ตอนที่ 27 นางเอกคุยกับน้องสาว
หวังเส้าเหรินไม่กล้าพูด
ดูเหมือนท่านฉีจะชอบใจเพ่ยเหลียนเสวี่ยมาก
ในความทรงจำของหวังเส้าเหริน ท่านฉีไม่ค่อยชอบหรือสนใจศิษย์คนไหน เขามักแสดงใบหน้าบึ้งแม้จะเจอกับประมุขดาวดำ
“ท่าน นี่..”หลังหยุด หวังเส้าเหรินก็ถาม“ท่านดูเหมือนจะค่อนข้างชอบเพ่ยเหลียนเสวี่ย?”
“อืม”ฉีไป่ซือมองเขาและพยักหน้า“เฟิงหยูเตี๋ยอยู่ภายใต้การดูแลของไท่สวี่อยู่แล้ว ถ้าไม่ตอบแบบนั้น ข้าก็ต้องตกลงกับนางตามนั้น แต่เด็กสาวอีกคนต่าง ตอนข้าสอบปากคำนางก่อนหน้า ข้าเห็นเส้นชีพจรนาง และโอ้..”
“มัน..มันทำไม?”
“อะแฮ่ม”ฉีไป่ซือกระแอม“ยังไงซะ อาจารย์นางก็ต้องโหดกับนางมากแน่ๆ”
“หะ..โหด?”
“อืม เด็กสาวคนนั้นบ่มเพาะในทางที่ยากมาก นางบ่มเพาะวิธีการหลอมกระดูกและข้อต่อ นางยังกินแมลงพิษและแช่ตัวเองในน้ำแข็ง”
ปากของหวังเส้าเหรินอ้ากว้าง“นางกิน..แมลงพิษ?ทำไมกัน?”
“ทำไม?”ฉีไป่ซือถอนหายใจและพูด“มันเป็นหลักการเดียวกับเม็ดยา ยิ่งเจ้ากิน มันยิ่งมีประสิทธิภาพน้อยลง ยิ่งนางกินแมลงพิษ มันยิ่งยากจะส่งผลต่อนางน้อยลง กล่าวอีกนัยหนึ่ง แมลงของผู้บ่มเพาะมารพวกนั้นไม่มีผลกับนางแล้ว”
“..”
“เพราะเหตุนี้ นางจึงเหนือกว่าผู้บ่มเพาะระดับเดียวกันทั้งในแง่ของพลังใจและพลังปราณ ถ้านางเรียนรู้วิชาที่ดีขึ้นและได้รับโอกาส นางจะต้องไม่ด้อยกว่าผู้บ่มเพาะที่มีรากปราณเดียว”
พอได้ยินแบบนี้ หวังเส้าเหรินก็นึกถึงเย่อันผิง ย้อนกลับไป ที่สำนักร้อยดอกบัวตอนเขาตรวจสอบเส้นชีพจรของเย่อันผิง เขาเองก็ผงะ คิดว่าเย่อาวโหดมากที่ฝึกลูกชายแบบนี้
แต่ตอนนี้ พอฟังท่านฉี เขาก็รู้สึกว่าเย่อาวช่างไร้หัวใจ ไม่เพียงจะให้ลูกชายบ่มเพาะวิธีผิดมนุษย์ แต่ยังให้เด็กสาวฝึกแบบเดียวกัน
“มันเป็นแบบนี้นี่เอง..”
ฉีไป่ซือพ่นลม “แต่ยังมีบางสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจ”
“มันคืออะไร?”
“ข้าเข้าใจได้ที่เฟิงหยูเตี๋ยรู้คำตอบจากปรมาจารย์ไท่สวี่ แต่เพ่ยเหลียนเสวี่ยบอกว่าคำตอบนี้พี่ชายนางมอบให้”
“แล้วไงขอรับ?”
“แล้วใครสอนพี่ชายนาง?”
