ตอนที่ 1505 ล้มเหลว
หางโจว, วั่นกู่ กรุ๊ป
ห้องทํางานของประธาน เว่ย เทียนเฉิง เพิ่งจัดการประชุมเสร็จ และกำลังดูทีวีจากในช่วงเวลาว่างที่หายากนี้ ..ของเขา
เลขาฯ ก็ได้นำกาแฟเข้ามาให้ หลังวางลงแล้วก็พร้อมจะจากออกไป
จู่ๆ ทันใดนั้น เว่ย เทียนเฉิง ก็ถามขึ้นว่า : “เสี่ยวหวัง เห็น เจี้ยนเซิง กลับมาหรือยัง?”
เลขาฯ ตอบว่า : “ยังไม่เห็นคะ ท่านประธาน”
เว่ย เทียนเฉิง กล่าวว่า : “ถ้าคุณเห็นเขา ช่วยเรียกเขาให้เข้ามาพบฉัน”
“โอเคค่ะ ท่านประธาน” เลขาฯ ตอบรับแล้วเดินออกไป
เว่ย เทียนเฉิง หยิบกาแฟขึ้นมา และจิบมันอย่างครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขานั้นค่อนข้างมั่นใจเกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการของ จินอวี้ กรุ๊ป และเชื่อว่าลูกชายของเขาจะไม่ทําให้เขา ..ผิดหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องนี้เขาได้มอบหมายมันให้กับ เว่ย เจี้ยนเซิง เป็นคนจัดการ
ตัวเขามีลูกชายสามคน คนนี้เป็นลูกชายคนเล็กที่เขาไว้วางใจที่สุด.. เพราะมันมีเพียงแต่ลูกชายคนเล็กคนนี้เท่านั้นที่แสดงความโดดเด่นออกมามากที่สุด, หากพูดไปแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโต เว่ย เจี้ยนเซิง ก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง
แต่เดิม ทายาทที่เขาลงทุนปลูกฝังมากที่สุดคือ ลูกชายคนโต ..ของเขา เว่ย จี้เซิง ในฐานะลูกชายคนโตของเขา ธุรกิจของครอบครัวควรได้รับการสืบทอดโดยบุตรชายคนโต ดังนั้นเขาจึงได้ลงทุนลงแรงไปอย่างมากในการปลูกฝัง เว่ย จี้เซิง แต่แล้ว เว่ย จี้เซิง กลับทําให้เขารู้สึกผิดหวังมาก และเขาดูไม่เหมือนทายาทที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเลย..
ในการรับมือกับ หยงจิ่ว กรุ๊ป เว่ย จี้เซิง ได้ถูกลงโทษโดย เว่ย เทียนเฉิง เนื่องจากผลงานของเขานั้นย่ำแย่มาก และตอนนี้เขาได้ถูกลดตําแหน่งลงไปเป็นพนักงานตัวเล็กๆ ภายในบริษัท
เมื่อพูดถึงลูกชายทั้งสามคน เว่ย เทียนเฉิง ยังจําเรื่องหนึ่งได้ เขาเคยให้เงินก้อนหนึ่งแก่ลูกชายทั้งสามคนนี้ของเขาอย่างเท่าๆ กัน ทั้งหมดเป็นเงิน 100 ล้านหยวน และปล่อยให้พวกเขาออกไปเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง
เป็นผลให้ลูกชายคนโต เว่ย จี้เซิง เปิดบริษัท และขาดทุนไปกว่าครึ่ง บริษัทประสบกับปัญหาเงินทุน และสุดท้ายก็ต้องปิดตัวลงไปในที่สุด
ลูกชายคนที่สองของเขา ไม่สนใจในด้านธุรกิจเลย และกล่าวปฏิเสธออกมาโดยตรง
มีเพียงลูกชายคนที่สาม เว่ย เจี้ยนเซิง ที่ได้นำเงิน 100 ล้านหยวน เริ่มต้นจากบริษัทเอเจนซี่เล็กๆ ผ่านการบ่มเพาะดารามากมาย จนขึ้นกลายมาเป็น หนึ่งในสามบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการบันเทิง เงินทุนเริ่มต้นจาก 100 ล้านหยวนในปีนั้น ได้เพิ่มขึ้นกว่าหลายสิบเท่า..
“การเข้าซื้อกิจการ จินอวี้ กรุ๊ป ในครั้งนี้ ตราบใดที่ เจี้ยนเซิง ทําได้ดี.. บางทีฉันควรพิจารณาเกี่ยวกับประเด็นของผู้สืบทอดอย่างเป็นทางการได้แล้ว”
เว่ย เทียนเฉิง พึมพำออกมา
ทายาทของตระกูลไม่จำเป็นต้องเป็นบุตรชายคนโต ใช่แล้ว มันเป็นเพียงประเพณีเท่านั้นที่บุตรชายคนโตจะสืบทอดตำแหน่งทายาทของตระกูล แต่สิ่งที่เขาสนใจมากกว่าคืออนาคตของ วั่นกู่ กรุ๊ป ถ้ามอบ วั่นกู่ กรุ๊ป ให้กับ เว่ย จี้เซิง นั่นเท่ากับว่าการทำงานหนักทั้งหมดของเขาก็จะสูญเปล่าไป ดังนั้นหากมอบมันไปให้กับลูกชายคนโตของเขาที่เป็นแบบนี้แล้ว ..มันจะไปมีประโยชน์อะไร?
ไม่จำเป็นต้องยึดติดอยู่กับกฎเกณฑ์นั้น..
เว่ย เทียนเฉิง คิดจนถึงตอนนี้ว่า เว่ย เจี้ยนเซิง เขาเป็นผู้สืบทอดที่ดีที่สุดในใจของเขา และเขาก็มั่นใจมากว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้ได้…
“ข่าวธุรกิจ เมื่อครู่นี้เอง บริษัทในท้องถิ่น จินอวี้ กรุ๊ป ได้ออกประกาศว่า จินอวี้ กรุ๊ป ได้ถูกซื้อกิจการไปโดย หยงจิ่ว กรุ๊ป แล้ว มีรายงานออกมาว่า หยงจิ่ว กรุ๊ป กลุ่มประกอบการขนาดใหญ่ในหยุนเฉิง ครั้งนี้ได้มาที่หางโจว เพื่อเข้าซื้อ จินอวี้ กรุ๊ป ทั้งนี้จะมีการประกาศการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่จะออกมาในเร็วๆ นี้ คนในวงการวิเคราะห์ว่า จินอวี้ กรุ๊ป กําลังเผชิญกับการล้มละลาย และในความจริงที่ว่า หยงจิ่ว เข้ามาดูแล จินอวี้ กรุ๊ป นั้น ส่งสัญญาณที่ไม่ธรรมดา…”
มีข่าวกำลังออกอากาศทางโทรทัศน์
ข่าวนี้ได้ขัดจังหวะความคิดของ เว่ย เทียนเฉิง โดยตรง และทำให้ เว่ย เทียนเฉิง ตกตะลึง
อะไรนะ?
จินอวี้ กรุ๊ป ถูกซื้อกิจการไปโดย หยงจิ่ว?
ข่าวนี้ออกมาเร็วมาก!
ดูเหมือนว่าทางฝั่ง หยงจิ่ว กรุ๊ป ต้องการจะปล่อยสัญญาณบางอย่าง ถึงทุกคนในโลกธุรกิจ แน่นอนว่า เว่ย เทียนเฉิง ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับ หยงจิ่ว และเขาเองก็รู้สึกไม่คุ้นเคยกับการกระทำแบบนี้ของ หยงจิ่ว กรุ๊ป หลินฟาน ดูเหมือนกําลังจะปูทางไปสู่การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ นอกจากนี้ หลินฟาน ก็ยังดูกระตือรือร้นที่จะรีบประกาศข่าวนี้ ..ดูเหมือนการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่นี้ไม่เพียงแต่จะเร่งด่วนเท่านั้น และอีกไม่นานจะต้องมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เกิดขึ้น!
ท้ายที่สุดแล้ว อะไรคือจุดประสงค์ของ หยงจิ่ว กรุ๊ป ที่ต้องได้มาซึ่ง จินอวี้ กรุ๊ป?
..ไม่!
นั่นไม่ใช่ประเด็น!
ใบหน้าของ เว่ย เทียนเฉิง จมลง เขา.. ล้มเหลว เว่ย เจี้ยนเซิง ล้มเหลวจริงๆ!
จินอวี้ กรุ๊ป ถูกซื้อไปโดย หยงจิ่ว นี่ก็ซึ่งหมายความว่าในการต่อสู้เพื่อ จินอวี้ กรุ๊ป ในครั้งนี้ วั่นกู่ กรุ๊ป ของพวกเขาได้พ่ายแพ้อีกครั้ง และเขาได้พ่ายแพ้ให้กับ ไอ้เด็ก หลินฟาน นั่นอีกครั้งแล้ว!
“มี.. มันมีอย่างที่ไหนกัน!”
เว่ย เทียนเฉิง โกรธมากจนขว้างแก้วกาแฟในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง ทั้งเศษแก้ว และกาแฟหกกระจายไปทั่วโต๊ะ
เว่ย เทียนเฉิง อดไม่ได้ที่จะโกรธ เพราะในที่สุดเขาก็มีความมั่นใจมากในครั้ง และคิดว่าการเข้าซื้อ จินอวี้ กรุ๊ป นั้น มันเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว ภารกิจครั้งนี้เขาก็ได้มอบให้กับ เว่ย เจี้ยนเซิง คนที่เขาไว้วางใจมากที่สุดไปจัดการ ดังนั้นมันก็สมควรจะไร้ข้อผิดพลาด!
..ใครจะรู้!
มันยังล้มเหลว!
ความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าจากที่ผ่านมาจะให้เขา เว่ย เทียนเฉิง กลืนความโกรธที่มากมายนี้ไปได้อย่างไร!
“เจี้ยนเซิง มันกําลังทําบ้าอะไร ทําไม.. ทำไมแม้แต่ จินอวี้ กรุ๊ป ก็จัดการไม่ได้!” เว่ย เทียนเฉิง พูดกับตัวเองด้วยความโกรธ
จินอวี้ กรุ๊ป เป็นเพียงกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก และกำลังเผชิญกับการล้มละลายอยู่ก่อนแล้ว ประเด็นคือ จินอวี้ กรุ๊ป เป็นบริษัทในหางโจว ข้อได้เปรียบนี้มันก็อยู่ในมือของ วั่นกู่.. แล้วเช่นนี้มันสามารถล้มเหลวได้? และหากล้มเหลว จะสามารถอธิบายได้ว่า อย่างไร?
ข่าวนี้ก็ผ่านไป ผู้ประกาศข่าวก็ได้เปลี่ยนไปพูดข่าวอื่นแล้ว..
เว่ย เทียนเฉิง อารมณ์เสีย และรู้สึกหงุดหงิดมาก เขาไม่มีอารมณ์ที่จะดูอะไรอีกต่อไปแล้ว จากนั้นเขาก็ปิดทีวี
ในตอนนี้.. เขาสงสัยมากว่าทำไม จินอวี้ กรุ๊ป ถึงเลือก หยงจิ่ว? พวกเขาได้พ่ายแพ้ตรงไหนแน่? และท้ายที่สุดแล้ว หยงจิ่ว กรุ๊ป มาที่หางโจว เพื่อซื้อ จินอวี้ กรุ๊ป จุดประสงค์ของอีกฝ่ายนั้นคืออะไร?
ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้..
ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เว่ย เทียนเฉิง คิดว่าเป็น เลขาฯ ของเขา เขาจึงพูดอย่างไม่แยแสไปว่า : “เข้ามา”
ประตูถูกเปิดออก แต่กลับเป็น เว่ย เจี้ยนเซิง ที่เดินเข้ามา
“ท่านพ่อ.. ผมได้ยินจาก เสี่ยวหวัง พูดว่า ท่านพ่อ กำลังตามหาผมอยู่.. เหรอครับ?” เว่ย เจี้ยนเซิง พูดด้วยรอยยิ้ม : “ผมเองก็เพิ่งกลับมา”
เว่ย เทียนเฉิง สังเกตคําพูด และดูสีหน้าของ เว่ย เจี้ยนเซิง นี่ถือเป็นการฝืนยิ้มหรือไม่? แล้วทําไมเขา.. ต้องฝืนยิ้มด้วย เขาไม่รู้จริงๆ หรือว่า จินอวี้ กรุ๊ป ได้ประกาศต่อสาธารณชนแล้วว่าถูกซื้อไปโดย หยงจิ่ว?
เว่ย เทียนเฉิง รีบปรับสายตา และสีหน้าของเขา แล้วพูดว่า : “ใช่ ฉันเรียกหาแก ฉันอยากรู้ว่า การเข้าซื้อกิจการของ จินอวี้ กรุ๊ป แกดำเนินการไปถึงไหนแล้ว?”
เว่ย เจี้ยนเซิง กล่าวว่า : “ท่านพ่อ สบายใจได้ เรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจากันอยู่ เมื่อได้ผลแล้ว ผมจะบอกกับพ่อทันที และผมก็มั่นใจมากในการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้”
เว่ย เทียนเฉิง กล่าวว่า : “..ในตอนเช้า ฉันจําได้ว่าแกเคยพูดว่าวันนี้ผู้ถือหุ้นของ จินอวี้ กรุ๊ป จะโหวตลงคะแนนเสียง แล้ว.. มาตอนนี้ทำไมแกถึงพูดว่ากําลังเจรจาอยู่?”
เว่ย เจี้ยนเซิง รีบพูดไปว่า : “ท่านพ่อ.. คือมันเป็นแบบนี้ การโหวตลงคะแนนในครั้งนี้ถูกยกเลิกแล้ว พวกเขาได้ย้ายไปลงคะแนนกันในวันอื่น ซึ่งในเรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผม ต่อไป.. ผมจะหาวิธีจัดการกับผู้ถือหุ้นทั้งหมด อีกอย่างพวกเขาเป็นคนหางโจว ดังนั้นผมเชื่อว่าพวกเขาจะต้องเชื่อฟังผม”
เว่ย เทียนเฉิง ร้องโอ้ออกมา : “เป็นแบบนี้เองเหรอ? แล้วเรื่องนี้แกวางแผนที่จะจัดการกับมันให้เสร็จเมื่อไหร่?”
เว่ย เจี้ยนเซิง กล่าวว่า : “ท่านพ่อ สบายใจได้ มันจะจบลงในเร็วๆ นี้”
เว่ย เทียนเฉิง กล่าวว่า : “นี่หรือก็คือแกวางแผนจะแย่งชิง จินอวี้ กรุ๊ป ไปจากมือของ หยงจิ่ว กรุ๊ป? และแกก็ตั้งใจจะเอาเงินไปก้มหัวขอร้อง หลินฟาน ให้ขาย จินอวี้ กรุ๊ป ให้กับแก หรือไม่กัน ..เจี้ยนเซิง!?”
เว่ย เจี้ยนเซิง ตกใจมาก : “พ.. พ่อ…”
ปัง!
เว่ย เทียนเฉิง ตบโต๊ะอย่างแรง และพูดด้วยความโกรธไปว่า : “สารเลว! แกคิดว่าจะหลอกฉันไปได้ ..อีกนานแค่ไหนกัน? การที่แกมันล้มเหลวก็ช่าง แต่ฉันกลับคาดไม่ถึงเลยว่า แก.. จะยังกล้าคิดที่จะโกหกฉันได้?!”
เว่ย เจี้ยนเซิง ได้มีเหงื่อเย็นๆ ไหลออกมาจากหน้าผาก นี่มันบ้าอะไรกันวะ! พ่อรู้ ..รู้อยู่แล้วงั้นเหรอ? เรื่องที่ จินอวี้ กรุ๊ป ถูกซื้อไปโดย หยงจิ่ว?
มัน.. เป็นไปได้ยังไง พ่อไม่เคยติดตามเรื่องนี้ แล้วเขาจะรู้เรื่องนี้ไปได้อย่างไร?
เขาไม่กล้าบอก เว่ย เทียนเฉิง เร็วขนาดนี้จริงๆ และกำลังคิดว่าจะใช้วิธีอื่นเพื่อให้ได้ จินอวี้ กรุ๊ป มา..
โดยเขาไม่คาดคิดว่า เว่ย เทียนเฉิง จะรู้ถึงเรื่องนี้แล้ว
“พ่อครับ พ่อ.. พ่อรู้ได้อย่างไร?” เว่ย เจี้ยนเซิง กล่าวออกไปด้วยเสียงสั่นเครือ จบเห่แล้ว.. พ่อไม่เพียงแต่รู้เท่านั้น แต่เขายังเปิดเผยว่าเขาโกหก.. และครั้งนี้มันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว