ตอนที่ 26 เฟิงหยูเตี๋ยพบสาวใหม่
หวังเส้าเหรินเดิมวางแผนจะให้เฟิงหยูเตี๋ยอาศัยในถ้ำเขาในเวลาทดสอบเจ็ดวัน
เหนือสิ่งอื่นใด ประมุขขอให้เขาดูแลนาง
ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่สุนัขก็ยังไม่อยากใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่คนห้าสิบคนอยู่ด้วยกัน บางคนยังเท้าเหม็น นอนกรน
แต่ เพราะท่านฉีขอให้เขาเตรียมที่ดีๆให้ทั้งสองอาศัย หวังเส้าเหรินจึงพบทางออกและพาทั้งสองสามไปที่พักศิษย์สายใน
นั่นคือดินแดนที่ตั้งบนยอดเขาเมฆาสวรรค์ของสำนักดาวดำ มีบ้านสร้างใหม่สิบหลังบนที่นี่ ล้อมด้วยสมุนไพรนานาชนิด ทิวทัศน์งดงาม เต็มไปด้วยพลังปราณ แต่ มันดูเหมือนว่าบ้านเหล่านี้จะยังสร้างไม่เสร็จดี ช่างฝีมือหลายคนจากสำนักดาวดำกำลังรีบไปทำให้เสร็จ
ที่พักเหล่านี้มีไว้สำหรับศิษย์ที่ผ่านการคัดเลือก แต่มีเพียงสิบอันดับแรกที่จะได้ย้ายเข้า ศิษย์ส่วนใหญ่จะถูกส่งไปอาศัยบนยอดเขาอื่น คนสี่หรือหกคนมักอาศัยในห้องเดียวกัน
ที่นี่มีเตาหลอมยาชั้นหนึ่งสำหรับหลอมยาและทุ่งพิเศษสำหรับการปลูกสมุนไพรบ่มเพาะ ดินในทุ่งยังอุดมสมบูรณ์และพอจะสนองความต้องการส่วนใหญ่ของผู้บ่มเพาะก่อตั้งรากฐาน
หลังหวังเส้าเหรินพาทั้งสองมาที่นี่ด้วยกระบี่บินของเขา เขาก็พูด“เฟิงหยูเตี๋ย เจ้าสามารถเลือกหลังไหนก็ได้ในสิบหลังเพื่ออาศัยจนกว่าเจ้าจะถึงขั้นปลายของก่อตั้งรากฐาน หลังจากนั้น สำนักจะมอบที่ดินให้เจ้าและเจ้าสามารถสร้างบ้านตัวเองได้”
“หนึ่งหลัง..”
เฟิงหยูเตี๋ยมองเพ่ยเหลียนเสวี่ยและซ่อนรอยยิ้ม นั่นหมายความว่านางจะได้พักในห้องเดียวกับนางไปอีกนานเลยสินะ?
ตื่นด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ฝึกฝนด้วยกันทุกวัน…
ถ้าแม่นางเพ่ยเหนื่อยจากการฝึก นางจะนวดไหล่
ถ้าแม่นางเพ่ยอยากอาบน้ำ นางจะถูหลังให้…
“ฮิฮิ…ฮิฮิ..”
เพ่ยเหลียนเสวี่ยเหลือบมองนางที่ทำตัวเหมือนคนโง่และถาม“ผู้อาวุโส ในฐานะสหายติดตาม ข้าจะอยู่ที่นี่ได้ด้วยงั้นเหรอ?”
“ขอแค่เฟิงหยูเตี๋ยเต็มใจ เจ้าจะอยู่กับนางก็ได้ ยังมีห้องรับรองบนยอดเขาน้ำพุจันทร์ที่เตรียมไว้ให้ผู้ติดตามโดยเฉพาะ..”
“ข้าเต็มใจ!”เฟิงหยูเตี๋ยรีบขัด“แม่นางเพ่ย เจ้าจะอยู่กับข้านับจากนี้ไป เราจะนอนด้วยกัน ฝึกด้วยกัน และกินของอร่อยด้วยกัน เป็นไง?”
“..”
เพ่ยเหลียนเสวี่ยถอยห่างจากนางด้วยใบหน้ารังเกียจ เป็นเวลาเดือนครึ่ง ผู้หญิงคนนี้พยายามเอาใจนางทุกทาง ถึงขั้นทำเป็นสุนัขตอนขึ้นเขา
นางคิดว่าเฟิงหยูเตี๋ยต้องทำแบบนี้เพื่อให้ได้เข้าใกล้พี่ชายนาง เหนือสิ่งอื่นใด พี่ชายนางรักนางเป็นน้องสาวและถ้าเฟิงหยูเตี๋ยอยากแต่งงานกับเขา งั้นก็ต้องแสดงด้านดีให้นางเห็น
ครั้งนี้..
“ผู้อาวุโสหวัง?”
ไม่ไกล หญิงสาวที่บ่มเพาะกระบี่เห็นพวกเขา นางเก็บกระบี่และเดินมาทักทายหวังเส้าเหริน
นางอายุพอๆกับพวกเพ่ยเหลียนเสวี่ย ผมม่วง ตาทอง หางม้าสี่ข้างทั้งด้านหน้าและหลัง ชุดยังดูแพง
นางสำรวจเพ่ยเหลียนเสวี่ยกับเฟิงหยูเตี๋ยและถาม“ผู้อาวุโสหวัง ทำไมถึงพาพวกนางมาที่นี่?”
