่าขนลุกราวกับว่าพวกมันทั้งหมดถูกสั่งสอนให้ประพฤติตนอย่างเหมาะสม
บางคนถือว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากการปรากฏตัวของจิตวิญญาณของเทพมังกรหยก ในขณะที่บางคนก็มีคำอธิบายที่แตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม ก็มีบางคนคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับหลินจิน
ด้วยเหตุนี้ ความประทับใจแรกของเหล่าขุนนางที่มีต่อหลินจินก็คือความลึกลับ
อย่างไรก็ตาม เหอฉิงดูไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย
นี่เป็นความสามารถเหนือธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของ 'ภัณฑารักษ์' ดังนั้นในฐานะลูกศิษย์ของเขา มันเป็นเรื่องปกติที่ผู้ประเมินหลินสามารถทำเช่นกันได้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง เหอฉิงรู้สึกภาคภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก
ในขณะเดียวกัน เหอหยู่เฝ้าดูหลินจินอย่างเงียบ ๆ และเห็นได้ชัดว่าเธอกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
ถึงเวลาแล้วที่หลินจินจะต้องท่องบทสวดและคำอวยพรที่เตรียมไว้สำหรับเขาล่วงหน้า โดยรวมแล้ว ความหมายเชิงสัญลักษณ์ของพิธีกรรมนั้นยิ่งใหญ่กว่าความหมายที่แท้จริงคำอวยพรเหล่านี้
หลินจินแค่อยากจะทำให้มันจบเร็ว ๆ เพราะว่าเอวของเขาเริ่มปวดแล้ว ขาของเขาชา และคอของเขาแห้ง น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถดื่มน้ำได้ในตอนนี้ อันที่จริง เขาไม่ได้ดื่มน้ำตั้งแต่เช้าเลย ก่อนหน้านี้ เขาสามารถอดน้ำได้หลายวัน แต่ตอนนี้เขาใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว
'เมื่อไหร่จะเสร็จสักที ฉันอยากจะกลับไปนอนพักแล้ว!'
หลินจินลืมนับไปแล้วว่าความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของเขามากี่ครั้ง
ด้านหนึ่งด้านล่างเวทีคือผู้ประเมินจากสำนักงานใหญ่ หยู่หมานถังอารมณ์เสียเมื่อเห็นหลินจินบนแท่นปะรำพิธี เขาไม่รู้สึกอะไรนอกจากความอิจฉาริษยา
เขาเป็นผู้ประเมินระดับสามมาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว แต่ยังไม่ได้รับโอกาสที่จะได้รับการยกย่องจากผู้คนรอบข้างเลย
'ข้าไม่มีทางเชื่อว่าเจ้าจะเป็นอัจฉริยะ มาดูกันว่าเจ้าจะจัดการกับการเสี่ยงทายที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างไร!?’ หยู่หมายถังคิด
แม้จะรู้ว่าความคิดของเขาไม่เหมาะสม แต่หยู่หมายถังก็แช่งให้หลินจินล้มเหลว
ในความเป็นจริง หลายคนมีความคิดแบบเดียวกัน ท้ายที่สุดแล้ว มีผู้ประเมินที่มีประสบการณ์หลายคนที่ยังไม่ได้รับโอกาสเฉิดฉาย เช่นเดียวกับหยู่หมานถังเลย หากพวกเขาพูดว่าไม่ได้อิจฉาหลินจินเลย มันคงจะเป็นการโกหกคำโต
โดยเฉพาะสำหรับผู้ประเมินที่ยังคงติดอยู่ในระดับสอง หลังจากล้มเหลวในการพยายามฝ่าฟันไปสู่ระดับสามมานานหลายทศวรรษ พวกเขาจึงไม่พอใจที่เด็กเหลือขออย่างหลินจินได้ขึ้นมาเหนือพวกเขา อันที่จริง แม้จะผ่านเหตุการณ์การทรยศของหยางฉิงซื่อ แต่พวกเขาก็เลือกที่จะไม่เชื่อ
ดังนั้น หลาย ๆ คนจึงแช่งให้หลินจินยกระดับสัตว์วิเศษให้ขึ้นสู่ระดับสามเพื่อที่เขาจะได้อับอายขายหน้าบนแท่นปะรำพิธี
โอกาสที่จะยกระดับเป็นระดับสี่ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากระดับสามมีไม่มากนัก แต่ถ้าระดับสองยังพอจะเป็นไปได้
ในที่สุดพิธีกรรมที่ยุ่งยากและน่าเบื่อก็สิ้นสุดลง หลินจินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน ในขณะนั้นเขาสาบานกับตัวเองว่าจะไม่เข้าร่วมพิธีเช่นนี้อีกต่อไป
“ต่อไป ข้าจะทำการเสี่ยงทาย วันนี้ผู้ใดจะได้รับพรจากข้า”
หลินจินที่ได้ทำการซักซ้อมมาก่อน เขาจึงรู้ว่าในส่วนนี้จะมีบุคคลที่ได้รับความเคารพอย่างสูงจะทำการเสี่ยงทายจากฉลากกองกลางสามครั้ง โดยฉลากจะระบุตำแหน่งของผู้โชคดีที่ยืนอยู่บนกระเบื้อง
กระเบื้องในวิหารมังกรหยกมีรูปทรงหกเหลี่ยมซึ่งมันกระจายโดยรอบแท่นปะรำพิธี ภายหลังจากทำการจับสลากสามครั้ง ตำแหน่งของกระเบื้องจะได้รับการยืนยัน และคนที่ยืนอยู่บนแผ่นหินนั้นจะได้รับโอกาสในการวิวัฒนาการสำหรับสัตว์เลี้ยงของเขาหรือของเธอ
นี่คือจุดที่เจ้าภาพจะเปิดเผยทักษะของเขาโดยการพัฒนาสัตว์วิเศษขั้นหนึ่งระดับ
ส่วนนี้ก็เป็นที่ชื่นชอบในหมู่คนส่วนใหญ่เช่นกัน เหมือนกับการจับฉลากผู้โชคดีครั้งใหญ่ที่ผู้ถูกเลือกจะได้รับรางวัลใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
ท้ายที่สุดแล้ว วิวัฒนาการของสัตว์เลี้ยง มันก็ไม่ต่างจากการเปลี่ยนโชคชะตาของทั้งเจ้าของและสัตว์วิเศษ
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ในฐานะเจ้าภาพ หลินจินหรือผู้ดูแลวิหารจะเป็นผู้จับฉลาก อย่างไรก็ตาม หากจักรพรรดิทรงประทับอยู่ การจับฉลากดังกล่าวคงสงวนไว้สำหรับจักรพรรดิ
ตันซุนและคนอื่น ๆ ได้แจ้งให้หลินจินทราบถึงกฎนี้ล่วงหน้า ดังนั้น หลินจินจึงทูลเชิญฝ่าบาทมาทำการเสี่ยงทาย
ทางด้านจักรพรรดิเหอเฉียน เขาแต่งตัวมาเป็นพิเศษสำหรับโอกาสนี้ เขาค่อย ๆ เดินไปอย่างช้า ๆ เพื่อชมรูปเคารพอันตระการตา และทำความเคารพสวรรค์และเทพมังกรหยก ตามที่ธรรมเนียมของพวกเขา
จากนั้นเขาก็กล่าวสุนทรพจน์ซึ่งหลินจินจำอะไรไม่ได้เลย มันคงจะราว ๆ ว่าสวรรค์อวยพรให้กับมังกรหยก และมังกรหยกก็อวยพรประเทศ ซึ่งจะรับประกันความสำเร็จ และความปลอดภัยของประชาชนอย่างถ้วนหน้า
หลังจากพูดยาวเหยียด ในที่สุด เหอเฉียนหยิบหม้อขึ้นมาเขย่า
*แกร๊ก!*
ฉลากไม้ไผ่ถูกหยิบขึ้นมา มีคนรีบหยิบมันขึ้นมาและนำเสนอต่อเหอเฉียนด้วยความเคารพ เหอเฉียนเหลือบมองมันแล้วหัวเราะเบา ๆ
“อันแรก โลกปฐมภูมิ ไม่เลวเลย”
แน่นอนว่านั่นก็ไม่เลว
ผู้ดูแลวิหารยกสลากขึ้นแสดงต่อสาธารณะชน
จากนั้น เหอเฉียนก็เขย่าหม้ออีกอันหนึ่งและอ่านว่า 'ประกายแสง' แม้ว่าจะหายาก แต่ฉลากนี้เคยปรากฏมาก่อนในอดีต อย่างไรก็ตาม การที่ 'ประกายแสง' และ 'โลกปฐมภูมิ' ปรากฏต่อกันนั้นถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากจริง ๆ
เมื่อจับสลากสองอัน ก็สามารถคำนวณตำแหน่งคร่าว ๆ ของผู้ชนะในวันนี้ได้ เมื่อคนเฝ้าวัดเปิดเผยฉลากอันที่สอง ผู้คนกว่าร้อยคนในมุมตะวันออกเฉียงใต้ก็ตื่นเต้น
ท้ายที่สุดแล้ว สองฉลากนี้เป็นตัวแทนของพื้นที่ที่พวกเขายืนอยู่ ไม่ว่าฉลากที่สามจะเป็นอะไร มันจะต้องอยู่ที่ไหนสักแห่งภายในพื้นที่ของพวกเขา
ผู้ที่อยู่ในพื้นที่อื่นรู้สึกผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม ทุกคนรู้ดีว่าสุดท้ายแล้วจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้รับเลือก
อย่างไรก็ตามนั่นอาจไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้น ในบรรดาแผ่นกระเบื้องมากมายที่พวกเขายืนอยู่ มีอยู่แผ่นหนึ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งต่างจากแผ่นกระเบื้องทั่วไป
นั่นก็คือเบื้องกระเบื้อง 'ศิลามังกรห้วงนิทรา' ของวิหารมังกรหยก
มีตำนานมากมายอยู่เบื้องหลังแผ่นกระเบื้องนี้ แต่สิ่งที่ทำให้มันแตกต่างจากแผ่นอื่น ๆ ก็คือความจริงที่ว่ามันเป็นแผ่นที่ใหญ่ที่สุด นั่นจึงทำใหเมีคนยืนอยู่บนนั้นจำนวนมาก อย่างน้อย ๆ พวกเขาสามารถยืนอยู่บนนั้นห้าถึงหกคนพร้อมกับสัตว์เลี้ยงของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม จากวิหารมังกรหยกทั้งหมด มีเพียงศิลามังกรห้วงนิทราเพียงอันเดียว ดังนั้นความน่าจะเป็นที่จะเสี่ยงทายตรงนี้จึงมีเพียงเป็นหนึ่งในหมื่นเท่านั้น นี่คือสาเหตุที่แทบไม่มีใครได้รับโชคจากการยืนบนกระเบื้องแผ่งดังกล่าวในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมาเลย
แม้ว่าศิลามังกรห้วงนิทราจะอยู่ในพื้นที่ที่ฉลากชี้ไป แต่ก็มีโอกาสเพียงหนึ่งในร้อยเท่านั้นที่จะสุ่มกับได้แผ่นกระเบื้องดังกล่าว