ตอนที่แล้วบทที่ 12 รูปลักษณ์นิยายออนไลน์ของคุณ (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13.1 ไกด์สู่นิยายแฟนตาซีตะวันออก (Xuanhuan)

บทที่ 13 ไกด์สู่นิยายแฟนตาซีตะวันออก (Xuanhuan)


บทที่ 13 ไกด์สู่นิยายแฟนตาซีตะวันออก (Xuanhuan)

1. ทำไมถึงเขียนนิยายแฟนตาซีตะวันออก?

ตั้งแต่เมื่อเริ่มมีนิยายออนไลน์เกิดขึ้นในประเทศจีน นิยายแฟนตาซีตะวันออกและนิยายสมัยใหม่เป็นสองประเภทหลักที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในทางหนึ่ง มันเป็นประเภทที่ผู้อ่านสนใจมากที่สุด และอีกทาง สองประเภทนี้เป็นแนวที่ง่ายที่สุดที่นักเขียนมือใหม่เลือกเขียน

2. นิยายแฟนตาซีตะวันออกคืออะไร?

สำหรับนักเขียนฝั่งตะวันออก นิยายแฟนตาซีตะวันออกสามารถดึงผู้อ่านได้มาก นั่นหมายถึงว่าการเขียนนิยายประเภทนี้มีศักยภาพมากในการนำผลประโยชน์กลับมาสู่ตัวนักเขียนเอง เช่นนิยายของคุณได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ ได้รับการดัดแปลงไปเป็นการ์ตูนอะนิเม หรือหนังสือการ์ตูน นำไปสร้างเกม และอื่นๆ ได้อีกมากมาย

นวนิยายประเภทแฟนตาซีตะวันออก ถ้ากล่าวอย่างง่ายก็คือเป็นเรื่องราวแฟนตาซีที่มีองค์ประกอบพื้นฐานเป็นของวัฒนธรรมเอเชีย และมันยังสามารถผสมผสานกับแฟนตาซีของชาวตะวันตกได้ หรือมีองค์ประกอบของการ์ตูนอะนิเม และอื่นๆ เพื่อสร้างเรื่องราวแฟนตาซีตะวันออกให้มีความเฉพาะตัวของนิยายแต่ละเรื่อง

3. แก่นแท้ของนิยายแฟนตาซีตะวันออก

ตัวแปรในการตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่ประสบการณ์อ่านนิยายประเภทนั้นๆ ที่นักเขียนเหล่านั้นกำลังเขียนอยู่ บรรณาธิการผู้มีประสบการณ์ท่านหนึ่งได้กล่าวว่า เขาได้พบกับนักเขียนมากมายที่มีประสบการณ์อ่านนิยายแฟนตาซีตะวันออกเพียงไม่กี่เล่ม แต่ก็ยังเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ พวกเขาจะพูดในทำนองว่า “มันก็แค่นิยายแฟนตาซีตะวันออก ฉันเขียนมันได้ง่ายมาก!”

แต่ในท้ายที่สุด นักเขียนเหล่านี้ไม่เข้าใจแม้กระทั่งแก่นแท้ของโครงสร้างนิยายแฟนตาซีตะวันออก โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจะจบลงด้วยความล้มเหลวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นจึงเป็นการดีที่เราจะได้เรียนรู้ว่า อะไรคือแก่นแท้ของนิยายแฟนตาซีตะวันออก?

A. อะไรคือกรอบการทำงานสำหรับนิยายแฟนตาซีตะวันออก?

หลังจากผ่านการพัฒนาการมากว่าสิบปี นิยายแฟนตาซีตะวันออกได้เปลี่ยนจากการมีพล็อตเรื่องเป็นแก่นแท้ของมัน กลายมาเป็นเรื่อง “การเพิ่มระดับพลัง” เป็นแก่นแท้ของเรื่องแทน ลักษณะที่แท้จริงของนิยายแฟนตาซีตะวันออกคือ สุดยอดหนังสือแห่งการเพิ่มระดับพลัง

