นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 511 - ออกนอกเส้นทาง
“เจ้าเด็กสาระเลว! ดูสิว่าคราวนี้แกจะหนีไปได้ถึงไหน!!!”
แค่อีกเพียงไม่กี่นาทีให้หลัง เสียงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดปนการเยาะเย้ยก็ดังก้องมาเข้าหูของเดวิด เจ้าแก่ขี้ขลาดเจ้าสำนักกรีนวูดส์ไล่ตามเขามาทันจนเหลือระยะทางไม่กี่ร้อยเมตร และชายชราขี้ฟ้องไม่ได้มาคนเดียว มีผู้ก่อสวรรค์ตามมาด้วยอีก 2 คน เจ้าสำนักสกายพราวด์กับเจ้าสำนักกลาเซียร์พาเลซนั่นเอง
ความเร็วของผู้ก่อสวรรค์ทั้ง 3 คนเร็วกว่าเดวิดอย่างเทียบกันไม่ได้ ไม่ใช่เพราะทักษะหรือระดับที่สูงกว่า แต่พวกเขาตามล่ามาด้วยเรือเหาะ ต่อให้เดวิดเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงแค่ไหน ก็ไม่มีทางหนีพ้นจากการไล่ตามของเครื่องยนต์ขับเคลื่อนพลังสูงที่พ่นพลังงานออกมาอย่างต่อเนื่องได้แน่
ซูม!!!!
เมื่อสิ้นเสียงตวาด ลำแสงพลังงานขนาดใหญ่ก็ถูกยิงออกมาจากเรือเหาะทันที แน่นอนว่าเป้าหมายของมันคือร่างของเดวิดที่กำลังวิ่งหนีอยู่ด้านหน้า เจตนามันชัดเจนที่สุดว่าต้องการหยุดเขา หรืออย่างน้อย ๆ ก็ทำให้ความเร็วของเด็กหนุ่มลดลงไปเพราะการเปลี่ยนทิศทางเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตี
กรามของเดวิดขบแน่นติดกัน เขาพลิกเบี่ยงตัวกลางอากาศเพียงเล็กน้อยเพื่อให้ลำแสงพุ่งผ่านตัวไปอย่างเฉียดฉิว สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ถูกกระตุ้นใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ความคิดอันบ้าบิ่นเกิดขึ้นในหัวของเดวิดอีกครั้ง หนีไปตามทิศทางเดิมไม่ได้แล้ว อย่างมากตัวเองก็ใช้ความเร็วสูงสุดได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมงก่อนจะหมดแรง เขาต้องหาที่หลบซ่อนตัวก่อน
อากาศรอบตัวสั่นสะเทือนจนแตกสลายและเปิดช่องทางเชื่อมต่อมิติออกมาอย่างไวเท่าความคิด ร่างของเดวิดหายลับไปภายในเสี้ยววินาที และมันไม่ใช่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เขาเสี่ยงเทเลพอร์ตครั้งละ 2-3 กิโลเมตรเพื่อหลบหนีอย่างต่อเนื่อง ผิวหนังทอประกายสีเงินออกมาอย่างเต็มที่ในการเคลื่อนย้ายครั้งหลัง ๆ ที่ทำระยะทางได้ไกลขึ้นจนเกือบ 10 กิโลเมตรในคราวเดียว
เดวิดสลัดเรือเหาะที่ไล่ตามหลังออกมาพ้นในที่สุด แต่ด้วยค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายออกไปออย่างมหาศาลเลยทีเดียว
....
เรือเหาะลำหนึ่่งหยุดลอยตัวอยู่ตรงขอบของชายป่าอันหนาทึบ ผู้ก่อสวรรค์ทั้ง 3 คนลอยตัวออกมายืนอยู่ด้านบนด้วยสีหน้าและแววตาที่ครุ่นคิดอย่างจริงจัง
“ป่าแห่งนี้เต็มไปด้วยสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอยู่มากมาย แถมยังมีสัตว์อสูรระดับ 6 ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ยกตัวเองขึ้นเป็นระดับ 7 หรือยังอาศัยอยู่ การเดินทางเข้าไปด้วยเรือเหาะไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่ ถ้าเกิดว่าไปกระตุ้นความสนใจของเจ้าสัตว์อสูรพวกนั้นขึ้นมา เรื่องจะกลายเป็นยุ่งยากซับซ้อนแบบไม่จำเป็น ข้าคิดว่าพวกเราไม่ควรจะนำมันเข้าไปด้วย” เจ้าสำนักสกายพราวด์กล่าวออกมาเสียงต่ำ เขาเหลือบตามองผู้ก่อสวรรค์อีก 2 คนเล็กน้อย และนิ่งเงียบรอความเห็นอยู่ด้วยคิ้วที่ขมวดแน่นติดกัน
“เสี่ยงเกินไป! เจ้าก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือว่าไอ้เด็กเปรตนั่นเร็วขนาดไหน พวกเราไม่มีทางตามมันทันแน่ถ้าไม่ใช้เรือเหาะ” เจ้าสำนักกรีดวูดส์ปฏิเสธออกมาหลังจากที่ใช้เวลาคิดไม่นานนัก การรับมือกับสัตว์อสูรง่ายกว่าการรับมือกับเจ้าปีศาจน้อยนั่นเยอะ!
