ตอนที่ 24 บังเอิญไปไหม
ขณะที่ผู้สมัครสอบก่อนหน้าพวกเขายังนั่งเกาหัวคิดคำตอบ เฟิงหยูเตี๋ยกับเพ่ยเหลียนเสวี่ยก็เขียนเสร็จแล้ว
เห็นได้ชัดว่านี่คว้าความสนใจขของผู้อาวุโสหวังและชายชราเคราขาวข้างเขา ชายชราลูบเครายาวและถาม“เส้าเหริน เด็กสาวสองคนนั้นมันอะไร?เจ้าถึงกับพาพวกนางเข้าห้องสอบเอง”
หวังเส้าเหรินก้มหัว“เด็กสาวผมเงินเป็นคนที่ปรมาจารย์ไท่สวี่แนะนำ ข้าเลยดูแลนางโดยเฉพาะ?”
“ไท่สวี่?นางรับศิษย์รึ?”
“ขอรับ ชื่อของนางคือเฟิงหยูเตี๋ย นางมีรากปราณสวรรค์ สำหรับอีกคน นางคือคนติดตาม”
ดวงตาของชายชราทที่ซ่อนใต้คิ้วยาวเบิกกว้าง เขาเหลีบมองเฟิงหยูเตี๋ยอีกครั้งและยิ้ม
“พอเจ้าพูด ข้าถึงเห็นความดื้อของไท่สวี่ในตัวนาง”
ชายชราเคราขาวชื่อฉีไป่ซือ เป็นผู้นำของหอดาวมังกรแห่งสำนักดาวดำ เขาอยู่ในช่วงกลางของวิญญาณแรกก่อตั้ง ซึ่งไม่ใช่ระดับสูงสุดในดาวดำ แต่เพราะผู้อาวุโสของสำนักเคยเป็นศิษย์เขามาก่อน แม้กระทั่งประมุขก็ยังเรียกเขาว่าท่านฉี
หวังเส้าเหรินก้าวไปและรินชาให้เข ภาวนาในใจให้เฟิงหยูเตี๋ยกับเพ่ยเหลียนเสวี่ยตอบมันตรงๆ ไม่เล่นพิเรณ
ไม่งั้น ท่านฉีคงโกรธพอรู้
แต่ เฟิงหยูเตี๋ยกำลังคิดว่าจะส่งคำตอบให้เพ่ยเหลียนเสวี่ยยังไง
“เสี่ยวเทียน ไปดูสิว่าแม่นางเพ่ยทำอะไรอยู่และดูว่ามีทางส่งคำตอบให้นางไหม”
เสี่ยวเทียนเก็บคัมภีร์เต๋าสวรรค์ไปอย่างช่วยไม่ได้และบินตรงไปหาเพ่ยเหลียนเสวี่ย คาถาบนโต๊ะไม่อาจหยุดมันได้
“ไหนดูหน่อย”เพราะเพ่ยเหลียนเสวี่ยกับเฟิงหยูเตี๋ยอยู่ไกลกัน เสี่ยวเทียนเลยต้องใช้เวลากว่าจะมาถึง
พอเห็นว่านางกำลังตั้งใจเขียน มันก็คิดว่านายน้อยเย่ต้องเตรียมตัวให้นางก่อนมา เหนือสิ่งอื่นใด เด็กนั่นดูเหมือนจะรู้หัวข้อทดสอบของสำนักดาวดำจากที่ไหนสักแห่ง
แต่ ตอนนางเห็นเนื้อหาที่เขียนบนกระดาษ เสี่ยวเทียนก็อึ้ง คำตอบที่เพ่ยเหลียนเสวี่ยเขียนเหมือนกับข้อความที่มันเพิ่งอ่นาให้เฟิงหยูเตี๋ยฟังผ่านคัมภีร์เต๋าสวรรค์
“นี่..”
