ตอนที่ 288 รสชาติที่น่าสงสัย (ฟรี)
(ตอนเดียวครับวันนี้ ติดงานที่ออฟฟิตครับ)
หนี่จี๋ชาถือแก้วน้ำด้วยความลังเลและไม่กล้าที่จะกิน
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็สบตาเข้ากับสายตาที่กำลังคาดหวังของมินโฮ
เธอเองก็ไม่อยากทำให้มินโฮเสียใจ เธอนำหลอดเข้าปากและค่อยๆ ดูดน้ำขึ้นมา
ของเหลวสีเขียวอ่อนไหลขึ้นมาตามหลอด เมื่อสัมผัสกับลิ้นรสชาติแรกที่เจอเลยคือความขม และกลิ่นเฉพาะของผัก
หนี่จี๋ชาคิ้วขมวด ก่อนที่รสอันเป็นเอกลักษณ์ของชาประกายแสงจะออกมา ช่วยลดความขมของผัก
และตามมาด้วยรสหวานของน้ำผึ้ง ทั้งสามรสผสมผสานอยู่ในปากตลอดเวลา
มินโฮถามอย่างคาดหวัง
“เป็นไงบ้าง”
“รสชาติมันซับซ้อนมาก ทั้งขมหวาน แต่ก็อร่อย”
หนี่จี๋ชาจิบไปอึกใหญ่ ก่อนที่จะลองกินดูอีกครั้ง
มินโฮยิ้มไปพยักหน้าไป
“ถ้าออกมาดีก็ดีแล้ว”
“ชานมไข่มุกได้แล้วค่ะ”
เว่ยหยูหลันพูดขึ้น
“ของฉันๆ”
อามันรีบลุกขึ้นไปรับแก้วน้ำของเธอ พร้อมกับมองดูแก้วน้ำและหลอดแก้วด้วยความสงสัย
“แก้วกับหลอดนี้สามารถเอากลับไปได้ด้วยใช่ไหม”
“ค่ะ”
เว่ยหยูหลันพยักหน้าเบาๆ
ราคาของชานมไข่มุกอยู่ที่ 3 ผลึกสัตว์อสูรชั้นต้นระดับสุดยอด ส่วนแก้วน้ำกับหลอดแก้วนั้นก็ไม่แพงอะไรในเมืองเต่าทมิฬ
“ฮิๆ ฉันจะได้เอากลับบ้านด้วย”
แววตาของอามันเป็นประกาย
เธอเปิดปากขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะเอาหลอดเข้าปากและเริ่มดูด
ชานมเย็นๆ ได้ไหลลงไปในคอของเธอ กลิ่นหอมจางๆ ก็ตีขึ้นจมูกมาพร้อมกับความหวานมันที่เต็มอยู่ในช่องปาก
“กลิ่นนี้มัน…”
แววตาของอามันลุกโชน และพูดอย่างหลงไหล
“รสหวานมันกำลังดี อร่อยมาก”
เธอเลียริมฝีปากและเริ่มดูดชานมอีกครั้ง พร้อมกับดูดไข่มุกเข้าไปด้วย
อามันเริ่มเคี้ยวไข่มุกที่เหนียวหนึบ และยังมีรสหวานอ่อนๆ อีกด้วย
“น้ำมะเขือเทศเย็นได้แล้วค่ะ”
เว่ยหยูหลันพูดขึ้นมาอีกครั้ง
อาชิงได้ยินก็รีบเดินเข้าไปรับแก้วน้ำทันที
น้ำมะเขือเทศนั้นทำมาจากการนำน้ำชาผสมกับน้ำมะเขือเทศ
อาชิงมองดูแก้วเครื่องดื่มอย่างถี่ถ้วน เธอเห็นของเหลวสีแดงอ่อนๆ และมีมะเขือเทศหั่นเป็นแว่นสองแผ่นลอยอยู่
อาชิงค่อยๆ จิบน้ำมะเขือเทศ รสชาติแรกที่เธอรู้สึกคือความหวานอมเปรี้ยวอันเป็นเอกลักษณ์ของมะเขือเทศ และกลิ่นที่ขึ้นมาติดที่ปลายจมูก อีกทั้งกลิ่นของชาเองก็กระจายอยู่ทั่วปาก
เธอรีบถามอย่างสงสัยทันที
“นี้น้ำมะเขือเทศราคาเท่าไหร่งั้นหรอ”
“ราคาเท่ากับชานมไข่มุกค่ะ 3 ผลึกสัตว์อสูนชั้นต้นระดับสุดยอด”
เว่ยหยูหลันตอบอย่างสุภาพ
“ผลึกสัตว์อสูรชั้นต้นระดับสุดยอด 3 ก้อนงั้นหรอ”
อาชิงฟังพร้อมกับเปิดริมฝีปากขึ้นมาเล็กน้อย
เธอตั้งใจว่าเดือนหนึ่งจะดื่มสิ่งนี้สักสองสามครั้ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะมีรายได้มากพอมาซื้อรึป่าว
“มันอร่อยมาก รสชาติก็ดี”
อามันทำตาพริมพร้อมกับดูดชานมไข่มุกอย่างเอร็ดอร่อย
มินโฮถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็เอื้อมมือไปเปิดก็อกน้ำในซิงล้างจาน และมีน้ำใสๆ ไหลออกมา
การติดตั้งระบบประปาภายในเมืองเต่าทมิฬนั้นใกล้จะเสร็จแล้ว มีเพียงไม่กี่จุดเท่านั้นที่น้ำยังไปไม่ถึง
ถนนเส้นหลักรอบเมืองน้ำประปาได้เข้าถึงแล้ว ทุกอาคารบ้านเรือนได้ติดตั้งก็อกน้ำ และไม่จำเป็นต้องมาเข้าแถวตักน้ำอีก
“ท่านมินโฮ พวกเราไปก่อนนะคะ”
หนี่จี๋ชาพูดเบาๆ
“แล้วกลับมากินอีกนะ”
หูของมินโฮกระดิกไปมาราวกับดีใจ และโบกมือให้กับทั้งสามอย่างออกหน้าออกตา
“ค่ะ…ฉันจะพยายามกลับมา”
มุมปากของหนี่จี๋ชาถึงกับกระตุกเมื่อได้ยิน
เธอก็อยากจะมาที่นี่บ่อยๆ แต่คงจ่ายราคาน้ำไม่ไหว
“ท่านมินโฮ ไปแล้วนะ”
อามันโบกมือให้และพูดอย่างสุภาพ
ทั้งสามออกจากร้านน้ำหวานเย็นพร้อมกับแก้วน้ำคนละใบในมือ ถึงน้ำจะหมดและเหลือเพียงน้ำแข็งแล้วก็ตาม แต่ทั้งสามก็ตัดสินใจจะไม่ทิ้งแก้วน้ำนี้
“เราจะไปไหนกันต่อดี”
อามันถามอย่างไร้เดียงสา
“ไปเดินซื้อของกัน”
หนี่จี๋ชาเขย่ายแก้วของเธอเล็กน้อย จนหลอดแก้วกระทบกับแก้วน้ำไปมาจนเกิดเสียง
“แต่เราไม่มีผลึกสัตว์อสูร เราจะไปซื้อได้ยังไง”
อามันพูดอย่างเขินอาย
“จริงด้วย…”
หนี่จี๋ชาชะงักไปเล็กน้อย และหยุดเดิน
“ตอนนี้พวกเราไม่มีเงินเลย”
อาชิงพูดความจริงออกมา
“....”
หนี่จี๋ชาเม้มปาก และมองไปทางสองสาว
“งั้นเรากลับกันไหม?”
“อืม กลับกันเถอะ”
อาชิงพยักหน้าเห็นด้วย
อามันเองก็พยักหน้าเห็นด้วยเหมือนกัน
“ไปโรงอาหารกันเถอะ กินมื้อเที่ยงใช้แต้มสะสมเพียงนิดเดียวก็อิ่มแล้ว”
“เมื่อไหร่ที่แต้มสะสมเปลี่ยนเป็นธนบัตรแล้ว เราจะซื้อของในถนนการค้าเท่าที่ต้องการ”
หนี่จี๋ชาถอนหายใจ
เธอจำสิ่งที่ลี่เยว่บอกไว้ก่อนหน้านี้ได้ว่าธนบัตรสามารถใช้จ่ายในถนนการค้าได้
ทั้งสามเดินชมถนนการค้า ก่อนที่จะกลับเข้าไปในเขตเมืองอยู่อาศัย
…..
ที่ตำหนักเจ้าเมือง มู่เหลียงกำลังวาดแผนภาพของชุดป้องกันแรงกระแทกสำหรับโหย่วเฟ่ยอยู่
ก็อกๆ
เสียงเคาะประตูห้องทดลองดังขึ้นก่อนที่จะถูกเปิดออก หยู่ฉินหลานเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าอันสง่างาม
“มู่เหลียง เรื่องบ่อบำบัดน้ำเสียได้ถูกขุดสร้างเรียบร้อยแล้ว”
หยู่ฉินหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงหวานๆ
“ขอบคุณนะ ที่ช่วยเหลือฉันตลอด”
มู่เหลียงเงยหน้าขึ้นมามองและพูดอย่างอ่อนโยน
“ก็ไม่ได้ลำบากอะไร”
หยู่ฉินหลานส่ายหัว และยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากก่อนที่จะพูดต่อ
“ตอนนี้คนงานเริ่มทำปุ๋ยสำหรับดินตามที่มู่เหลียงสั่งแล้ว ถ้าว่างเมื่อไรก็ไปดูได้”
“เข้าใจแล้ว”
มู่เหลียงตอบตกลงก่อนที่จะจูงมือหยู่ฉินหลานมานั่งลงข้างๆ
การทำแบบนี้ทำให้ใบหน้าที่งดงามของหยู่ฉินหลานถึงกับแดงขึ้นมา
“มีอีกเรื่องหนึ่ง ฉันกำลังคิดที่จะเปิดธนาคารขึ้น และต้องการคนดูแล”
มู่เหลียงพูดอย่างนุ่มนวล
ก่อนที่จะหยิบเอกสารออกมาจากลิ้นชัก เป็นรูปภาพแบบแปลนและบันทึกข้อความหลายอย่างซึ่งเขียนเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงานของธนาคาร
“ธนาคาร?”
หยู่ฉินหลานเลิกคิ้วขึ้น ก่อนที่จะหยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน
“ใช่”
มู่เหลียงตอบและให้เวลาหยู่ฉินหลานอ่านให้จบ
ในเมื่ออีกไม่นานจะเริ่มทำการเปลี่ยนแปลงระบบการเงินแล้ว ก็ควรที่จะเปิดธนาคารด้วยซึ่งทั้งสองอย่างเกี่ยวข้องกันอย่างมาก
ห้านาทีต่อมา
หยู่ฉินหลานเงยหน้าขึ้น และถามอย่างสงสัย
“แล้วอยากจะเปิดธนาคารที่ไหน”
มู่เหลียงตอบอย่างสบายๆ
“ก่อนเปิดช่วยไปติดประกาศที่ลานกลางเมืองก่อน ส่วนสถานที่เอาเป็นข้างหน่วยสายตรวจ”
“เข้าใจแล้ว ปล่อยให้เรื่องพวกนี้ฉันจัดการเอง”
หยู่ฉินหลานพยักหน้าอย่างจริงจัง
เธอชอบงานแบบนี้มาก มันดูสนุกและน่าสนใจมากกว่างานของเธอในกลุ่มทะเลสาบพระจันทร์
“ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจ มาถามฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ”
มู่เหลียงตบไปบนหลังมือของหยู่ฉินหลานอย่างอ่อนโยน
“ฉันรู้แล้ว”
หยู่ฉินหลานตอบด้วยน้ำเสียงดูขุ่นเคืองเล็กน้อย
เธอยืนขึ้นพร้อมกับเสยผมของเธอก่อนที่จะพูดเสียงดังฟังชัด
“งั้นฉันกลับไปทำงานก่อน”
“อืม ว่าแต่เฟ่ยหยานหายไปไหน เธอรู้บ้างไหม?”
จู่ๆ มู่เหลียงก็ถามขึ้น
ในสองวันมานี้ หยู่เฟ่ยหยานไม่มากินข้าวที่ห้องอาหารเลย
“ฉันว่าคงกำลังท่องจำกฏหมายข้อบังคับในการบินอยู่”
หยู่ฉินหลานตอบพร้อมกับนัยน์ตาที่ฉายออกถึงรอยยิ้ม
หยู่เฟ่ยหยานนั้นพยายามอย่างหนักมาสองวันแล้วในการท่องจำ ทั้งยังเข้าร่วมฝึกฝนกับสายการบินด้วย
การฝึกของเธอคือการบินคุ้มกัน และสนับสนุนหน่วยรักษาความปลอดภัยของสายการบินที่ได้รับการคัดเลือกมา
มู่เหลียงเองไม่รู้ว่าจะขำหรือสงสารเธอดี เพราะกลัวว่าหากถามความคืบหน้าของเธอจะทำให้เธอยิ่งเครียดมากขึ้นไปกว่าเดิมรึป่าว
หยู่ฉินหลานยิ้มก่อนที่จะเดินจากไป
สิบนาทีต่อมา
มู่เหลียงก็ลุกขึ้น และออกไปจากห้องทดลอง และตรงดิ่งไปที่พื้นที่โรงงานยุทธภัณฑ์วิญญาณที่ชั้นสี่ของเนินสูง
ในโรงงานอาหลี่ย่ากับอาหลี่เช่อกำลังสร้างยุทธภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่
“พี่สาว ฉันคิดว่าถ้าเชื่อมเส้นเลือดสองฝั่งเข้ากับเกล็ดงูเหมัน มันน่าจะทำให้ลูกดอกที่ยิงออกจากหน้าไม้มีพลังของไอเย็นด้วย”
อาหลี่ย่าพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นนะสิ ตอนนี้เราทำได้แค่ทำให้หน้าไม้มีคุณสมบัติของไอเย็นเท่านั้น”
อาหลี่เช่อส่ายหัว
“ถึงทำแบบนั้นก็ทำให้ลูกดอกที่ยิงออกไปไม่มีพลังของไอเย็นอยู่ดี”
“....นั้นสินะ”
อาหลี่ย่าเม้มริมฝีปากล่างของเธอ และคิดหาหนทางอื่นในการทำหน้าไม้ที่ยิงออกไปแล้วมีพลังของไอเย็น
นี่คืองานที่มู่เหลียงมอบให้ทั้งสองงคน เพื่อที่จะปรับปรุงหน้าไม้ให้ทรงอนุภาพมากขึ้น
เพราะแบบนี้มู่เหลียงจึงได้ส่งขนของอินทรีอัคคี เกล็ดของปลาอัญมณี เกล็ดของงูเหมัน และชิ้นส่วนของสัตว์อสูรตัวอื่นๆ ส่งงมาที่นี่ด้วย
“งั้นก็ทำแบบนี้สิ ตรงช่องใส่ลูกดอกเราก็ติดเกล็ดงูเหมันลงไป ตอนที่หน้าไม้ขึ้นสายลูกดอกก็จะเชื่อมเส้นเลือดด้วย”
อาหลี่เช่อคิดอะไรขึ้นมาได้และพูดขึ้น
“ถ้าทำแบบนั้นลูกดอกที่ยิงออกไปจะได้พลังของไอเย็นด้วย!”
“น่าจะเป็นไปได้ลองดูกันเถอะ”
อาหลี่ย่าพูดด้วยแววตาที่เป็นประกาย และแทบรอไม่ไหวที่จะทดลอง
ทั้งสองหมกมุ่นกับงานของตัวเองมาก จนไม่รู้ว่าโลกภายนอกเป็นเช่นไร และไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตอนนี้มีคนเดินเข้ามาด้านหลัง
“อะแฮ่ม!”
มู่เหลียงกระแอ่มในลำคอเพื่อบอกทั้งสอง
“ห่ะ?”
อาหลี่เช่อถึงกับตกใจผวา และมองมู่เหลียงด้วยนัยน์ตาที่เบิกกว้าง
“ท่าน ท่านมู่เหลียง ทำไมถึงได้มาเงียบๆ แบบนี้ละคะ ท่าน”
อาหลี่ย่าพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
มู่เหลียงยิ้มเล็กน้อยและพูดขอโทษอย่างขี้เล่น
“ขอโทษด้วยแล้วกัน ที่ทำให้ตกใจ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
อาหลี่เช่อตอบทันที เมื่อนึกได้ว่าเขาคนนี้คือเจ้าเมือง
“เป็นไงบางคืบหน้าบ้างไหม”
มู่เหลียงมองไปยังหน้าไม้ที่อยู่บนโต๊ะ
“พึ่งจะคิดวิธีการปรับแต่งใหม่ได้ ตอนนี้กำลังจะเริ่มทดลองดูค่ะ”
อาหลี่ย่าตอบอย่างเป็นกันเอง
เธอไม่ค่อยเกร็งเมื่ออยู่ต่อหน้ามู่เหลียง แต่กลับเป็นความรู้สึกที่อยากรู้อยากเห็นวิชาจากคนผู้นี้มากกว่า เพราะเธอไม่เคยเจอช่างยุทธภัณฑ์วิญญาณระดับสูงที่อายุน้อยเท่านี้มาก่อน
“ไหนลองบอกวิธีนั้นมาสิ”
“คือเราจะทำแบบนี้กับหน้าไม้….”
อาหลี่เช่อพูดอธิบายขึ้นแทน
มู่เหลียงตั้งใจฟังอยู่เงียบๆ ก่อนที่จะพูดขึ้น
“มันก็น่าจะเป็นไปได้ การทดสอบเป็นเรื่องสำคัญ”
มู่เหลียงฟังก่อนที่จะแนะนำอะไรเล็กน้อย และถามต่อ
“ถ้างั้นฉันมีอะไรอยากจะถามหน่อย ฉันอยากจะทำชุดที่ทำไว้ป้องกันแรงกระแทกกับระเบิดโดยที่จะใช้ใยแมงมุมแบบพิเศษ พวกเธอมีอะไรจะเสนอแนะเพิ่มไหม?”
มู่เหลียงยื่นมือออกมาก่อนที่จะพ่นใยแมงมุมลงบนโต๊ะ
แววตาของอาหลี่ยาเบิกกว้าง และคิดว่านี้เป็นพลังผู้ตื่นแบบไหนกัน
“ท่านมู่เหลียง ท่านต้องการทำเสื้อกันแรงกระแทกระดับไหน”
อาหลี่เช่อถามเบาๆ
“กลางไม่ก็สูงเลย”
มู่เหลียงตอบอย่างไม่รีบร้อน
“หนาและหนักแน่น กันแรงระเบิดได้และไฟได้”
เขายื่นแบบร่างของชุดป้องกันแรงกระแทกให้ พร้อมกับส่วนสูงกับขนาดตัวของโหย่วเฟ่ย
ข้อมูลพวกนี้ลี่เยว่แอบไปวัดตัวโหย่วเฟ่ยมาตอนที่โหย่วเฟ่ยหลับ
อาหลี่เช่อดูแบบร่างอย่างละเอียด
อาหลี่ย่าเข้าไปดูข้างๆ พี่สาวของเธอ
ห้าถึงหกนาทีต่อมา
อาหลี่เช่อเงยหน้าขึ้นและพูด
“ท่านเจ้าเมือง ผ้าที่ทำจากใยแมงมุมหากนำไปผสมกับขนขงแกะเขาแปดเหลี่ยม จะสร้างชุดที่ท่านเจ้าเมืองต้องการได้”
ขนของแกะเขาแปดเหลี่ยมมีคุณสมบัติในการสะท้อนแรง และรักษาสภาพอีกทั้งยังเพิ่มแรงสะท้อนกลับไปสองเท่า
“ฉันก็คิดแบบนั้น ขนของแกะเขาแปดเหลี่ยมนั้นเข้ากันได้ดีกับใยแมงมุม มีควาามเป็นไปได้ที่จะสำเร็จ”
อาหลี่ย่าพยักหน้าเห็นด้วย
“เอาล่ะ งั้นฉฉันไม่รบกวนพวกเธอแล้ว”
มู่เหลียงพูดอย่างสบายๆ
“ค่ะ”
อาหลี่เช่อพยักหน้าอย่างจริงจัง และกลับไปทำงานที่ตัวเองทำค้างต่อ
ทั้งสองพี่น้องเริ่มตกอยู่ในโลกส่วนตัวอีกครั้ง และไม่รู้ตัวเลยว่ามู่เหลียงยังคงยืนมองอยู่และยังไม่จากไปไหน
มู่เหลียงมองดูสองพี่น้องอยู่อีกสักพัก ก่อนที่เขาจะจากไปอย่างเงียบๆ เพราะไม่ต้องการรบกวนสองพี่น้องทำงาน