สุดยอดหนังสือแห่งการเพิ่มระดับพลัง หมายความว่าอย่างไรหรือ? มันหมายความว่า เนื้อหาของเรื่องจะเกี่ยวข้องวนเวียนอยู่กับตัวละครหลักประสบความสำเร็จในการยกระดับตนเองไม่ว่าจะเป็นฝีมือ หรือสถานะต่างๆ ไม่สำคัญว่าคุณจะมีพล็อตเกี่ยวกับผจญภัยไปทั่วแคว้นต่างๆ เกี่ยวข้องสถานการณ์รอบตัวของตัวละครหลัก หรือได้รับทรัพย์สมบัติแบบต่างๆ ตัวอย่างที่กล่าวมานี้จะพัฒนามาจากแนวคิด “เพิ่มระดับ”

B. ทำไมถึงทำให้นิยายแฟนตาซีตะวันออก กลายเป็นสุดยอดหนังสือแห่งการเพิ่มระดับพลัง?

ในช่วงแรก โดยทั่วไปนิยายแฟนตาซีตะวันออกทั้งหมดส่วนมากมีพล็อตเกี่ยวกับการเดินทางผจญภัย การแก้แค้น การค้นพบความลับตัวตนที่แท้จริงของตนเอง การเอาชนะใจสาวสวยได้สำเร็จ และอื่นๆ แต่ทำไมนิยายแฟนตาซีปัจจุบันนี้กลายเป็นแฟนตาซีเพิ่มระดับพลังไปได้?

ที่เป็นอย่างนี้เพราะมันถูกกำหนดโดยเงื่อนไขความยาวของนิยายออนไลน์ พล็อตข้างบนที่ยกตัวอย่างมาไม่สามารถคงสภาพการดำเนินเรื่องต่อเนื่องยาวนานขนาดกว่าหนึ่งล้านคำได้

การเพิ่มระดับและการทะลุข้อจำกัดของระดับพลังใหม่ เป็นพล็อตที่มีศักยภาพมากพอที่จะรับมือกับความยาวของเรื่องที่อาจจะเขียนต่อเนื่องไปกว่าหนึ่งปีได้

ไม่เพียงเท่านั้น ผู้อ่านจะเกิดความรู้สึกผูกพันกับเรื่องที่อ่าน และเกิดความต้องการจะยกระดับตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นไปพร้อมกันด้วย

แน่นอนว่า จุดหักเหของพล็อตเช่นการแก้แค้น ค้นพบเบื้องหลังอดีตอันลึกลับของตัวละครหลัก และอื่นๆ ก็สามารถสอดแทรกเข้าไปในเรื่องได้ตามต้องการ

C. ระบบการเพิ่มระดับพลัง

การมีระบบการเพิ่มระดับพลังได้กลายเป็นรากฐานของแนวเรื่องยกระดับพลังทุกเรื่อง

ก่อนอื่น เรามาดูกันว่าคำชื่อเรียกทั่วไปของระบบการยกระดับมีอะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น ระบบระดับพลังคลาสสิกอย่างระบบยกระดับพลังที่ใช้ในเรื่อง “ท่องโลกเร้นลับ” (Mysical Journey) ซึ่งกลายเป็นมาตรฐานให้นิยายแนวท่องยุทธจักรแฟนตาซีตะวันออกเกือบทุกเรื่องในปัจจุบันนี้

ยกตัวอย่าง: ชำระจิตวิญญาณ - สร้างรากฐาน - แก่นทองคำ - วิญญาณเกิดใหม่ - ก่อวิญญาณ

อีกวิธีหนึ่งคือใช้ระบบยกระดับพลังที่สร้างขึ้นเอง วิธีนี้คุณก็ยังต้องเรียนรู้และวิจัยเกี่ยวกับเรื่องคลาสสิกแฟนตาซีตะวันออกด้วย เพื่อที่จะได้เข้าใจเหตุผลเบื้องหลังในการสร้างระบบยกระดับพลังของคุณ

ระบบยกระดับพลังต่อไปนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างง่ายๆ สำหรับบทความนี้โดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น อาณาจักรทรายลึกลับ – อาณาจักรหินลึกลับ – อาณาจักรเนินเขาลึกลับ – อาณาจักรยอดเขาลึกลับ คือระดับพลังที่ตัวละครได้รับ จะสังเกตเห็นได้ว่าชื่อจะบอกความแตกต่างของระดับพลังได้อย่างชัดเจน คุณอาจลองสร้างระบบชื่อพลังในลักษณะนี้ได้

D. ระบบการเพิ่มระดับพลัง 2

อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการสร้างระบบยกระดับพลัง?

