ระบบจัดส่งข้ามกาลเวลา ตอนที่ 8 บรรพจารย์โม่จะปรุงโอสถนั้นหรือ? แค่จัดส่งสมุนไพรก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?
ระบบจัดส่งข้ามกาลเวลา ตอนที่ 8 บรรพจารย์เทพโม่จะปรุงโอสถนั้นหรือ? แค่จัดส่งสมุนไพรก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?
[รายการ: บุปผาสามปราการ(ของเหลว)]
[จัดส่งเข้าสู่โลก: ทวีปหลิงหยวน]
[ช่วงเวลาที่จัดส่ง: หนึ่งหมื่นปีก่อน]
[ระยะเวลาการจัดส่ง: สองพันปี]
[ต้องการจัดส่งหรือไม่? ]
หลี่มู่เลือก "จัดส่ง"
.....
[หนึ่งหมื่นปีก่อน: ขวดโอสถที่เต็มไปด้วย "บุปผาสามปราการ" ปรากฏในถ้ำเพื่อรอบุคคลที่ถูกลิขิตไว้...]
[หนึ่งร้อยปีต่อมา เด็กหนุ่มผู้หนึ่งแบกตะกร้าบนหลังแล้วขึ้นเขาเพื่อไปเก็บสมุนไพร เขาบังเอิญตกลงมาจากหน้าผา แต่เคราะห์ดีที่ตกลงไปในถ้ำและพบขวดโอสถนี้]
[หนึ่งร้อยหนึ่งปีต่อมา: เด็กหนุ่มได้ศึกษาและได้รับรู้ว่า "ของเหลว" ในขวดโอสถนี้เป็นสมุนไพรระดับสี่ แต่เพราะเขาเป็นมนุษย์ปุถุชนจึงรู้ว่าสมบัตินี้ล้ำค่าเพียงใด เด็กหนุ่มจึงเริ่มแอบขายเพื่อแลกกับเงินและทรัพยากรแล้วซื้อตำราปรุงโอสถ...]
[หนึ่งร้อยสิบปีต่อมา: ด้วยความพากเพียร เด็กหนุ่มได้เติบใหญ่และกลายเป็นนักปรุงโอสถระดับหนึ่ง บรรลุขอบเขตหลอมปราณแล้วเริ่มโดดเด่น...]
[หนึ่งร้อยห้าสิบปีต่อมา: ชายหนุ่มสามารถปรุงโอสถระดับสาม ทำให้มีชื่อเสียงไปทั่วแคว้น และในที่สุดก็ได้รับการยอมรับให้เป็นลูกศิษย์ของ "หอจักรพรรดิโอสถ"...]
[สองร้อยปีต่อมา: ชายหนุ่มได้กลายเป็นนักปรุงโอสถระดับห้า กลายเป็นศิษย์พี่ใหญ่ และได้รับเกียรติอันไร้ขีดจำกัด...]
[สามร้อยปีต่อมา: ชายหนุ่มได้กลายเป็นนักปรุงโอสถระดับหก และเตรียมที่จะทะลวงกลายเป็นนักปรุงโอสถระดับเจ็ด...]
[ห้าร้อยปีต่อมา: ชายหนุ่มได้กลายเป็นนักปรุงโอสถระดับเจ็ด และได้กลายเป็นผู้มีสิทธิสืบทอดของหอจักรพรรดิโอสถ...]
[หนึ่งพันปีต่อมา: ชายผู้นี้ได้กลายเป็นนักปรุงโอสถระดับแปด]
[หนึ่งพันห้าร้อยปีต่อมา: ชายผู้นี้ได้กลายเป็นนักปรุงโอสถระดับเก้าและกลายเป็นจ้าวหอที่อายุน้อยที่สุดของหอจักรพรรดิโอสถ เขาได้รับการเคารพเสื่อมใสว่าเป็น "บรรพจารย์เทพโม่" จากผู้คนในยุคนั้น...]
[สองพันปีต่อมา: "บรรพจารย์เทพโม่" ได้เอา "ของเหลว" ที่ตนเก็บได้ตอนที่ยังเด็กออกมา เขาหวงแหนของเหลวนี้มาก เขาเตรียมจะใช้ของเหลวนี้ปรุงโอสถเม็ดทะลวงขอบเขตระดับหกในตำนานที่มีอยู่เพียงในทฤษฎี ต่อมาในที่สุดเขาก็ปรุงโอสถเม็ดทะลวงขอบเขตระดับหกได้สำเร็จ และตอนที่ปรุงเสร็จ เขาก็ได้กลิ่นหอมของโอสถลอยออกมาจากเตา แต่พอเขาเปิดเตาออกมา กลับพบว่าโอสถที่อยู่ข้างในได้หายไป...]
[การปรุงโอสถสำเร็จ ต้องการเรียกคืนหรือไม่?]
หลังจากเห็นว่าการปรุงโอสถสำเร็จ หลี่มู่ก็ดีใจมากพร้อมกับเลือกเรียกคืนทันที...
วินาทีต่อมา
ก็มีโอสถห้าเม็ดที่เปล่งแสงสีทองจางลอยอยู่ที่ตรงหน้าของหลี่มู่
แต่ละเม็ดกลมใสราวกับอำพัน แถมกลิ่นหอมของโอสถที่ปล่อยออกมาทำให้หลี่มู่รู้สึกสดชื่นเพียงแค่แตะจมูก
เขามองไปยังโอสถเม็ดทะลวงขอบเขตระดับหกทั้งห้าเม็ดที่อยู่ตรงหน้า อารมณ์ของหลี่มู่เต็มไปด้วยความหลากหลาย
ในตอนแรก เขาเพียงแค่จัดส่งไปมั่ว ๆ แม้แต่ส่วนผสมก็ไม่สมบูรณ์ดีนัก แต่หลังจากผ่านไปสองพันปี คาดไม่ถึงว่าสิ่งที่กลับมาหาเขาจะกลายเป็นโอสถเม็ดทะลวงขอบเขตระดับหกเสียอย่างนั้น
โอสถเม็ดทะลวงขอบเขตระดับหกมีอยู่ในทางทฤษฎีเท่านั้น เนื่องจากโอสถเม็ดทะลวงขอบเขตระดับสูงสุดนั้นเป็นเพียงระดับห้า แถมไม่ว่านักปรุงโอสถจะมีระดับสูงเพียงใดก็แทบไม่สามารถปรุงได้
นี่คือสาเหตุว่าเหตุใด "บรรพจารย์เทพโม่" เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อนจึงเลือกที่จะปรุงโอสถนี้ตอนที่เขาบรรลุจุดสูงสุดแล้วเท่านั้น
ทั้งยังมีถึงห้าเม็ด
หลี่มู่ตั้งใจจะกินเองหนึ่งเม็ด และที่เหลืออีกสี่เม็ดเก็บเอาไว้เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ในอนาคต
แต่เขาไม่รีบร้อนกินตอนนี้ เพราะการกินตอนนี้สิ้นเปลืองเกินไป หลี่มู่ตั้งใจจะใช้ตอนที่พร้อมทะลวงขอบเขตก่อกำเนิดฟ้า
เพราะโอสถเม็ดทะลวงขอบเขตนั้นจะมีประสิทธิภาพตอนที่กินครั้งแรกเท่านั้น
หลังจากที่เห็นคำอธิบายเมื่อกี้ หลี่มู่ก็ได้รับรู้ว่ามีนักปรุงโอสถที่ชื่อ "บรรพจารย์เทพโม่" อยู่ในประวัติศาสตร์และขุมอำนาจอันทรงพลังที่ชื่อ "หอจักรพรรดิโอสถ"
จากการคิดทวนผ่านตำราโบราณที่ได้อ่านมานาน คนที่ชื่อ ‘บรรพจารย์เทพโม่’ และ ‘หอจักรพรรดิโอสถ’ จะต้องมีการบันทึกเอาไว้
ในไม่ช้า หลี่มู่ก็มาถึงขุนเขาที่หก
ในบรรดาเก้าขุนเขา แม้ว่าขุนเขาที่หกจะมิได้แข็งแกร่งที่สุด แต่ก็เป็นขุนเขาที่มั่งคั่งที่สุดอย่างแน่นอน
ขุนเขาที่หกมีศิษย์น้อยมากเมื่อเทียบกับศิษย์หลายพันคนจากขุนเขาอื่น ๆ ในขุนเขาที่หกมีเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น
ทว่าแต่ละคนมีค่าเท่ากับทองคำพันชั่ง เพราะส่วนใหญ่มาเพื่อเรียนรู้การปรุงโอสถ
แถมเหล่าศิษย์ที่มาเรียนรู้การปรุงโอสถล้วนมีภูมิหลังเป็นตระกูลที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง หากเดินหลงไปชนศิษย์สักคน คนผู้นั้นก็คงจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลในพื้นที่หนึ่ง
เพราะหากเป็นศิษย์ของขุนเขาที่หก ไม่เพียงแต่ต้องมีฐานพลังบำเพ็ญเท่านั้น ยังต้องมีความรู้การปรุงโอสถด้วย หากไม่มีเงินจะทำได้อย่างนั้นรึ?
หลี่มู่เดินทอดน่องไปตามเส้นทาง เขาได้พบกับศิษย์มากมายระหว่างทาง แต่ไม่มีสักคนทักทายหลี่มู่ด้วยความเคารพ ซึ่งผิดแปลกจากสถานะปรมาจารย์ขุนเขาในสำนักตงเหยียนที่สูงส่งอย่างมาก
ที่จริงแล้ว มิใช่ว่าศิษย์เหล่านี้ไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ แต่พวกเขาไม่รู้จักหลี่มู่...
เนื่องจากหลี่มู่เพิ่งสืบทอดตำแหน่งของปรมาจารย์ขุนเขาไม่นาน และขุนเขาที่เก้าก็อยู่ห่างไกลที่สุด ศิษย์หลายคนจึงไม่เคยเห็นหน้าค่าตาหลี่มู่
“หืม? ศิษย์คนนั้นเพิ่งเข้ามาขุนเขาที่หกของเราหรือ? เหตุใดชุดของเขาถึงต่างจากของเรา?”
“ไม่น่าใช่ ข้าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน บนขุนเขาที่หกของเรามีคนไม่เยอะ ข้าเคยเห็นหน้ามาหมดทุกคนแล้ว ข้าไม่เคยเห็นเขามาก่อน”
“ทุกคน! ดูเหมือนคนที่เพิ่งผ่านไปจะเป็นปรมาจารย์ขุนเขา!”
“ปรมาจารย์ขุนเขา? เจ้าโง่หรือเปล่า? มีปรมาจารย์ขุนเขาที่อายุน้อยขนาดนี้เสียที่ไหน?”
“เป็นเพราะเจ้ามาช้า ข้าจะไม่โทษเจ้า คนผู้นั้นดูเหมือนจะเป็นปรมาจารย์ขุนเขาของขุนเขาที่เก้า ข้าลืมชื่อแซ่ของเขาไปแล้ว จำได้แค่ว่าชื่อปรมาจารย์ขุนเขาหลี่กระมัง”
“ขุนเขาที่เก้า? สำนักตงเหยียนของเรามีเพียงแปดขุนเขาเองมิใช่หรือ?”
“ก็ใช่ เพราะขุนเขาที่เก้าอยู่ไกลจากขุนเขาหลักและดูเหมือนจะไม่มีคนอยู่บนขุนเขาที่เก้าเลย เจ้าอยู่ในสำนักได้ไม่กี่ปี จึงไม่รู้ก็เป็นเรื่องปกติ”
"............"
จากการสนทนาเรียบง่ายนี้จะเห็นได้ว่าขุนเขาที่เก้ามีตัวตนเพียงเล็กน้อยในสำนักตงเหยียนเท่านั้น
ขุนเขาที่เก้าตกต่ำมากจนเหล่าศิษย์เกือบลืมไปแล้วว่ามีขุนเขานี้อยู่ในสำนักตงเหยียน
หลี่มู่ตรงไปยังหอหลักที่ปรมาจารย์ขุนเขาแห่งขุนเขาที่หกอาศัยอยู่ หอหลักของขุนเขาที่หกใหญ่โตหรูหรามาก แม้แต่พื้นกระเบื้องหน้าหอก็ยังปูด้วยแร่ระดับสูงและมีสมุนไพรระดับหนึ่งปลูกเรียงรายไว้บนริมทางเดิน แสดงให้เห็นว่าขุนเขาที่หกร่ำรวยอย่างมาก
ลองคิดดูให้ดีสิ ผู้นำนักปรุงโอสถของสำนักตงเหยียนย่อมต้องได้รับการสนับสนุนจากสำนักตงเหยียน เขายังเป็นนักปรุงโอสถกึ่งระดับห้าอีกด้วย ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่ต้องการประจบประแจงเขา!
ด้วยความแข็งแกร่งของหลี่มู่ ม่านคุ้มกันที่ตรงหน้าหอในสายตาของเขาจึงไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
เมื่อเขาก้าวเท้าเข้าไปในหอหลัก เขาเห็นชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีทองหรูหรากำลังนั่งปรุงโอสถอยู่ สีหน้าของอีกฝ่ายจดจ่อมากเสียจนมิได้สังเกตเห็นการมาถึงของหลี่มู่แต่อย่างใด
ขณะเดียวกันนั้น หลี่มู่ก็กอดอกเฝ้าดูอีกฝ่ายปรุงโอสถอย่างเงียบ ๆ
ครึ่งชั่วยามต่อมา
ขณะที่เตาปรุงโอสถแตกเป็นชิ้น ๆ ชายชุดคลุมสีทองก็ถอนหายใจอย่างหนักด้วยสีหน้าเศร้าโศก
เมื่อเขาหันกลับไปก็เห็นหลี่มู่มองดูตนอยู่ไม่ไกล เขาสะดุ้งชนเตาปรุงโอสถที่อยู่ข้างหลังด้วยความตกใจ
“หลี่...หลี่มู่??”
เมื่อเห็นว่าคนที่มาคือหลี่มู่ซึ่งเป็นคนรู้จักเก่า จินหยวนหนานที่ขมวดคิ้วในตอนแรกจึงผ่อนคลายทันที จากนั้นเขาก็มีความรู้สึกภาคภูมิใจฉายบนหว่างคิ้วโดยไม่รู้ตัว