มีคำตอบนับไม่ถ้วนบนคำถามที่ว่า’หัวใจเต๋าคืออะไร’(เปลี่ยนจากเต๋าหัวใจ) แต่อันที่มันอ่านให้เฟิงหยูเตี๋ยฟังคือความเข้าใจของเต๋าสวรรค์ต่อหัวใจเต๋า และไม่มีใครจะตอบได้ตรงเป๊ะ
อาจมีผู้บ่มเพาะในโลกที่เข้าใจข้อความนั้น แต่โดยทั่วไปจะเป็นผู้บ่มเพาะที่ฝึกฝนมานับพันปี ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะถ่ายทอดความหมายของหัวใจเต๋าในห้าร้อยคำแบบที่เต๋าสวรรค์ทำ
เด็กสาวคนนี้รู้คำตอบได้ไง?
เสี่ยวเทียนขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าเพ่ยเหลียนเสวี่ยจะตอบเอง และต่อให้นายน้อยสำนักร้อยดอกบัวจะให้คำตอบนางล่วงหน้า นางก็ไม่มีทางเขียนได้ถูกขนาดนี้
ในขณะเดียวกัน เพ่ยเหลียนเสวี่ยก็เขียนคำสุดท้ายเสร็จ ลงชื่อนาง โดยไม่ลังเล นางตรวจห้าร้อยคำที่นางเขียนและพูดเบาๆ’ตอบเสร็จ’
แสงห่อหุ้มนาง และนางก็ถูกส่งออกไป
ในระยะไกล เฟิงหยูเตี๋ยที่เขียนคำตอบเสร็จด้วยความช่วยเหลือของเสี่ยวเทียนเห็นเพ่ยเหลียนเสวี่ยออกไป นางจึงกระซิบ’ตอบเสร็จ’ และถูกส่งออกไปพร้อมเสี่ยวเทียน
หวังเส้าเหรินที่ดูจากใจกลางลานแปลกใจที่เห็นทั้งสองส่งกระดาษหลังเขียนได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
“เร็วไปไหม?”
เขาเลิกคิ้ว อยากไปดูคำตอบ แต่ก่อนจะได้ทำ ฉีไป่ซือก็โบกมือ เอากระดาษของเฟิงหยูเตี๋ยกับเพ่ยเหลียนเสวี่ยมาแล้ว
“เส้าเหริน ทั้งสองได้หัวข้อ’หัวใจเต๋า’ใช่ไหม?”
“อา..ใช่”หวังเส้าเหรินประสานมือ
“แนวคิดของหัวใจเต๋าคลุมเครือสำหรับคนอายุเท่าทั้งสอง และข้าไม่รู้เลยว่าไท่สวี่สอนนางยังไง..”
“งั้น โปรดเมตตาตอนให้คะแนนด้วย ทั้งสองอายุแค่ คำถามนี้อาจยากเกินไป”
“ข้ารู้ว่าต้องทำอะไร”
ฉีไป่ซือลูบเครา นำกระดาษทั้งสองมาดู
เขาอ่านของเฟิงหยูเตี๋ยก่อน และตอนเขาเห็นลายมือไก่เขี่ย เขาก็ถอนหายใจ และพลันรู้สึกเหนื่อยใจ
“ลายมือนี่..”
หวังเส้นเหรินโน้มตัวมาดูและพูด“ฮ่าๆ..เด็กสาวคนนี้เลียนแบบลายมืออาจารย์นางมาแล้ว ลายมือของไท่สวี่ก็เหมือนคนด้อยปัญญาแบบนี้เลย”
“เห้อ ในเมื่อเป็นศิษย์อาจารย์กัน ก็ย่อมคล้ายกัน..”ฉีไป่ซือถอนหายใจ และเริ่มอ่านเนื้อหา
แต่ขณะอ่าน เขาก็ขมวดคิ้ว คำตอบสมบูรณ์แบบจนต่อให้เขาอยากหาจุดผิด เขาก็หาไม่เจอ
ฉีไป่ซือถอนหายใจ“สมกับเป็นไท่สวี่”
เขาไม่เชื่อว่าเฟิงหยูเตี๋ยจะสามารถเข้าใจความหมายของหัวใจเต๋าได้ เขาเลยมองว่าไท่สวี่ต้องเป็นคนสอนและขอให้นางจำ
หวังเส้าเหรินถอนหายใจโล่งอกและยิ้ม“เหนือสิ่งอื่นใด มันเป็นการสอนส่วนตัวของปรมาจารย์ไท่สวี่เอง”
แต่วินาทีต่อมา ตอนฉีไป่ซือเห็นคำตอบของเพ่ยเหลียนเสวี่ย เขาก็พลันตบโต๊ะ
ปัง!
“นี่มันจะเกินไปแล้ว!”
หวังเส้าเหรินตกใจและถามทันที“มีอะไรหรือขอรับ?”
“ดูเอาเองสิ!”ฉีไป่ซือโยนกระดาษทดสอบสองใบให้หวังเส้าเหริน
พอเขาดู เขาก็สูดหายใจ
ลายมือของเพ่ยเหลียนเสวี่ยประณีตและงดงาม แต่คำตอบเหมือนกับเฟิงหยูเตี๋ยเป๊ะ
แม้การทดสอบจะเริ่มพร้อมกัน แต่การเขียนของทั้งสองเหมือนกันไม่มีผิดเลย แม้กระทั่งการหยุดในประโยคก็ยังเหมือนกัน
“..”
หวังเส้าเหรินอดดุในใจไม่ได้ เด็กโง่สองคนนี้ ถ้าอยากคัดลอกคำตอบกัน ก็ควรเปลี่ยนบางคำหน่อยสิ
หลังหยุด เขาก็พบข้ออ้างให้เพ่ยเหลียนเสวี่ย“นี่อาจเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า?”
“บังเอิญ?”ฉีไป่ซือมองเขา“ไม่ว่าจะเป็นคนที่ส่งคำตอบหรือคนรับ ทั้งสองจะโดนลงโทษเป็นศูนย์คะแนนและโดนตัดสิทธิ์จากการสอบเข้า”
“อา..ท่าน…นี่..เฟิงหยูเตี๋ยคือศิษย์ของไท่สวี่..”
“นางเป็นใครแล้วไง?ข้าจะไม่มีวันยอมละเมิดกฎ”
หวังเส้าเหรินโน้มตัวไป กระซิบ“แต่ เฟิงหยูเตี๋ยไม่ใช่แค่ศิษย์ของไท่สวี่นะขอรับ นางยังเป็นทายาทของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์..”
“ทายาทของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์.?”ฉีไป่ซือหรี่ตา แต่ยังไม่เปลี่ยนการตัดสินใจ“แล้วไง?หรือว่าประมุขจะอยากพานางเข้าผ่านประตูหลัง?อืม งั้นเจ้าก็ไปขอให้ประมุขมาคุยกับข้าเองแล้วกัน”
“…”
หวังเส้าเหรินพูดไม่ออก
ประมุขขอให้เขาดูแลเฟิงหยูเตี่ยและช่วยนางสักนิด แต่ตอนีน้ ถ้านางโดนฉีไป่ซือตัดสิทธิ์จริง มันคงแปลกถ้าเขาไม๋โดนต่อว่าจนตาย
หลังครุ่นคิด“ไม่ว่านี่จะบังเอิญไหม มันยังไม่ชัดเจน เราควรใช้หม้อซักถามเพื่อตรวจสอบ ถ้ามันบังเอิญจริงเล่า?”
ฉีไป่ซือเงียบไป“งั้นเจ้าก็นำตัวทั้งสองมา และข้าจะถามทั้งคู่ด้วยหม้อซักถามเอง”
“โอ้..”