คำตอบคือ “ความแตกต่าง!”

ความแตกต่างๆ หมายถึงว่าคุณจำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่าพลังระดับเริ่มต้นกับระดับพลังระดับสูงต่างกันอย่างชัดเจน พลังระดับสูงต้องเหนือกว่าพลังระดับเริ่มต้นในทุกทาง

ลองมาดูตัวอย่างเฉพาะกัน

ผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ระดับ 2 แข็งแกร่งกว่าระดับ 1 ไม่ใช่เพราะแค่เลขสองใหญ่กว่าเลขหนึ่ง

ก่อนอื่นต้องมีความแตกต่างกันด้านความแข็งแกร่ง

ตัวอย่างเช่น บางที นักสู้ระดับ 1 สามารถชกรัวได้สามครั้งต่อหนึ่งลมหายใจ ในขณะที่นักสู้ระดับ 2 สามารถชกรัวได้สามสิบครั้งต่อหนึ่งลมหายใจ

อีกตัวอย่างคือ บางทีที่ระดับ 1 สามารถชกด้วยความแรง 50 กิโลกรัม ขณะที่ระดับ 2 สามารถชกด้วยความแรง 250 กิโลกรัม

ความแตกต่างที่ชัดเจนของระดับพลัง จะทำให้ผู้อ่านอยากอ่านเรื่องของตัวละครหลักที่เพิ่มระดับพลังขึ้น จนกลายเป็นคนแข็งแกร่งในที่สุด

นอกจากความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งแล้ว ควรจะมีความแตกต่างระหว่างฐานะการเงินและสถานะทางสังคมด้วย

ทีนี้เรามาลองใช้ตัวอย่างแบบเกินจริงสักหน่อยดูบ้าง

ยกตัวอย่าง จอมยุทธระดับ 1 มีรายได้ 100 เหรียญทองต่อเดือน ขณะที่จอมยุทธระดับ 2 มีรายได้ 1,000 เหรียญทองต่อเดือน สำหรับสถานะทางสังคม ระดับ 1 จะคงเป็นคนธรรมดาไปชั่วชีวิต ขณะที่จอมยุทธระดับ 2 อาจได้รับสถานะท่านลอร์ดผู้สูงส่งในอนาคต

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม เมื่อคุณสร้างระบบยกระดับพลังด้วยตนเอง ไม่เพียงแค่ต้องระดับพลังต่างกัน คุณยังต้องระบุความแตกต่างพื้นฐานเรื่องความแข็งแกร่งและฐานะการเงิน กับสถานะทางสังคมไปพร้อมกัน ในชุดสภาพเหตุการณ์ที่คุณออกแบบขึ้นด้วย

หากสิ่งที่กล่าวมายากเกินไปสำหรับนักเขียนมือใหม่ อย่างน้อยคุณควรทุ่มเทเวลาในการออกแบบ ทำให้ระดับพลังแต่ละระดับแตกต่างกันอย่างชัดเจนที่สุด ลองพยายามทำตามตัวอย่างข้างบนที่กล่าวมาแล้ว

E. ความได้เปรียบ

ตัวแปรความได้เปรียบนั้น ที่จริงไม่ใช่แก่นแท้จริงๆ ของนิยายแฟนตาซีตะวันออก แต่เนื่องจากได้มีการอ้างถึงระบบยกระดับพลังที่โดยทั่วไปมีความสัมพันธ์กับความได้เปรียบ ดังนั้นเรามาคุยกันเล็กน้อยดีกว่าว่า ทำไมถึงจำเป็นต้องมีตัวแปรความได้เปรียบ?

คุณสามารถตีความหมายของตัวแปรความได้เปรียบว่า เป็นตัวช่วยภายนอกเกมที่คุณเล่น (Cheat) เหมือนดั่งโปรแกรมที่สามารถปรับแต่งคุณสมบัติของตัวละครได้ แล้วทำไมจำเป็นต้องมีตัวแปรความได้เปรียบ?

นั่นเป็นเพราะตัวละครหลักของนิยายประเภทแฟนตาซีตะวันออก ต้องทำบางสิ่งให้สำเร็จแซงหน้าตัวละครอื่นทุกตัว ในขณะที่เขาหรือเธอเริ่มกลายเป็นคนแข็งแกร่งขึ้น นี่เป็นกฎพื้นฐานของนิยายแฟนตาซีตะวันออกเลยก็ว่าได้

ณ เวลาแห่งการผจญภัยนี้ ตัวแปรความได้เปรียบจะมีความสำคัญมากเป็นพิเศษ นั่นเป็นเพราะการมีความได้เปรียบ โดยรากฐานแล้วเป็นวิธีที่ผู้อ่านยอมรับได้ว่าทำไมตัวละครหลักถึงสามารถพัฒนาฝีมือสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นยอดฝีมือเหนือกว่าทุกคน

ตัวแปรความได้เปรียบ มาได้ในหลายรูปแบบ บางทีตัวละครหลักอาจได้รับตำราเคล็ดวิชาลึกลับจากแหล่งไร้ที่มา หรือตื่นขึ้นมาพร้อมกับพลังลึกลับ คุณสามารถแม้กระทั่งให้ตัวละครหลักได้พบบุคคลนิรนามผู้ทรงพลัง สอนวิชาให้ตัวพระเอกของคุณ หรือให้ราชาปิศาจเข้าสิงร่างตัวละครหลักแทน (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องการออกแบบความได้เปรียบ ได้ที่หัวข้อย่อยที่ 5 – กรอบการทำงานอย่างง่ายและการวิเคราะห์นิยายแฟนตาซีตะวันออก)

ไม่ว่าด้วยเงื่อนไขใดๆ หลังจากตัวละครหลักได้รับความได้เปรียบแล้ว เขาหรือเธอจะต้องฝึกฝนเพิ่มพลังอย่างรวดเร็วดุจดังได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้า!

เมื่อเอ่ยถึงความได้เปรียบก็จำเป็นต้องเอ่ยถึงปาฏิหาริย์ด้วยเล็กน้อย โดยทั่วไป ปาฏิหาริย์คือสิ่งที่เกิดขึ้นตอนเริ่มเรื่อง เพื่อให้ตัวละครหลักได้รับตัวแปรความได้เปรียบนั้นๆ

4. สามหัวข้อหลักที่จำเป็นมากที่คุณต้องเข้าใจให้ได้ ในนิยายแฟนตาซีตะวันออก

(1) จังหวะ – จังหวะอาจฟังดูเหมือนสิ่งที่ค่อนข้างเป็นนามธรรม แต่จังหวะสามารถเป็นตัวตัดสินได้ว่า นิยายของคุณจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ดังนั้นเรามาทำให้แนวคิดที่เป็นนามธรรมนี้มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นดีกว่า มีคำง่ายสองคำที่สรุปแนวคิดของจังหวะได้ – ขาขึ้นและขาลง (Rise and Fall)

