นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 510 - ปล่อยให้คนรักเก่าเขาคุยกันไป!
เดวิดถอนสภาวะการเสริมพลังลงมาเหลือแค่ระดับสามดาวทันที ความแข็งแกร่งในตอนนี้ไม่เหมาะสมที่จะคงสภาพห้าดาวอยู่นานเกินไปนัก เพราะเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายยังไม่คุ้นเคยกับความแข็งแกร่งระดับนี้เลย ลมหายใจเบา ๆ ถูกระบายออกมา ‘ดูเหมือนว่าการจะสังหารผู้ที่เหนือกว่าระดับผู้ก่อสวรรค์จะไม่ใช่เรื่องง่ายแบบที่คิดเสียแล้ว!” เขาส่ายหัวดิกอย่างไม่พอใจ
เมกะตันเบลดถูกกระชับตั้งท่าเตรียมพร้อมอีกครั้ง ในเมื่อดาบเดียวไม่พอ ก็คงจะต้องฟันอีกสัก 2-3 ครั้ง พลังของเดวิดยังเหลือเฟือ ถ้าจำเป็นต้องกระตุ้นเสริมพลังมากกว่าห้าดาวขึ้นมาจริง ๆ เขาก็คิดว่ามันไม่มีปัญหาเลย
สีหน้าของหญิงชราตอนนี้บิดเบี้ยวจนน่าเกลียด เธอจ้องมองที่เอวของตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา ชุดขาวที่ตัดเย็บอย่างประณีตมีรอยขาดยาวเกือบฝ่ามือ และมันมีรอยแผลเหมือนกับโดนกระดาษบาดเกินขึ้นบนผิวหนังตรงนั้น เลือดยังไหลซิบออกมาอย่างไม่ขาดสาย บาดเจ็บ! เจ้าเด็กนั่นทำให้ข้าบาดเจ็บได้อย่างนั้นหรือ?
“เจ้าเด็กสาระเลว! แกมันสมควรตาย!!” เสียงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดดังก้องออกมาจากปาก จิตสังหารอันเข้มข้นถูกปลดปล่อยออกมาจนท้องฟ้าปั่นป่วนกลายเป็นสีดำ หมู่เมฆจำนวนมากถูกดึงดูดมาหมุนเวียนอยู่เหนือศีรษะของหญิงชราอย่างวุ่นวาย เสียงคำรามของสายฟ้ากังวานเลื่อนลั่นออกมา ราวกับว่าฟ้าดินกำลังตอบสนองต่อโทสะของเธอก็ไม่ปาน
แต่! ก่อนที่หญิงชราจะได้ทันขยับตัว อากาศตรงหน้าเกิดไหวสั่นขึ้นมาอย่างฉับพลัน ร่างของชายชราคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า เขายืนขวางหน้าระหว่างหญิงชรากับเดวิดเอาไว้พอดี
“อา! ใช่เจ้าจริง ๆ ด้วย ข้านึกว่าในชีวิตนี้จะไม่มีอากาศได้เจอหน้าเจ้าอีกครั้งแล้วเสียอีก” รอยยิ้มอย่างมีความสุขพร่างพรายอยู่บนใบหน้าของชายชรา น้ำเสียงนั้นตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างมาก แต่แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าก็มลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย เพราะเขารับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายมีเลือดไหลเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าบริเวณเอวอยู่
“ซินเหยียน! เกิดอะไรขึ้น เจ้าได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ?”
ไม่มีคำตอบออกมาจากปากของหญิงชรา สายตาที่แข็งกร้าวจ้องมองผ่านร่างของชายชราพุ่งตรงมาที่เดวิดเหมือนกับมองผ่านอากาศ จิตสังหารที่ท่วมท้นยิ่งเพิ่มปริมาณขึ้นอีกเมื่อเวลาผ่านไป
เหมือนจะเพิ่งรับรู้ได้ว่าสายตาของอีกฝ่ายจ้องมองอยู่ที่ใด คิ้วของชายชราขมวดติดกันแน่น เขาหมุนตัวหันหน้ากลับมาทางเดวิดบ้าง เมื่อเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีขนาดตัวสูงกว่า 3 เมตรกำลังถือดาบที่ยาวมากกว่า 4 เมตรอยู่อย่างเตรียมพร้อม เสียงตวาดอย่างตำหนิก็ดังออกมาจากปากทันที
“เจ้าหนู! เจ้าทำอะไรลงไป? ครูบาอาจารย์ไม่สั่งสอนหรือยังไงว่าต้องให้ความเคารพผู้อาวุโสน่ะ!” สีหน้านั้นบ่งบอกออกมาอย่างชัดเจนว่ารำคาญ
และหลังจากกล่าวจบ ชายชราก็หมุนตัวกลับไปทางซินเหยียนอีกครั้งอย่างไม่รอคำโต้เถียงใด ๆ “อย่าไปถือสาเด็กสมัยนี้เลย เจ้านั่นคงจะแค่บ้าพลังแล้วก็คึกคะนองไปตามเรื่องเท่านั้น บาดแผลของเจ้าก็ไม่ได้หนักหนาอะไรมิใช่หรือ เฮ้อ! อันที่จริงอายุขนาดพวกเราไม่ควรจะเข้ามายุ่งกับเรื่องของชนรุ่นหลังอีก เจ้าก็ไม่ควรสอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ปล่อยให้คนรุ่นหลังจัดการกันเองเถิด” น้ำเสียงที่เขาใช้พูดกับอีกฝ่ายนั้นนุ่มนวลเป็นอย่างมาก สีหน้านั้นดูอ่อนโยนและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
หญิงชรายกมือขึ้นลูบบาดแผลที่เอวของตัวเองเบา ๆ เลือดหยุดไหลและบาดแผลก็ปิดสนิทลงในพริบตา แต่เมื่อเธอเห็นเลือดที่ติดมือขึ้นมาได้อย่างชัดเจน โทสะก็พุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้งอย่างควบคุมไม่ได้ เธอผู้ซึ่งเป็นครึ่งก้าวผู้ก่อวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่ง ได้รับบาดเจ็บเพราะผู้ก่อพลังคนหนึ่ง! ไม่สิ! ถ้าหลบไม่ทันเธออาจจะตายไปแล้วด้วยซ้ำ เรื่องนี้มันรับไม่ได้! เจ้าเด็กบ้านั่นต้องโดยแล่เนื้อเถือหนังแล้วเอาเกลือทาให้สมกับความผิดที่มันก่อ ต้องโดนจำขังอยู่ในคุกนรกน้ำแข็งให้เลือดไหลออกมาอย่างช้า ๆ สักร้อยปีซินเหยียนถึงจะพอใจ
“เอาอย่างนี้เป็นไง เจ้าตามข้าไปที่พัก จะได้ตรวจสอบอาการและรักษาตัวให้เรียบร้อย แล้วก็นั่งคุยเรื่องความหลังที่ผ่านมากัน 2 คน พวกเราไม่ได้เจอกันนานมาก ข้ามีเรื่องที่อยากจะเล่าให้เจ้าฟังอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว” ใบหน้าของชายชรายังคงยิ้มแย้ม น้ำเสียงที่นุ่มนวลนั้นเต็มไปด้วยความหวัง
“เจ้าจะขัดขวางข้าอย่างนั้นหรือ? ลู่เทียน!” หญิงชราหันมาตวาดใส่ชายชราอย่างเกรี้ยวกราด
“ซินเหยียน! เจ้าไม่เข้าใจหรืออย่างไรว่าพวกเราไม่ควรยื่นมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องของชนรุ่นหลัง ถ้าเจ้ายังขืนดื้อดึง มันก็จะทำให้ข้าไม่มีทางเลือก ต้องสอดมือเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในที่สุด บางที! อาจจะต้องลงมือสังหารพวกลูกศิษย์ของเจ้าเพื่อเป็นการห้ามปรามสัก 2-3 คน แต่! ข้าไม่อยากจะทำอย่างนั้นเลยจริง ๆ” น้ำเสียงของเขายังนุ่มนวลเหมือนเรื่องการสังหารยอดฝีมือเป็นแค่การเชือดไก่มาทำอาหารเท่านั้น มือถูกยกขึ้นมาลูบเคราของตัวเองด้วยอาการครุ่นคิดเล็กน้อย ช่างเป็นชายตาบอดที่แสดงเก่งไม่เบาเลยทีเดียว
“เจ้าขู่ข้าอย่างนั้นใช่มั้ย?” สีหน้าของหญิงชราบิดเบี้ยวมากยิ่งไปกว่าเดิม
“ไม่เลย! แค่บอกให้รู้ถึงทางเลือกของข้าเท่านั้น แต่ถ้าเจ้าคิดว่ามันเป็นการขู่ ก็ให้ถือว่าข้าขู่เจ้าเถอะ!” ชายชรายักไหล่ออกมาเบา ๆ
สายตาอันดุดันและแข็งกร้าวของหญิงชราเปลี่ยนเป้าหมายแล้ว มันหันไปจ้องอยู่ที่ตาแก่ลู่เทียนอย่างอยากจะกินเลือดกินเนื้อแทน
“ลู่เทียน! ตกลงว่าเจ้าจะขัดขวางข้าอย่างแน่นอนแล้วใช่มั้ย?” เธอคำรามออกมาอีกครั้ง
ไม่มีคำตอบออกมา แต่ดูเหมือนว่าความเงียบก็เพียงพอที่จะยืนยันความตั้งใจของชายชราได้เป็นอย่างดีแล้ว
“เฮอะ!” หญิงชราซินเหยียนส่งเสียงแค่นออกมา ก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อระงับโทสะของตัวเองอย่างเต็มที่ “ถือว่าเจ้าชนะ! ก็ได้ มันก็นานแล้วจริง ๆ นั่นแหละที่ข้าไปเยี่ยมเยียนสำนักของเจ้า ใช้โอกาสนี้ในการตรวจสอบดูเสียหน่อยว่าหลายสิบปีที่ผ่านมามันพัฒนาไปเป็นอย่างไรบ้างก็ดี” ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้
รอยยิ้มบนใบหน้าของชายชรากว้างออกจนเกือบจะถึงหู เขาผายมือให้หญิงชราอย่างร่าเริง “เจ้านำไปก่อนได้เลย” สายลมหมุนวนขึ้นอย่างฉับพลันทันทีที่สิ้นเสียงพูด หญิงชราหันมองจ้องลงมาที่เดวิดอย่างดุร้าย ก่อนที่ร่างของเธอจะก้าวหายไปในอากาศ ตาเฒ่าลู่เทียนหันหน้ามาทางเดวิดแวบหนึ่ง ก่อนที่จะขยับเท้าก้าวหายไปด้วยอีกคน
“ฮู้ว!!”
เดวิดพ่นลมหายใจที่กลั้นเอาไว้ออกมาอย่างรุนแรง ตั้งแต่ชายชราโผล่ขึ้นมา เขากังวลเป็นอย่างมากว่าเหล่าคนแก่จะรวมหัวกันรังแกเด็กน้อยที่น่ารักอย่างตัวเอง ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นขึ้นมา ไพ่ตายที่เดวิดพยายามซ่อนเอาไว้คงต้องถูกควักออกมาจนหมดอย่างแน่นอน การจะรับมือกับยอดฝีมือระดับนี้ 2 คนพร้อมกัน แค่จะหนีให้รอดปลอดภัยก็ยากเป็นอย่างยิ่งแล้ว
แต่ในเมื่อคู่รักเก่าพากันจากไปแล้ว มันก็หมายความว่าเรื่องยุ่งยากสงบลงชั่วคราว เขาส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปตรวจสอบทั่วบริเวณอย่างระมัดระวังอีกครั้ง ตาแก่หน้าไม่อายขี้ฟ้องนั่นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ในขณะที่เจ้าฟลินท์แอบไปหลบซ่อนตัวอยู่เสียไกลลิบ เดวิดถอนสภาวะเสริมพลังออกจนร่างกายลดขนาดลงจนเหลือเท่าปกติ ยัดเมกะตันเบลดกลับลงไปในแหวนเก็บของ เขาพร้อมจะออกเดินทางต่อแล้ว
หลังจากที่แยกแยะทิศทางได้แบบคร่าว ๆ เดวิดก็เริ่มเคลื่อนที่ไปบนพื้นด้วยความเร็วที่ไม่สูงมากนัก พร้อมกับตะโกนเรียกออกไปเสียงลั่น
“ฟลินท์ ตามมาให้ไวเลย!”
เขาไม่ต้องรอนานนัก เจ้าเสือดำน้อยตัวใหญ่พุ่งตามมาทันหลังจากเพิ่งเริ่มเคลื่อนที่ได้เพียงระยะทางสั้น ๆ เดวิดหันหลังกลับมายื่นข้อเสนอให้มันด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ลดขนาดตัวลงแล้วมานั่งอยู่บนไหล่ หรือไม่ก็กลับเข้าไปอยู่ในแหวน เลือกเอา! ฉันรีบอยู่ ไม่มีเวลามาวิ่งช้า ๆ รอแกอีก”
เสียงคำรามอย่างหงุดหงิดลั่นออกมาจากปากของเจ้าฟลินท์ใหญ่ แต่มันก็เหมือนจะรู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ปกติ เจ้ามนุษย์ 2 คนที่โผล่ออกมาทีหลังแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว บางทีอาจจะมีตามมาอีกก็ได้ ร่างของมันพุ่งวาบหายเข้าไปในแหวนเก็บของที่มือซ้ายของเดวิดอย่างไม่ต้องคิิดซ้ำ จะให้เกาะไหล่เป็นลูกแมวน้อยเหมือนเดิม? ไม่มีวันเสียล่ะ!
เดวิดส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะเริ่มหมุนเวียนทั้งเลือดในร่างกายและคลื่นสมองด้วยความเร็วสูง กระตุ้นใช้ทักษะท่องสายลมออกมาพร้อมกับการระเบิดพลังพันธุกรรม ร่างของเขาพุ่งลอยเหาะไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วที่ไม่ต่างจากการใช้ชุดอุปกรณ์สกายวอคเกอร์เลยแม้แต่น้อย แน่นอน! ทิศทางทางที่มุ่งหน้าไปคือการไปดักขึ้นเรือเหาะที่มาจากสถาบันนั่นเอง
เดวิดเหาะอยู่อย่างสบายใจได้แค่เพียงไม่ถึง 15 นาทีเท่านั้น สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็รับรู้ได้ว่ามีบางอย่างกำลังพุ่งไล่ตามมาด้วยความเร็วสูง เขาตั้งสมาธิเพื่อตรวจสอบให้ชัดเจนทันที และนั่นมันทำให้สีหน้ากลายเป็นดำคล้ำบิดเบี้ยวขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าพวกหน้าไม่อายเอ้ย!!”