“ให้ตายเถอะ! เจ้านั่นยังเป็นแค่ผู้ก่อพลังแค่นั้นใช่มั้ย? ทำไมความเร็วของมันถึงได้สูงกว่าพวกเราผู้ก่อสวรรค์ได้ นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว” เจ้าสำนักหญิงของสำนักกลาเซียร์พาเลซบ่นออกมา
“อย่าประมาทเพราะคิดว่าเจ้านั่นยังเป็นแค่ผู้ก่อพลัง ร่างกายของมันแข็งแกร่งเทียบเท่าได้กับพวกเราผู้ก่อสวรรค์ที่ผสานรวมเข้ากับธรรมชาติได้เลยด้วยซ้ำ ไม่สิ! บางทีอาจจะแข็งแกร่งมากกว่าไปแล้วก็ได้ ระดับการป้องกันของมันน่าเหลือเชื่อกว่าที่เจ้าคิดเอาไว้อีก” หลิวหยินกล่าวเตือนออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
“เอาล่ะ! ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงกันตามนี้ ใช้เรือเหาะบุกเข้าไปตรง ๆ เลย ดีเหมือนกัน! เจ้าเด็กบ้านั่นระงับปกปิดคลื่นพลังของตัวเองไปแล้ว พวกเราสามารถใช้เหลือเหาะเป็นฐานในการตั้งสมาธิตรวจสอบค้นหามันอย่างละเอียด แต่คงต้องบินต่ำ ๆ เอาไว้หน่อย อย่าให้ไปสะดุดตาเจ้าพวกสัตว์อสูรได้ง่ายนัก” ถังหมิงกล่าวสรุปออกมาเสียงเข้ม เขาเป็นคนแรกที่กลับลงไปในตัวเรือเหาะอย่างไม่รีรออะไรอีก
หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่ เรือเหาะลำนั้นก็มุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางของป่าลึกทันที
........
ตูมม!!!
ร่างของสัตว์อสูรระเบิดออกจนเลือดสาดกระเด็นออกไปทั่วบริเวณ หมีควายขนทองตัวใหญ่ที่เป็นครอบครองถ้ำอยู่กลายเป็นผู้โชคร้ายอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรระดับ 3 แต่เดวิดก็ใช้เวลาจัดการเพียงแต่พริบตาเดียวเท่านั้น
เขาต้องการสถานที่ปลอดภัยเพื่อพักฟื้นร่างกายโดยด่วน การดึงดันเทเลพอร์ตแบบต่อเนื่องทำให้ร่างกายบาดเจ็บไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากที่ค้นพบว่าป่าแห่งนี้มีคลื่นพลังแข็งแกร่งสูสีหรือเหนือกว่าผู้ก่อสวรรค์อยู่ 2-3 จุด เดวิดก็ตัดสินใจมุ่งหน้าลึกเข้ามาในนี้ด้วยการปกปิดกลิ่นอายของตัวเองเอาไว้ เขารู้ดีว่าการใช้เรือเหาะบินผ่านที่อยู่อาศัยของสัตว์อสูรระดับสูงไม่ต่างจากการมุ่งไปหาที่ตาย และถ้าไม่มีเรือเหาะกับอาวุธของมัน การหนีของตนจะง่ายขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว
เดวิดทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิอยู่ในถ้ำ เลือดที่เก็บสะสมเอาไว้ถูกหยิบออกมาดื่มลงไปรวดเดียวทั้งเหยือก ก่อนที่จะกระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจและการหมุนเวียนเลือดให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยอัตราการหมุนเวียนที่สูงถึง 760 รอบต่อนาที พลังงานจากเลือดที่ถูกดื่มเข้าไปกระจายตัวออกไปฟื้นฟูร่างกายจนคืนสภาพสมบูรณ์ในเวลาไม่นานนัก
เขาลืมตากลับขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับสีหน้าครุ่นคิด อาการบาดเจ็บส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะร่างกายของตัวเองยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะต้านทานการบีบอัดของการทะลวงมิติ ถ้าต้องการจะลดผลกระทบนั้นลงอย่างรวดเร็ว วิธีที่ดีที่สุดคือการฝึกฝนทักษะกายาเทวราชเพิ่มเติมเท่านั้น แม้เดวิดจะรู้ว่าการฝึกฝนทักษะนี้ในโลกภายนอกเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ แต่เมื่อถึงจังหวะนี้! เขาก็ไม่ได้กังวลเรื่องความลับจะรั่วไหลอะไรมากนักเลย ก็ขนาดยังไม่แน่ใจ เจ้าพวกบ้านั่นก็ตามล่าตัวเองอย่างจะเป็นจะตายอยู่แล้วไม่ใช่หรือ
ลมหายใจของเดวิดเริ่มสม่ำเสมอขึ้นในเวลาไม่นานนัก เขาหลับตาลงเพื่อหมุนเวียนเคลื่อนย้ายคลื่นสมองให้โคจรผ่านจุดต่าง ๆ ทั่วร่างกายเหมือนกับที่ระบุเอาไว้ในคู่มือการฝึกฝน กล้ามเนื้อเริ่มสั่นตัวด้วยความถี่สั้น ๆ แบบรุนแรง ความเจ็บปวดก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนกับทุกครั้ง แต่มันยังอยู่ในระดับที่ทนรับเอาไว้ได้ไหว กรามของเดวิดขบแน่นเข้าหากันเล็กน้อย และตั้งสมาธิอยู่ที่การดูดซับพลังงานจากโลกอย่างรวดเร็ว
อากาศรอบตัวหมุนวนก่อตัวจนกลายเป็นพายุ ผนังทำเริ่มถูกกัดกร่อนเนื่องจากพลังงานที่ถูกดึงออกมาจนแทบไม่เหลือ ทุกอย่างดูว่าจะเป็นไปตามขั้นตอนของการฝึกฝนทักษะกายาเทวราชตามปกติ แต่! ความรู้สึกบอกกับเขาว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง
สีหน้าของเดวิดเปลี่ยนแปลงไปทันทีที่รับรู้ว่าตัวเองดูดกลืนพลังงานไม่สำเร็จ ไม่สิ! ปริมาณมันลดลงอย่างรวดเร็วจนหยุดลงไปในที่สุด แม้ว่าจะหมุนวนคลื่นสมองอย่างรุนแรงแค่ไหน พลังงานก็ไม่ถูกดึงเข้ามาในร่างกาย ไม่มีแม้แต่นิดเดียว เขาลืมตาขึ้นมาอย่างฉับพลัน แล้วก็พบว่ามีแสงสว่างทอเข้ามาในถ้ำมากอย่างผิดสังเกต
เดวิดตอบสนองออกมาตามสัญชาตญาณทันที อัตราการหมุนเวียนเลือดพุ่งสูงขึ้นพร้อมกับการเคลื่อนที่พาตัวเองออกมาจากถ้ำอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้าภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาด หมู่เมฆมารวมตัวกันอยู่ในบริเวณนี้อย่างหนาแน่นเกินไป ที่ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเปิดเป็นช่องว่างให้แสงสว่างอันเจิดจ้าส่องลงมาที่ปากถ้ำแบบโดยตรงอีก
ครืน!!!
เสียงอากาศบิดตัวคำรามเลื่อนลั่นออกมาเพราะร่างที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของเดวิดถูกหยุดลงอย่างกะทันหัน คลื่นอากาศกระจายตัวออกไปทั่วบริเวณเป็นชั้น ๆ ร่างของเขาลอยค้างอยู่กลางอากาศแบบไม่สามารถขยับตัวได้เลยแม้แต่น้อย
“เจ้า! กล้า! ขโมย! พลัง! ชีวิต! ของ! ข้า!?” เสียงคำรามอันกึกก้องดังสะท้อนอยู่ในหัวของเดวิด มันเป็นเสียงที่ทั้งเก่าแก่โบราณและเกรี้ยวกราด ผลของมันทำให้เขารู้สึกเหมือนกับโดนค้อนขนาดใหญ่ทุบลงไปที่สมองโดยตรง และแม้ว่าอยากจะตะโกนกรีดร้องคร่ำครวญออกมา เดวิดก็ไม่สามารถทำได้ เขาขยับปากตัวเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“จิตวิญญาณแห่งโลก!!?” สีหน้าของเดวิดบิดเบี้ยวยิ่งไปกว่าเดิม ความคิดในสมองวิ่งวุ่นชนกันอยู่อย่างวุ่นวาย และนี่เป็นข้อสรุปเดียวที่สามารถอธิบายเหตุที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้อย่างดีที่สุด...