บทที่ 45: [เนื้อเรื่องเสริม] เอวาเจลีน ครอส (3)
บทที่ 45: [เนื้อเรื่องเสริม] เอวาเจลีน ครอส (3)
ฉันตกตะลึงอย่างมาก
ปากของฉันถึงกับห้อยลงมาเล็กน้อย
“เพราะท่านเป็นองค์ชายที่ชอบสร้างปัญหามากที่สุดในจักรวรรดิ!”
คำตอบของเอวานเจลีนว่าทำไมเธอถึงกลายเป็นแฟนตัวยงของฉันทำให้ฉันพูดไม่ออก
“…”
เธอประชดฉันอยู่หรือไง?
ขณะที่ฉันรู้สึกงุนงงและไม่อาจเข้าใจความคิดของเด็กสาวคนนี้ เอวานเจลีนก็ส่ายมือทั้งสองข้างและอธิบายอย่างละเอียด
“ไม่นะ คือฉันไม่ได้พยายามล้อเลียนหรือประชดประชัน! ฉันชื่นชมท่านจริงๆ ที่เป็นพวกหัวขบถไม่สนกฎ”
“เอ่อ…อะไรนะ? ทำไมกันเล่า?”
“ก็ฉัน… ต้องการท้าทายท่านพ่อ”
เอวานเจลีนยักไหล่อย่างเชื่องช้า
“ฉันปรารถนาที่จะทำให้พ่อเดือดดาลให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สร้างปัญหา สร้างความวุ่นวายทำให้นามสกุลต้องมัวหมอง ฉันอยากใช้ชีวิตแบบนั้น”
ดูเหมือนการแก้ปัญหาจิตใจที่ซับซ้อนของวัยรุ่นจะไม่ใช่เรื่องง่าย
“แต่ฉันจะว่ายังไงดี…มันดูจะยากกว่าที่ฉันจินตนาการไว้มากโข ในตอนแรกมันได้ผล เพราะพ่อของฉันเกลียดอัศวินจากราชบัณฑิตยสถานแห่งเวทมนตร์ ดังนั้นทันทีที่ฉันหนีไป ฉันก็ลงทะเบียนที่นั่นเลย”
"แล้วจากนั้น?"
“แต่แล้วเมื่อฉันเข้าร่วมสถาบันการศึกษา สิ่งที่พวกเขาให้ฉันทำคือฝึกทั้งวันทั้งคืน ทำให้ตัวฉันห่างไกลจากการหลงผิด ถูกหล่อหลอมให้เป็นนักเรียนต้นแบบ”
นักเรียนต้นแบบ แหม ก็ชมตัวเองน้อยไปนะ
เอวานเจลีนสำเร็จการศึกษาหลักสูตรหกปีราชบัณฑิตยสถานแห่งเวทมนตร์ในเวลาเพียงสามปี จบการศึกษาด้วยระดับสูงสุดของชั้นเรียนของเธอ เธอเป็นอัจฉริยะที่จะได้รับการจดจำในประวัติศาสตร์ของสถาบันการศึกษาแห่งนี้เลยทีเดียว
“สิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำได้คือการตัดการสื่อสารทั้งหมดกับพ่อของฉัน”
“นั่นถือเป็นการประท้วงที่มีเสน่ห์ทีเดียว…”
“ในขณะที่ฉันใช้ชีวิตเช่นนี้ ฉันก็ได้ยินเกี่ยวกับท่าน เจ้าชายแอช”
สายตาของเอวานเจลีนหันมามองฉัน ดวงตาของเธอเป็นประกาย
“ความกล้าหาญของท่านที่จะท้าทายจักรพรรดิผู้มีอำนาจสูงสุดของจักรวรรดิ กระทั่งเขาผู้เป็นบิดาของท่านเอง! วิธีที่สร้างสรรค์ของท่านในการปลุกปั่นปัญหาสัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า! ถึงขั้นฟุ่มเฟือยสร้างน้ำพุจากเหรียญทองและทำลายกำแพงที่ประดับไปด้วยอัญมณีล้ำค่า!”
“…”
“องค์จักพรรดิถึงกับพิโรธท่านจนทรุดเลยไม่ใช่เหรอ? นั่นเป็นสิ่งที่น่าทึ่งจริงๆ! เป็นตำนานที่ควรถูกเล่าขานสืบต่อไป!”
ฉันรู้สึกได้เลยว่าเธอกำลังล้อเลียนฉันอยู่ ใช่ไหมนะ? หรือว่าไม่ใช่กัน?
“ทุกครั้งที่ฉันได้ยินเรื่องข่าวของท่านยามใด ฉันก็รู้สึกใจเต้นทุกครั้ง ท่านเป็นแบบอย่างของฉันเลย!”
"ฉันเข้าใจแล้ว..."
ใครจะคิดกันเล่าว่าวิถีชีวิตที่บ้าบิ่นของฉันจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครบางคนมายกย่องฉันแบบนี้? ชีวิตช่างเต็มไปด้วยเรื่องประหลาดใจมากเสียจริง
’ยินดีด้วยแอช ชีวิตที่เสเพลของนายไม่ได้มีไว้เสียเปล่า’
ฉันหัวเราะกลวงๆ และถามอย่างไม่แน่ใจว่า
“แล้วเธอเกลียดพ่อของเธอจริงๆ ใช่ไหมเอวานเจลีน?”
"อืม...."
เอวานเจลีนหยุดชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าตอบไป
"ใช่แล้ว ฉัน…เกลียดเขาจริงๆ ”
“แล้วทำไมถึงเกลียดล่ะ?”
“คือว่ามีเหตุผลหลายประการ …”
สีหน้าที่ซับซ้อนปรากฏบนใบหน้าของเธอ แต่เธอรีบปัดมันออก ยืดคอของเธอและมองไปรอบๆ
“แล้วพ่อที่รักของฉันอยู่ที่ไหนกันแน่เนี่ย? แม้ว่าเขาจะเกลียดลูกสาวที่หนีไป แต่อย่างน้อยเขาก็ควรจะมาพบและพูดคุยกับฉันทั้งที่หายไปสามปีไม่ใช่เหรอ?”
“…”
“ฉันวางแผนที่จะจุดดอกไม้ไฟ 100 วิธีที่คิดขึ้นมาได้หลังจากสังเกตการกระทำของท่านมาหลายปี เขาซ่อนตัวเพราะกลัวงั้นเหรอ?”
ฉันกลืนน้ำลายลงไปอย่างเงียบงัน
“นี่เธอเดินทางมาที่นี่โดยไม่รู้ข่าวอะไรเลยเหรอ เอวานเจลีน?”
"เอ๊? มีข่าวอะไรเหรอ? ฉันเพิ่งเรียนจบและกลับบ้านเองนะ”
“…”
"อะไรเล่า? มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ...?"
“…”
คำพูดของฉันติดอยู่ในลำคอ เมื่อสังเกตความเงียบของฉัน ใบหน้าของเอวานเจลีนก็เริ่มเปลี่ยนไป
บางทีเธออาจรู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ฉันไม่สามารถมองสายตาของเธอได้อีกต่อไปและค่อยๆ ก้มศีรษะลง
ความรู้สึกนั้นแปลกประหลาดมาก
การที่ต้องมาเป็นผู้แจ้งข่าวที่น่าเศร้าเกี่ยวกับพ่อของเธอเอง
“ฉันเสียใจที่ต้องบอกเธอเรื่องนี้ด้วย เอวานเจลีน”
ความรู้สึกร้อนและอึดอัดราวกับว่าฉันกลืนชิ้นส่วนโลหะร้อนเข้าไปในท้อง
เมื่อหยุดแรงกระตุ้นที่จะเก็บมันไว้ ฉันก็ฝืนคำพูดที่เป็นดั่งโชคชะตา
“พ่อของเธอเสียชีวิตแล้ว”
“…”
“ไม่กี่วันที่ผ่านมา ในการต่อสู้กับสัตว์ประหลาด เขาเสียสละตัวเองเพื่อช่วยทุกคนในเมือง เขาตายเยี่ยงวีรบุรุษ”
ฉันเล่าถึงการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของชาร์เลส มาร์คกราฟแห่งครอสโรด เอวานเจลีนฟังด้วยใบหน้าอันไร้อารมณ์
“ฉันได้รวบรวมการกระทำของเขาและรายงานต่อราชวงศ์ ด้วยความกล้าหาญของเขา เขาอาจได้รับพระราชทานเหรียญเกียรติยศทางทหาร”
“…”
“งานศพจะจัดขึ้นในอีกสามวันและฉันตั้งใจที่จะให้ความเคารพอย่างสูงสุด”
เอวานเจลีนนั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียง แข็งเหมือนดั่งหิน
ฉันตัดสินใจว่ามันคงไม่ใช่เวลาที่จะบอกความปรารถนาสุดท้ายของมาร์คกราฟ ดังนั้นฉันจึงเงียบไปและนั่งอยู่ข้างๆ เธอ
เธอกลับบ้านหลังจากห่างหายไปนาน เพื่อมารู้ว่าพ่อที่เธอทิ้งไปได้เสียชีวิตแล้ว
ฉันไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าเด็กสาวตรงหน้าฉันจะรู้สึกยังไง
"...ฮ่าฮ่า"
หลังจากเงียบไปสองสามนาที เสียงหัวเราะแห้งๆ ก็ดังออกมาจากเอวานเจลีน
“ฉันอุตส่าห์กำลังจะเริ่มสวมบทบาทเป็นลูกสาวแสนดื้อด้านอย่างจริงจังสักหน่อย แต่เขาดันต่อยฉันเข้าเต็มเปาเลยแฮะ”
“…”
“เขาพูดเสมอว่าจะตายจากการต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ฉันไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนั้นจริงๆ”
ใบหน้าของเอวานเจลีนซีดเผือดขณะที่เธอหัวเราะออกมา
“เขาจากไปโดยไม่แม้แต่จะมารับความขุ่นเคืองจากฉัน…”
"ฉันขอโทษด้วย"
เอวานเจลีนมองมาที่ฉันความสับสนที่ฝังอยู่บนใบหน้าของเธอ
“ทำไมองค์ชายต้องขอโทษด้วย?”
“เพราะฉันคือเจ้าเมืองแห่งนี้ ผู้บังคับบัญชาแนวหน้า การตายของพ่อเธอย่อมเป็นหนึ่งในภาระที่ฉันควรแบกรับเอาไว้”
ฉันโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งต่อเอวานเจลีน
“ดังนั้นเธอจะตำหนิฉันแทนก็ได้”
“…”
"ฉันขอโทษด้วย"
เอวานเจลีนที่เฝ้าสังเกตฉันอย่างเงียบๆ ก็ได้ถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
“… ท่านคือเจ้าชายแอชจริงหรือ?”
"อะไรนะ?"
“ไม่สิ มันก็แค่ …เจ้าชายแอชที่ฉันเคยได้ยินมาคือเหมือนว่าจะมากกว่านี้…”
เอวานเจลีนกลอกตาชั่วขณะ เพื่อค้นหาคำตอบที่ถูกต้อง
“เขาเป็นคนโหดเหี้ยมที่หมกมุ่นอยู่กับตัวเอง บ้าบิ่นและปฏิบัติต่อคนรอบข้างไม่ดีนัก แต่ท่านดู เป็นห่วงผู้อื่นมากเกินไป”
“เลิกเรียกฉันว่าคนบ้าต่อหน้าเถอะ…”
“แต่มันก็จริงใช่ไหมล่ะ? จำสิ่งที่ท่านทำในเมืองหลวงได้ไหม?”
“แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง แต่ฉันก็ยังเป็นเจ้าชายนะ ให้ตายเถอะ! เคยได้ยินเรื่องความผิดฐานดูหมิ่นราชวงศ์ไหม? ทำอย่างนี้ต่อไปเดี๋ยวก็จะมีผลตามมาหรอก”
“อืม ค่อนข้างน่าขันแฮะเมื่อได้ยินคำแบบนี้จากคนที่ถูกเนรเทศมาที่นี่…”
บัดซบ ที่เธอพูดมามีเหตุผลนัก
เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าฉันเป็นทายาทของตระกูลครอส ซึ่งปกครองเมืองแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคน
ในขณะเดียวกัน ตัวฉันแทบจะถูกเนรเทศออกจากราชวงศ์และต้องมาลงหลักปักฐานที่นี่
โดยสรุปแล้ว ส่วนใต้สุดของจักรวรรดินี้ เอวานเจลีนอาจจะมีอำนาจมากกว่าฉันด้วยซ้ำ...
“ยังไงก็ขอบคุณที่เป็นห่วงนะองค์ชาย”
เอวานเจลีนเหมือนกลับมาได้สติอีกครั้ง
“แต่มันเหมือนกับไม่ใช่ความจริงเลย ทุกอย่างดูปลอมราวกับเป็นเพียงความฝัน”
“…”
“คือว่าฉันขอเวลาอยู่คนเดียวสักหน่อยนะคะ”
ฉันค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นั่งทันที
“คนรับใช้จะยืนอยู่ข้างนอกประตู หากต้องการอะไรเพิ่มเติม ก็เรียกได้เลย”
“…”
“พักผ่อนเถอะ”
เอวานเจลีนดึงผ้าห่มขึ้นมาที่ เธอไม่ได้มองมาทางฉันอีกต่อไป
หลังจากเหลือบมองเด็กสาวเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความคิดที่ยุ่งเหยิง ฉันก็ออกจากห้องไป
***
เอวานเจลีนที่ฉันพบในเกมเป็นผู้หญิงที่มีความสูงมากพอสมควร แต่เอวานเจลีนที่ฉันพบในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงวัยรุ่น
เมื่อฉันถามไอเดอร์ว่าทำไมมันถึงแตกต่างขนาดนี้ เขาก็อธิบายด้วยรอยยิ้ม
“ก่อนอื่นท่านต้องรู้อายุของเอวานเจลีนก่อน เธอจะอายุสิบหกปีในปีนี้”
“อืม งั้นก็…”
เดเมียนเป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดในปาร์ตี้ของเรา อายุเพียงสิบแปดปี ส่วนเธอเป็นรุ่นน้องของเขาถึงสองปี
’แต่ดูจากรูปลักษณ์ภายนอก เธอก็ดูไม่ถึงสิบห้าด้วยซ้ำ’
ฉันส่ายหัวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ฉันไม่ได้คิดเลยว่าลูกสาวของมาร์คกราฟแห่งตระกูลครอสจะยังเด็กนักเมื่อดูจากอายุของเขา…”
“มาร์คกราฟแห่งตระกูลครอสไม่ได้แต่งงานกันจนกระทั่งอายุสี่สิบกลางๆ เขาอายุมากกว่าห้าสิบปีเมื่อลูกสาวของเขาเกิดขึ้นมา”
ไอเดอร์กลั้นหัวเราะเบาๆ
“จะว่าไปแล้ว มาร์คกราฟกับภรรยาของเขามีอายุต่างกันสิบห้าปี ตอนนั้นมีเรื่องวุ่นวายมากเลยทีเดียวล่ะครับ”
“นายอายุเท่าไรกันเนี่ยถึงจะจำเรื่องทั้งหมดนี้ได้ ?”
“อายุของผู้ชายเป็นความลับที่ไม่ควรเปิดเผยนะครับ”
ไอเดอร์หลบเลี่ยงคำถามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ เป็นผู้อำนวยการเกมที่น่ากระทืบเสียจริง
“ซึ่งก็อย่างที่คุณรู้ เอวานเจลีนจะไม่ปรากฏในเกมจนกว่าจะถึงช่วงครึ่งหลังของปีที่สองหรือต้นปีที่สาม”
"อ๊า!"
ทันใดนั้นฉันก็เพิ่งจำได้
นั่นคือเวลาที่เอวานเจลีนควรจะปรากฏตัวในเกม มันคือประมาณสองปีนับจากนี้
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เด็กสาวคนนั้นจะเบ่งบานกลายเป็นวีรสตรีในอีกสองปีข้างหน้า ดูเหมือนสมัยนี้เด็กจะโตกันไวมากเลยนะ...
“ทว่าเนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ ในเกม ’นี้’ เธอจึงเข้ามาเร็วกว่าที่คาดไว้มาก”
"ฉันเข้าใจแล้ว"
ฉันดึงหน้าต่างระบบขึ้นมาทันที ข้อมูลของเอวานเจลีนพลันปรากฏขึ้น
[เอวานเจลีน (SSR)] <ตัวละครรับเชิญ>
-ระดับ: 35
-สมญานาม: ผู้สืบทอดไร้ประสบการณ์
-อาชีพ: อัศวินหอกขั้นสูง
-ความแข็งแกร่ง: 35 ความคล่องแคล่ว: 30 ค่าสติปัญญา: 20 ความทนทาน: 35 พลังเวทมนตร์: 20
ว้าว ระดับ SSR...
เพียงแค่เหลือบมองไปที่ค่าสถานะเหล่านี้ คลื่นแห่งความสุขก็ปรากฏบนใจของฉัน
แท๊งค์ล้วนผู้มีโล่และหอกอัศวิน ว่องไวและรุนแรง ช่างน่าประทับใจอะไรเช่นนี้ เธอเหมาะที่จะแทงค์ที่สามารถเข้ากับได้ทุกองค์ประกอบ
แต่สิ่งที่ทำให้เอวานเจลีนแตกต่างในฐานะแท๊งค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกมนี้ไม่ใช่แค่ค่าสถานะของเธอ แต่เป็นการผสมผสานทักษะร่วมกันของเธอต่างหาก
[ทักษะที่มีอยู่]
> ทักษะติดตัว: เสียงคำรามแห่งสนามรบ
> ทักษะที่ 1: เก็บความเสียหาย
> ทักษะที่ 2: สนองคืน
> ท่าไม้ตาย: ??? (ปลดล็อคหลังจากผ่านการเลื่อนอาชีพครั้งที่ 3)
ทักษะติดตัวเสียงคำรามแห่งสนามรบเป็นแก่นแท้ของอัศวินโล่ มันทำให้ศัตรูปั่นป่วนและสนับสนุนฝ่ายพันธมิตร
ทักษะทั่วไปเช่นนี้อาจแตกต่างกันอย่างมาก มันจะขึ้นอยู่กับอันดับและระดับของตัวละคร เนื่องจากเอวานเจลีนมีระดับ SSR ประสิทธิภาพทักษะของเธอจึงน่าจะยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ
เสียงคำรามเพียงครั้งเดียวในสนามรบ คงจะทำให้สถานการณ์ทั้งหมดได้เปลี่ยนไป
‘ทว่าตัวเปลี่ยนเกมที่แท้จริงคือทักษะที่สามารถใช้งานได้ต่างหาก’
ทักษะที่ 1: เก็บความเสียหาย
ทักษะที่ 2: สนองคืน
ความสามารถของพวกมันตรงไปตรงมาอย่างน่าอัศจรรย์ เก็บความเสียหายจะสะสมความเสียหายดูดซับไว้ที่โล่
ส่วนสนองคืนจะส่งความเสียหายที่สะสมไว้กลับไปยังศัตรู
ความสามารถที่แท้จริงของมันคือ แม้ว่าจะได้รับความเสียหาย เธอก็ไม่ได้รับมันเพราะเพียงแค่ ’เก็บ’ มันเอาไว้เท่านั้น
จากนั้นจึง ’สะท้อน’ ความเสียหายที่เกิดขึ้นใส่ศัตรู
‘แน่นอนว่าความจุในการจัดเก็บมีขีดจำกัด และทักษะที่สองไม่สามารถใช้ได้ตลอด’
หากความเสียหายเกินความจุในการเก็บ มันก็จะถูกตัวเธอโดยตรง
เหมือนกับการชก 777 ด้วยหมัดของฉันเมื่อวานนี้ หากการโจมตีที่รุนแรงเกิดขึ้นในครั้งเดียว ความเสียหายก็จะโดนทั้งหมด
และทักษะที่สองจะถูกเรียกใช้เมื่อความจุในการเก็บความเสียหายเต็มในระดับหนึ่งเท่านั้น
หากการโจมตีของศัตรูไม่ได้มีศักยภาพจะไม่มากพอ มันจะทำให้ทักษะที่สองไร้ประโยชน์
‘แม้จะมีจุดอ่อนเล็กน้อยเหล่านี้ แต่มันก็ไม่ได้ลดความจริงที่ว่าเธอมีพลังอันแข็งแกร่งมาก’
ส่วนที่ดีที่สุดคือคือแม้ว่าเธอจะเป็นสายแท๊งค์ล้วน แต่เธอก็สามารถมีส่วนร่วมในการโจมตีได้มากกว่าสายโจมตีทั่วไป
หากเธอเป็นส่วนหนึ่งของทีม เธอจะเป็นได้ทั้งแท๊งค์และตัวสร้างความเสียหาย
เธอเกือบจะเป็นตัวอย่างของแท๊งค์ที่มีความสามารถรอบด้านทั้งโจมตีและป้องกัน ดังนั้นผู้เล่นทุกคนจึงต้องการตัวเธอเป็นอ่ยางมาก
‘แต่มันไม่ได้มีแค่นั้น’
คุณลักษณะที่เอวานเจลีนมีก็เรียกได้ว่าอยู่เหนือทุกคนไประดับหนึ่ง
– คุณลักษณะที่สวมใส่ (2/3)
> ไม่อาจหยุดยั้ง
> เกิดสิ่งผิดพลาดได้ง่าย (ไม่สามารถลบล้างได้)
ไม่อาจหยุดยั้ง
มันเป็นเหมือนดั่งคำพูดของมัน เอวานเจลีน ’ไม่อาจหยุดยั้ง’ เธอมีความต้านทานต่อสถานะที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหว 100% เช่นการจับ การทำให้ช้าหรือแช่แข็ง
ไม่ว่าศัตรูจะพยายามขัดขวางอะไร เธอก็สามารถเพิกเฉยได้ทั้งหมด พุ่งตรงไปเหมือนรถถังนำวิถีและขจัดทุกสิ่งที่ขวางทาง
นี่เป็นทักษะติดตัวที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นเรื่องยากสำหรับแท๊งค์ที่จะมีทักษะติดตัวที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้
‘เธอเป็นตัวละครที่ขี้โกงจริงๆ เป็นตัวละครที่ขี้โกง… เดี๋ยวก่อนอะไรเนี่ย’
คุณลักษณะที่สองเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยพบมาก่อน
‘เกิดสิ่งที่ผิดพลาดได้ง่าย?'
เอวานเจลีนมีคุณลักษณะแบบนี้ด้วยเหรอ?
เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม ฉันจึงเรียกคำอธิบายขึ้นมา
[เกิดสิ่งผิดพลาดได้ง่าย]
– เนื่องด้วยเพราะยังเยาว์วัย เธอจึงไม่มีประสบการณ์นัก อาจมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาดเป็นครั้งคราว โอกาสที่เธอจะทำผิดพลาดทั้งครั้งใหญ่และครั้งเล็กในสนามรบจะสูงขึ้น
(คุณลักษณะนี้จะสลายไปเมื่อได้รับประสบการณ์บางอย่างแล้ว)
คำอธิบายนี้ปรากฏขึ้น
“บัดซบเอ๊ย!”
ฉันได้แต่ก่ายหน้าผาก
แน่นอนว่าคุณลักษณะที่ปรากฏก่อนหน้านี้ของเธอนั้นเป็นประโยชน์ แต่มันดันมาพร้อมกับคุณลักษณะที่เป็นอันตรายเช่นนี้เสียได้
’อืม แต่เธอก็ยังเด็กอยู่เลย...’
ด้วยอายุเพียงสิบหก เธอก็คงยังเป็นเพียงเด็ก
นี่ไม่ใช่สนามรบของเธอ แต่เป็นวัยที่ควรเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการพูดคุยกับเพื่อนๆ อย่างไร้กังวลมากกว่า
"นายท่าน!"
“…”
แรงสั่นสะเทือนที่ไม่คาดคิดได้พุ่งผ่านปลายนิ้วของฉัน
ไอเดอร์เข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเมื่อฉันนิ่งเงียบไป
“นายท่าน ท่านวางแผนที่จะรับคุณหนูเอวานเจลีนเข้าทีมของเราแล้วใช่ไหม?”
"หือ? อืม...."
ฉันพบว่าตัวเองไม่สามารถตอบกลับไปได้ทันที
มันเหมือนกับมีก้อนทองคำวางอยู่ตรงหน้าฉัน
เอวานเจลีนเป็นแท๊งค์ที่โดดเด่นในเกมนี้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย การรับเธอเข้าร่วมทีมเป็นสิ่งที่จำเป็น
ทว่า-
“สัญญากับฉันอย่างหนึ่งนะ องค์ชายแอช”
เสียงสะท้อนของคำวิงวอนสุดท้ายของมาร์คกราฟได้กระซิบเข้ามาในหูของฉันเมื่อหลายวันก่อน ยามที่เขาเสียชีวิตในอ้อมแขนของฉัน มันยังคงดังก้องอยู่ในใจของฉันอยู่เสมอ
ฉันจึงไม่สามารถตอบคำถามของไอเดอร์ได้ทันที ฉันได้แต่กัดริมฝีปากของตนจนเลือดแทบไหลรินออกมา