“อา..”หวังเส้าเหรินลำบากใจ เหนือสิ่งอื่นใด เขาพาเพ่ยเหลียนเสวี่ยกับเฟิงหยูเตี๋ยมาที่นี่เพราะเขาสร้างปัญหาให้พวกนาง“มันเป็นท่านฉีที่ขอให้ข้าหาที่พักดีๆให้พวกนาง”
“ท่านฉี?”นางขมวดคิ้ว“แต่นี่ขัดกับกฎ มีเพียงศิษย์สิบอันดับแรกถึงย้ายมาที่นี่ได้”
“อืม..ทั้งสองจะต้องติดสิบอันดับแรกแน่”หวังเส้าเหรินหยุดก่อนพูดเสริม”ข้าแค่อยากให้พวกนางมาที่นี่ล่วงหน้า เหนือสิ่งอื่นใด เจ้าก็รู้สภาพของบ้านพักรวมพวกนั้น’
เด็กสาวดูไม่เห็นด้วยและเถียง“การทดสอบกระบี่และร่างกายยังไม่เริ่ม แต่ก็สรุปแล้วว่าพวกนางจะผ่าน?”
แม้นางจะอายุพอๆกับเฟิงหยูเตี๋ย ท่าทีนางก็เหนือจนหวังเส้าเหรินพูดไม่ออก
“คือ…”
“ผู้อาวุโสหวัง พวกนางมาจากตระกูลใหญ่ใช่ไหม?พวกนางให้อะไรท่าน?”เด็กสาวจ้องตาหวังเส้าเหริน“การคัดเลือกดาวดำจัดทุกห้าปี ท่านควรรู้กฎ การรับสินบทไม่เหมาะสม ถ้าผู้อาวุโสคนอื่นรู้ ท่านจะโดนลงโทษ..”
หวังเส้าเหรินถอนหายใจ มองเฟิงหยูเตี๋ยกับเพ่ยเหลียนเสวี่ยด้านหัลงเขา จากนั้นก็โน้มตัวไปกระซิบ“คุณหนู จริงๆแล้วไม่ใช่แค่ท่านฉี แต่ประมุขก็ขอให้ข้าดูแลพวกนาง”
“แม่ขอให้ท่านดูแล..”นางมองเฟิงหยูเตี๋ยกับเพ่ยเหลียนเสวี่ยใหม่ ขมวดคิ้วสับสนและถาม“ทำไมกัน?”
“คือ..เรื่องนี้ คุณหนูควรไปถามประมุขเองจะดีกว่า”
“..”
เด็กสาวกัดปาก ไม่พอใจมาก แต่ไม่พูดอีกหลังจ้องเฟิงหยูเตี๋ยกับเฟิงหยูเตี๋ย นางก็สะบัดหน้า กลับบ้านไป
หลังนางไป เฟิงหยูเตี๋ยก็มา“ผู้อาวุโสหวัง นางเป็นใคร?นางสวยจัง”
“สวย..”หวังเส้าเหรินตกตะลึง“นางชื่อเสี่ยววอวิ๋นหลัว นางเป็นคุณหนูของสำนักดาวดำ ในเมื่อพวกเจ้าสองคนรุ่นเดียวกับนาง ก็เรียกนางว่าสหายเสี่ยวละกัน”
เฟิงหยูเตี๋ยพยักหน้า มองบ้านของเสี่ยวอวิ๋นหลัว แต่หลังจากนั้นไม่นาน นางก็รีบเดินกลับมาหาเพ่ยเหลียนเสวี่ยด้วยรอยยิ้ม ขยิบตา
“แม่นางเพ่ย นางไม่สวยเท่าเจ้าหรอก”
เพ่ยเหลียนเสวี่ย“ข้าไม่สน เจ้าจะพูดเพื่อ?”
“ไม่สน ไม่สน!หึ”เฟิงหยูเตี๋ยพ่นลมและยิ้มใหม่“ฮี่ๆ”
หวังเส้าเหรินสำรวมท่าทางและนำทางทั้งสองขณะอธิบาย“ข้าจะบอกเรื่องพื้นฐานให้ฟัง แต่ละจวนจะมีเตาหลอมขั้นสูง โดยปกติ..”
..
หลังพาทั้งสองไปบ้าน หวังเส้าเหรินก็กลับไปที่พักเขาและนั่งสมาธิ ตะวันพลบ หลังการสอบเขียนจบ ฉีไป่ซือก็เรียกเขามาให้คะแนนคำตอบ
แต่ขณะที่กำลังรวบรวมกระดาษ เขาก็ต้องให้คะแนนกระดาษทดสอบทั้งหมื่นด้วยตัวเอง
ฉีไป่ซือเลือกแค่ส่วนน้อยที่เขาสนใจจะให้คะแนนเอง
เขาให้คะแนนเฟิงหยูเตี๋ย 95 หักห้าเพราะลายมือบัดซบ สำหรับเพ่ยเหลียนเสวี่ย นางได้เต็มร้อย
แม้หวังเส้าเหรินจะคิดว่าทั้งสองจะได้คะแนนสูง แต่คะแนนเต็มก็เหนือความคาดหมาย
ก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีใครได้คะแนนเต็มมาก่อนในการทดสอบของดาวดำ เหนือสิ่งอื่นใด เนื้อหานี้ไม่ใช่คำตอบมาตรฐานทางดาราศาสตร์หรืออะไร มันจะได้คะแนนแค่ไหนขึ้นอยู่กับอารมณ์ของผู้คุมสอบ
หลังลังเลสักพัก หวังเส้าเหรินก็พยายามแนะนำ“ท่านฉี มันดีจริงหรือที่จะให้คะแนนเต็ม?คำตอบนี้ลึกซึ้งก็จริง แต่ไม่ต้องให้คะแนนเต็ม แค่หักสักสองสามแต้ม”
ฉีไป่ซือวางกระดาษที่ถือลง“ฮึ่ม!ข้าประเมินของข้าแบบนี้ ถ้ามีใครค้าน ก็ให้มาคุยกับข้าเอง”