“พี่ชายนางก็ควรเป็นประมุขสำนักร้อยดอกบัวที่สอน”
“เย่อาว?”ฉีไป่ซือจ้องเขา“เป็นไปไม่ได้ ข้าเคยเจอเขา เขาไม่ได้ตรัสรู้และมีรากปราณธรรมดา เขาไม่มีทางเข้าใจมัน”
พอพูด เขาก็มองกระดาษทดสอบที่กองในห้อง ยืนขึ้นและพูด“การบ่มเพาะของเพ่ยเหลียนเสวี่ยแปลกไปหน่อย ข้าจะไปตรวจสอบในห้องตำรา”
“อ่อ..ครับ”
หลังมองดูฉีไป่ซืออกไป หวังเส้าเหรินก็ไม่คิดมาก นั่งกลับและให้คะแนนต่อ แต่หลังตรวจดูไปสองสามใบ เขาก็ยิ่งคิด
ไม่ถูกแล้ว!
ท่านฉีไปแล้ว แต่ยังมีกระดาษสอบอีกเป็นหมื่นในห้อง และตอนนี้ เขาต้องตรวจเองหมด
ในชั่วพริบตา เขาก็หน้าดำ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาก็แค่รองผู้อาวุโส
“เห้อ’
หวังเส้าเหรินถอนหายใจและหยิบกระดาษมาตรวจ
เช้าวันต่อมา
ขณะที่เฟิงหยูเตี๋ยยังหลับเป็นตาย เพ่ยเหลียนเสวี่ยตื่นแต่เช้า ฝึกเพลงกระบี่เงาใบไม้ในลานด้านนอกจวน
นางสะบัดกระบี่ไม้ ใบไม้ที่ร่วงใต้เท้าดูเหมือนจะมีชีวิต ตามทิศทางของกระบี่ ไม่ว่าจะม้วนไปด้านข้าง หนึ่งตรงไปตามปลายกระบี่
เปราะ
หนึ่งในไม้ไผ่โดนใบไม้ของนางตัดเป็นชิ้นๆ
เพ่ยเหลียนเสวี่ยพยักหน้าพอใจและเก้บกระบี่ไม้ไว้บนหลัง
“ข้าสงสัยว่าพี่ชายข้าทำอะไรอยู่นะ? ไหนบอกว่าจะตามข้ามา?”นางหน้ามุ่ย“นี่ก็วันสองของการคัดเลือกแล้ว เขายังไม่มาเลย!”
เวลานี้ เสียงผู้หญิงดังจากด้านหลังนาง
“เจ้าเพิ่งใช้ไม้ไผ่นี่เป็นเป้าฝึกเหรอ?”
“อะ?!”เพ่ยเหลียนเสวี่ยมองไปด้านหลังอย่างตกใจ พบว่าเป็นคุณหนูของสำนักดาวดำ
เสี่ยวอวิ๋นหลัวสวมชุดม่วงและพกกระบี่ราคาแพงไว้บนหลัง นางยืนพิงรั้ว ดูเหมือนจะดูเพ่ยเหลียนเสวี่ยฝึกมาสักพักแล้ว
“..”เพ่ยเหลียนเสวี่ยจ้องนาง จากนั้นก็เหลือบมองไม้ไผ่นับสิบที่โดนนางตัดและถามเสียงเบา“มันห้ามเหรอ?”
เสี่ยวอวิ๋นหลัวก้าวมาและถอนหายใจ“ไม้ไผ่นี่คือไม้ไผ่สายฟ้าเมฆา หนึ่งต้นมีค่าสองพันหินปราณ มันยังไม่โตดี และเจ้าก็ตัดมันแล้ว”
“สอง..สองพัน?!”เพ่ยเหลียนเสวี่ยตาเหลือก
“คือ..นี่..”นางมองไม้ไผและมองอวิ๋นหลัว จากนั้นก็มองไม้ไผ่ใหม่ และก้มหัวอย่างรู้สึกผิด“ข้าไม่รู้”
“คือ เจ้าไม่รู้ เลยตัดมันตามใจชอบ?”
“อา..”
เพ่ยเหลียนเสวี่ยพูดไม่ออก นางจะไปรู้ได้ไงว่าไม้ไผ่หน้าตาธรรมดาจะแพงขนาดนี้
นางเหม่อสักพัก พลันคิดถึงยาที่ผู้บ่มเพาะวิญญาณแรกก่อตั้งจากเมื่อวานที่มอบให้นาง นางหยิบออกมาและถาม“ข้าใช้นี่เป็นค่าชดเชยได้ไหม?”
“นี่?”เสี่ยวอวิ๋นหลัวมองขวดยาในมือนางที่มีสัญลักษณ์ดาวดำสลักและถามด้วยคิ้วขมวด“เจ้าไปเอามาจากไหน?”
“ผู้อาวุโสที่ดูแลการสอบเมื่อวานให้ข้ามา”
“ท่านฉี..”เสี่ยวอวิ๋นหลัวขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม นางโตในดาวดำ ทำไมนางจะไม่รู้จัก?
ชายชราคนนั้นขี้เหนียวจะตาย
นางรับขวดมาและเปิดจุกดู
“เม็ดยาก่อตั้งรากฐานขั้นสูง อืม..มันคุ้มมาก”
เพ่ยเหลียนเสวี่ยถามอย่างไร้เดียงสา“มันพอจะจ่ายค่าไม้ไผ่นี่ไหม?”
พอมองใบหน้าจริงจังของนางที่กระตือรือร้นจะจ่ายค่าเสียหาย เสี่ยวอวิ๋นหลัวก็พูด“อุ้ฟ..ข้าล้อเล่น เจ้าเชื่อจริงเหรอเนี่ย?ถ้ามันเป็นไม้ไผ่สายฟ้าเมฆา มันจะถูกปลูกที่นี่และไม่มีใครคุ้มกันได้ไง?”
“..”เพ่ยเหลียนเสวี่ยอาย เหนือสิ่งอื่นใด นางไม่เคยเห็นไม้ไผ่อะไรนั่นมาก่อน
“ก็ได้ เลิกล้อเล่นแล้ว การฝึกกระบี่ของเจ้าแปลก นี่มันวิชาอะไร?”
“คือ..”เพ่ยเหลียนเสวี่ยลังเล นึกถึงตอนนางออกสำนักร้อยดอกบัว พี่ชายนางสั่งว่าถ้าใครถามถึงวิชากระบี่ นางควรบอกว่าพี่ชายนางเป็นคนสอน
นางจึงพูดว่า“พี่ชายสอนข้า”
“แล้วมันเป็นวิชาอะไรละ?”
“มันเป็นวิชาที่พี่ชายสอนข้า”
เสี่ยวอวิ๋นหลัวจ้องใบไม้บนพื้น ยักไหล่“ช่างมัน การทดสอบกระบี่กำลังจะเริ่ม ไปเรียกสหายของเจ้ามา”
“สหายของข้า?”
เสี่ยวอวิ๋นหลัวเอียงหัวและถาม“อะไร?ไม่ใช่ว่าเด็กสาวผมเงินคือสหายเจ้าเหรอ?”
“ใช่..”เพ่ยเหลียนเสวี่ยผงะ“ข้าเป็นสหายติดตามของนาง”
“..”
เสี่ยวอวิ๋นหลัวลอบตกใจในใจ พอเห็นว่าวิชากระบี่ของเพ่ยเหลียนเสวี่ยดีแค่ไหน นางก็กลัวจะไม่ได้เป็นที่หนึ่งในการคัดเลือก
นางพยักหน้าอายๆ“อืม ใช่ ข้าลืมทักทายพวกเจ้าเมื่อวาน ข้าชื่อเสี่ยวอวิ๋นหลัว เจ้าเรียกข้าว่าสหายเสี่ยวก็ได้”
“อืม ผู้อาวุโสหวังบอกเราแล้วเมื่อวาน”เพ่ยเหลียนเสวี่ยพยักหน้า“ขอบใจสหายเสี่ยวที่เตือนข้า”
เพ่ยเหลียนเสวี่ยก็ไปบ้านเพื่อปลุกเฟิงหยูเตี๋ย
แต่พอเห็นนางไป เสี่ยวอวิ๋นหลัวก็ดูอายๆขณะที่คว้าไหล่นางและถาม“เอ่อ บอกชื่อเจ้าด้วยสิ!”
“โอ้…เพ่ยเหลียนเสวี่ย”