A. ขาลง – สิ่งนี้อ้างอิงถึงการมีช่วงเวลาที่สงบในระหว่างเหตุการณ์เข้มข้นในแต่ละช่วง เพื่อช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าถึงเรื่องราวอย่างค่อยเป็นค่อยไป การขึ้นและลงของเรื่องจำเป็นต้องนำมาใช้คู่กันเวลาเขียนเนื้อเรื่องใดๆ ก็ตาม ต่อไปนี้คือตัวอย่างจากนิยายแฟนตาซีตะวันออก หลังจากมีเหตุการณ์ตึงเครียด การต่อสู้ดุเดือด คุณไม่ควรเริ่มเหตุการณ์ต่อสู้อีกครั้งหนึ่งต่อเนื่องทันที เพราะจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกตื่นเต้นยาวนานเกินไป และรู้สึกเหมือนไม่ได้พักเหนื่อย คุณควรเขียนให้มีบางสิ่งที่ผ่อนคลายคั่นกลางเพื่อช่วยให้ผู้อ่านได้พักสมอง และกลับมามีจิตใจที่พร้อมรับความตื่นเต้นของฉากต่อสู้ครั้งต่อไป

เหตุผลของการมี “ขาลง” ในเรื่อง คุณสามารถเรียกมันว่า ทฤษฎี “หนังสยองขวัญ!”

เมื่อคุณดูหนังสยองขวัญ ถ้าหากว่าทั้งเรื่องมีแต่ความตึงเครียดและเหตุการณ์ที่น่ากลัว ไม่นานผู้ชมจะรู้สึกชินชากับทุกสิ่งที่เห็นบนจอ ในระหว่างเหตุการณ์เขย่าขวัญทั้งหลาย จำเป็นต้องมีเหตุการณ์ธรรมดาเพื่อทำให้ผู้ชมผ่อนคลายกลับมาเป็นปกติ เพื่อที่เหตุการณ์ตึงเครียดต่อไปจะสามารถสร้างอารมณ์ต่อผู้ชมอย่างได้ผล

ถ้าหากนักเขียนบางคนบอกว่า “ฉันไม่สามารถเขียนเหตุการณ์ผ่อนคลายได้”

บรรณาธิการที่มากประสบการณ์ได้ให้คำแนะนำที่ดีเยี่ยมไว้ว่า “แค่อุดช่องว่างด้วยเหตุการณ์ที่ไม่สำคัญลงไป” แม้ว่าคุณจะเติมสิ่งเล็กน้อยลงไประหว่างสองเหตุการณ์ที่ตื่นเต้น ก็ยังเป็นที่ยอมรับได้ว่าให้ผลลัพธ์ดีกว่าการทำให้ผู้อ่านชาชินกับเหตุการณ์ตึงเครียดนานเกินไป ซึ่งจะนำไปสู่การที่พวกเขายอมแพ้ เลิกอ่านนิยายของคุณในที่สุด

B. ขาขึ้น – สิ่งนี้อ้างอิงถึงจุดแตกหักของเหตุการณ์ หรือไคลแมกซ์นั่นเอง มันคือจุดสูงสุดที่เหตุการณ์จะดำเนินขึ้นไปจนในที่สุดก็ไม่สามารถขึ้นไปต่อได้ นวนิยายทุกเรื่อง ภาพยนตร์ การ์ตูนอะนิเม หนังสือการ์ตูน และทุกสิ่งที่เกี่ยวกับการเล่าเรื่องในอุตสาหกรรมบันเทิง ต้องพึ่งพาไคลแมกซ์ทั้งสิ้น

หากคุณต้องการให้เหตุการณ์ของเรื่องมีไคลแมกซ์ ก่อนอื่นคุณต้องสร้างความสงบก่อน ขาลงจะมาก่อนขาขึ้นเสมอ เพื่อที่จะสรุปให้ง่ายและรวบรัดขึ้น เรามาลองดูตัวอย่างกัน

ยกตัวอย่างว่า ตัวละครชื่ออดัม เป็นยอดฝีมือดาบ เราควรจะบรรยายอย่างไรในเรื่องให้รู้ว่าอดัมเป็นมือดาบที่มีฝีมือสูงส่ง เราสามารถผสมผสานแนวคิดของขาขึ้นและขาลงเพื่อให้ผู้อ่านช็อกและตื่นเต้นได้

เริ่มแรก เราจะเริ่มจากสถานการณ์ขาลงก่อน ตัวอย่างเช่น มีกลุ่มโจรที่ไม่มีบทบาท (NPC = Non-player Characer) แสดงการดูถูกเหยียดหยามใส่อดัม พวกเขาเห็นว่าอดัมนั้นผอมแห้งแรงน้อยและเป็นเหยื่อให้รังแกได้ง่ายเมื่อมองจากภายนอก โจรกลุ่มนี้จึงคิดจะปล้นอดัมเอาของมีค่าในตัวเขา

คราวนี้จึงเกิดความเป็นไปได้สองทาง หนึ่งคือผู้อ่านรู้อยู่แล้วว่าอดัมคือยอดฝีมือดาบจากเหตุการณ์ในบทก่อนหน้า หรือสอง ผู้อ่านไม่รู้เลยว่าอดัมมีฝีมือขนาดไหน

ตรงนี้แหละที่เราสอดแทรกขาขึ้นเข้าไปในเรื่อง อดัมเข้าจู่โจมกลุ่มคนร้ายด้วยการตวัดกวัดแกว่งดาบอย่างว่องไวจนกลุ่มโจรแพ้ราบคาบพร้อมกับจ้องมองอย่างไม่เชื่อสายตา ว่าพวกเขากลับกลายเป็นฝ่ายถูกอดัมปล้นเอาของมีค่าที่ติดตัวมาจนหมดแทน เมื่อผู้อ่านที่ไม่รู้เรื่องฝีมืออดัมมาก่อน ได้รู้ก็จะแปลกใจและรู้สึกดีมาก ขณะที่ผู้อ่านที่รู้เรื่องระดับฝีมือของอดัมอยู่แล้วก็จะเข้าสู่สภาวะ “ความคาดหวังและพึงพอใจมาก” ตั้งแต่ที่อดัมต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแล้ว (สภาวะ “ความคาดหวังและพึงพอใจมาก” ของผู้อ่านทุกคน เป็นแก่นแท้ขององค์ประกอบที่ควรผลักดันไปตลอดการพัฒนาของเรื่องใดๆ ก็ตาม ซึ่งองค์ประกอบนี้จะมีการวิเคราะห์เจาะลึกกันอีกครั้งในบทความต่อๆ ไป ตอนนี้ขอให้เราพุ่งความสนใจไปที่ขาขึ้นกับขาลงก่อน)

ภายใต้เหตุผลเดียวกัน คุณสามารถเปลี่ยนจากอดัมมือดาบไปเป็นตำรวจมือปราบหรือนักกีฬา และพวก NPC เหล่านี้สามารถเปลี่ยนจากกลุ่มโจรไปเป็นอาชญากรที่มีหมายจับ หรือนักกีฬาคู่แข่ง อดัมสามารถแสดงฝีมือของเขาไม่ว่าในด้านใด ด้วยการใช้สถานการณ์ขาลงและขาขึ้น

การควบคุมการใช้ขาลงและขาขึ้นได้อย่างเหมาะสมจะทำให้ผู้อ่านได้รับความประหลาดใจ ความคาดหวัง และความรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้น ขาลงและขาขึ้นสามารถใช้กับเหตุการณ์ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ใช้ช่วงของขาลงเพื่อสร้างสถานการณ์อันตรายมากที่ทุกคนในเรื่องรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะรับมือกับมัน และใช้ขาขึ้นเมื่อถึงเวลาตัวละครหลักปรากฏตัว และใช้ฝีมือหรือวิธีการพิเศษที่ไม่มีใครคาดคิดจัดการกับอันตรายใหญ่หลวงนั้นได้ สิ่งนี้จะทำให้ผู้อ่านที่คาดหวังไว้ พอใจอย่างมาก

เหตุการณ์ขาขึ้น ความจริงก็คือแนวคิดที่ขยายมาจากสถานะตัวละครขาขึ้นนั่นเอง เพียงแต่เมื่อเราใช้กับเหตุการณ์หลัก มันจะช่วยขยายพล็อตและขอบเขตของนิยายให้กว้างออกไป ซึ่งจะช่วยให้เรื่องตอบสนองความคาดหวังผู้อ่านได้มากขึ้น

..................................................................................

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด