ตอนที่แล้วบทที่ 20 ฉันอยากซื้อเพลงของคุณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 22 ถูกบังคับให้ดื่มนม

บทที่ 21 นี่เธอเอาจริงเหรอ?


บทที่ 21 นี่เธอเอาจริงเหรอ?

ร้องเพลงนี้บนเวทีเหรอ?

หลินโจวนึกขึ้นได้ว่าสาวปลอมคนนี้เคยบอกว่าเธอเป็นนักร้อง แถมยังเป็นประเภทที่คนทั่วไปจะจดจำได้ทันทีที่ได้ยินเสียง เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แล้วพิมพ์ตอบกลับไปว่า:

“นี่คุณจริงจังเหรอ?”

กู่เหม่ย: "อืม"

หลินโจวรู้สึกว่าคนๆนี้ค่อนข้างน่าสนใจ หากไม่ได้กำลังคุยโม้ ก็คงจะกำลังแหย่เขาเล่น

ตระกะง่ายๆ ถ้าเธอเป็นนักร้องดังขนาดนั้นจริง ๆ ทำไมถึงต้องมาโผล่ในแพลตฟอร์มมือสมัครเล่นด้วย?

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขายังไม่ง่วงเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงอยากตามน้ำคนๆนี้สักหน่อย หลินโจวถามอีกครั้ง:

“แล้วคุณวางแผนที่จะจ่ายค่าลิขสิทธิ์เท่าไหร่?”

อีกฝ่ายไม่พูดพร่ำทำเพลง ตอบกลับทันทีว่า: "300,000"

หลินโจวอึ้งงันไปชั่วครู่ เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะทำอะไรกันแน่

นี่เธอกล้าเปิดราคาสูงขนาดนี้เลยจริงๆ เหรอ?

เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้ล้อเล่น เขาจึงตอบกับอย่างจริงจัง:

"ต้องขอโทษด้วย ฉันยังไม่ได้วางแผนขายลิขสิทธิ์ในตอนนี้ แต่ฉันสามารถขายสิทธิ์ในการคัฟเวอร์เพลงให้เธอได้"

เพลง “เสียดายที่ไม่ใช่เธอ” เป็นเพลงฮิตระดับขึ้นแท่น เพียงแต่ตอนนี้มันยังไม่แพร่หลาย ถ้าเกิดขายลิขสิทธิ์เพลงไปในตอนนี้คงจะน่าเสียดายไปหน่อย

ในความเป็นจริง 300,000 หยวนที่ “กู่เหมย” เสนอมานั้นถือว่าไม่ต่ำเลย

ลิขสิทธิ์เพลงของนักแต่งเพลงธรรมดาตกอยู่ที่หลักหมื่นหรือ 100,000 นิดๆ เท่านั้น ลิขสิทธิ์เพลงของนักแต่งเพลงชื่อดังเท่านั้นที่จะสามารถขายได้ในราคาสูง

รอให้หลินโจวมีชื่อเสียง กลายเป็นนักแต่งเพลงมือทองแล้ว ลิขสิทธิ์เพลงของเขาก็จะขายได้ในราคาหลักล้านหรืออาจจะสูงกว่านั้นด้วยซ้ำ

นั่นจึงจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการขายลิขสิทธิ์เพลงออกไป

อย่างไรก็ตาม หากกู่เหม่ยต้องการร้องเพลงนี้จริงๆ สิทธิ์ในการคัฟเวอร์เพลงนี้ก็ยังสามารถขายให้เธอได้

ในดาวเคราะห์สีฟ้า หากนักร้องต้องการร้องเพลงคนอื่นบนเวที ก็จะต้องซื้อสิทธิ์ในการคัฟเวอร์ก่อน

และสิทธิ์ในการคัฟเวอร์นี้ก็จะใช้ร้องได้เพียงแค่ครั้งเดียว

แน่นอนว่าสิทธิ์ในการคัฟเวอร์ราคามักจะไม่สูงนัก ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเพลง โดยทั่วไปจะอยู่ที่หลักร้อย หลักพัน ไปจนถึงหลักหมื่นหรือสองหมื่นไม่มากไปกว่านั้น

ท้ายที่สุดแล้ว นักร้องเหล่านี้เพียงแค่ร้องเพลงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่ได้ปล่อยเพลงบนชาร์ตเพลง

หลินโจวเสนอขายลิขสิทธิ์คัพเวอร์ให้กับกู่เหม่ยนั้น ส่วนหนึ่งก็เพื่อทดสอบว่าอีกฝ่ายจริงจังหรือไม่ หรือแค่มาล้อเล่น

ผลก็คือทันทีที่หลินโจวส่งข้อควาไป อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาทันที: "50,000"

หลินโจว: "???"

นี่พี่ชายสมองคุณลัดวงจรเหรอ? คุณเสนอค่าลิขสิทธิ์เพลง 300,000 หยวน แต่กลับยอมจ่าย 50,000 เพื่อสิทธิ์ในการคัฟเวอร์เพลงแค่ครั้งเดียว?

คุณซื้อของเป็นไหมเนี่ย!

ถ้าคุณออกไปทำธุรกิจด้วยนิสัยแบบนี้ รับรองว่าต้องเจ๊งแน่นอน?

แต่เมื่อดูจากท่าทีของอีกฝ่ายแล้ว ดูเหมือนจะไม่ได้ล้อเล่นซะด้วย ท้ายที่สุด ก่อนหน้านี้เขาก็เคยคุยเรื่องดนตรีกับคนๆนี้มาก่อน อีกฝ่ายดูเป็นมืออาชีพดี และน่าจะเป็นคนที่จริงจังพอสมควร

เมื่อเห็นว่าหลินโจวเงียบไปไม่ได้ตอบกลับ กู่เหม่ยก็ส่งข้อความมาอีกครั้ง: "60000"

หลินโจว: "..."

หลินโจวรู้สึกสับสนไปหมด แต่ก็ยังรีบ: "50,000 ก็พอแล้ว"

เขาไม่ใช่คนโลภ แม้แต่ค่าลิขสิทธิ์คัฟเวอร์เพลงที่ฮิตมากๆ ยังมีราคาแค่ 30,000 ถึง 40,000 หยวนเท่านั้น นี่เป็นสิทธิ์ในการร้องเพลงแค่ครั้งเดียว ราคานี้ก็ถือว่าสูงมากแล้ว

ค่าธรรมเนียมในการคัฟเวอร์ประเภทนี้ นักแต่งเพลงต่างนอนกินได้สบายๆ โดยไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ควรจะโลภมากเกินไป

ในเวลาเดียวกัน กู่เหม่ยก็ถามต่อว่า: "แล้วจะจ่ายเงินให้คุณยังไง?"

หลินโจวมั่นใจแล้วว่าพี่ชายคนนี้ไม่รู้ขั้นตอนเกี่ยวกับการขายเพลงเลย สัญญาก็ยังไม่ได้เซ็น แต่กลับต้องการโอนเงินให้ฉันแล้ว นี่คุณยังสติดีอยู่หรือเปล่า?

หลินโจวส่งข้อความ "รอสักครู่" จากนั้นเขาก็เปิดโทรศัพท์ค้นหาแบบฟอร์มสัญญาข้อตกลงในการคัฟเวอร์เพลงมาแก้ไขเล็กน้อย แล้วส่งไปให้อีกฝ่าย

เขาทำงานเป็นผู้ช่วยของเซิ่นเหยามาเป็นเวลาสามปี ดังนั้นเรื่องจุกจิกแบบนี้เขาถนัดอยู่แล้ว

“คุณอ่านสัญญาแล้วลงนาม เสร็จแล้วก็ถ่ายรูปส่งกลับมาให้ฉัน”

กู่เหม่ย: "ฉันจะจ่ายเงินให้คุณตอนนี้เลย"

เธอค่อนข้างรีบร้อน

หลินโจวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี พี่ชายคนนี้ดูซื่อมากจริงๆ โชคดีที่มาเจอเขา ถ้าเจอพวกต้มตุ๋นแล้วล่ะก็ คงจะโดนหลอกจนหมดตัวแน่ๆ

หลินโจวคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกดส่งหมายเลขบัญชีธนาคารของน้องสาวเขาไป: "คุณโอนเงินเข้าบัญชีนี้ได้เลย"

ครอบครัวของหลินโจวค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย เขามีพี่และน้องสาว โดยพี่สาวเป็นลูกติดพ่อ ส่วนน้องสาวนั้นคือน้องแท้ๆ พ่อแม่เดียวกัน

น้องสาวของหลินโจวยังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 เธอมักจะใช้เวลาว่างในช่วงปิดเทอมไปทำงานพิเศษ เป็นสาวน้อยที่มีความรับผิดชอบมาก

หลินโจวมักจะส่งเงินให้น้องสาวของเขาอยู่บ่อยๆ จำเลขบัญชีของน้องสาวได้ขึ้นใจ

หากกู่เหม่ยต้องการซื้อสิทธิ์ในการคัฟเวอร์เพลงนี้จริงๆ เงิน 50,000 หยวนนี้จะเพียงพอสำหรับค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพของเธอได้จนเรียนจบ

ไม่นานหลังจากนั้น กู่เหม่ยก็ส่งข้อความมากว่า: "ฉันโอนไปแล้ว"

แต่ก่อนที่หลินโจวจะได้ตอบกลับ โทรศัพท์ของเขาก็สั่น

เป็นน้องสาวของเขา หลินเสี่ยวซวงที่โทรมา

หลินโจวตกใจเล็กน้อย โชคดีที่เขาปิดเสียงโทรศัพท์มือถือเอาไว้ ไม่อย่างนั้น ก็คงจะรบกวนการพักผ่อนของซูชิงเหม่ย เขารีบลุกจากโซฟา ค่อยๆ เปิดประตูเบา ๆ แล้วเดินออกไปข้างนอก

เมื่อเปิดประตูห้องออกไปแล้ว เขาจึงกดรับสาย

“พี่ชาย จู่ๆ ฉันก็ได้รับเงิน 50,000 หยวน”

ระหว่างพี่น้องไม่มีอะไรต้องสุภาพ หลินเสี่ยวซวงกล่าวขึ้นตรงๆ

เนื่องจากหลินโจวโอนเงินให้เธอเป็นประจำ จู่ๆ เธอก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชี 50,000 หยวน เธอจึงนึกถึงหลินโจวเป็นคนแรก

“เอาล่ะ เสี่ยวซวงนั่นคือเงินที่พี่ได้จากธุรกิจ เงินก้อนนี้คงเพียงพอสำหรับค่าเทอมและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของเธอ”

หลินโจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่เขาก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าน เขาไม่คิดว่ากู่เหม่ยจะจ่ายเงินเร็วขนาดนี้

นี่เธอเป็นนักร้องจริงๆเหรอ?

“โอเคพี่ ฉันจะเก็บเงินนี้เอาไว้ให้”

หลินเสี่ยวซวงไม่ได้พูดอะไรมาก ก่อนหน้านี้เธอเคยบอกพี่ชายเธอว่าไม่ต้องให้เงินเธอหรอก แต่หลินโจวก็ไม่ฟัง

ดังนั้นหลินเสี่ยวซวงจึงใช้จ่ายอย่างประหยัดเก็บเงินทั้งหมดที่หลินโจวโอนมาให้

แต่หลินโจวก็ยังคงกลัวว่าน้องสาวของเขาจะลำบาก เขาจึงยังคงโอนเงินให้อีกเรื่อยๆ หลินเสี่ยวซวงจึงเก็บเงินไว้มากขึ้นเรื่อยๆ

พี่น้องสองคน คนหนึ่งหาเงินและอีกคนเก็บเงิน เริ่มหมุนเวียนเหมือนระบบธนาคารภายในครอบครัว มีประโยชน์ไปอีกแบบ

พอได้ยินน้ำเสียงเรียบๆของน้องสาว หลินโจวก็ได้แต่ถอนหายใจ แม้ว่าหลินเสี่ยวซวงจะมีอายุยังไม่ถึง 20 ปี แต่เธอก็มีความคิดเป็นของตัวเองและมีความเป็นตัวเองสูง ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเธอได้

“เอาเถอะ ถ้าเธอเงินไม่พอใช้ก็ถอนออกมาใช้ได้เลย พี่ยังหาเงินได้เรื่อยๆ”

หลินโจวได้แต่ถอนหายใจ พูดย้ำอีก 2-3 ประโยคก่อนจะวางสายไป

เดินกลับเข้าห้อง ปิดประตูเบา ๆ หันไปมองเตียงที่อยู่หลังม่าน และมองกลับไปเห็นว่าซู ชิงเหม่ยเหมือนจะขยับตัวเล็กน้อย

ฉันทำให้เธอตื่นรึเปล่า?

หลินโจวเดินกลับไปยังเงียบๆ ล้มตัวลงนอน พิมพ์ส่งข้อความถึงกู่เหม่ย: "ฉันได้รับเงินแล้ว คุณมีแผนจะร้องเพลงนี้เมื่อไหร่"

เขาอยากรู้ว่าพี่ชายคนนี้จะร้องเพลง "เสียดายที่ไม่ใช่เธอ" ที่ไหน

"วันอังคารหน้า"

กู่เหม่ยตอบกลับมาประโยคเดียว และไม่พูดอะไรอีก

หลินโจวมองข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาอย่างจนปัญญา บอกแค่วันเวลา แต่ไม่บอกสถานที่จะรู้ได้อย่างไรว่าเธอร้องที่ไหน?

ในเวลาเดียวกัน บนเตียงหลังผ่าม่าน

ซูชิงเหม่ยขดตัวอยู่ในผ้าห่ม ท้องของเธอยังคงรู้สึกไม่สบายอยู่บ้างเหนื่อยล้าเล็กน้อย แต่จิตใจกลับกระปรี้กระเปร่า

อาทิตย์หน้าเธอจะร้องเพลง "เสียดายที่ไม่ใช่เธอ" บนเวทีของรายการ "I am a Singer!”

หลังจากที่ได้ยินเพลงนี้เป็นครั้งแรกเมื่อคืนก่อน เธอก็ชอบมันมาก และคิดว่าเพลงนี้จะสมบูรณ์แบบมากกว่านี้หากร้องโดยเสียงของผู้หญิง

เดิมทีเธอตั้งใจที่จะซื้อลิขสิทธิ์เพลงนี้ แต่ตอนนี้ก็นับว่าไม่เลว ได้สิทธิ์ในการคัฟเวอร์เพลงนี้มา อย่างน้อยอาทิตย์หน้าเธอก็สามารถร้องเพลงนี้ได้

ในฐานะศิลปิน จะมีอะไรน่าตื่นเต้นไปกว่าการที่ได้ร้องเพลงที่ชอบบนเวที?

ซูชิงเหม่ยหยิบหูฟังของเธอออกมาแล้วเปิดวิดีโอเพลง "ียดายที่ไม่ใช่เธอ" ของเสวี่ยโจวฟังอีกครั้ง

ภายในความมืดมิด แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่าง ตกกระทบลงบนขอบเตียง หญิงสาวร่างผอมบนเตียงค่อยๆ หลับตาลง ขณะที่มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด