บทที่ 105 เผาให้เสร็จสรรพ (แถมฟรี)
บทที่ 105 เผาให้เสร็จสรรพ (แถมฟรี)
.
“ส่งฉันไปที่นั่น!” มีความกังวลอยู่ในน้ำเสียงของหานเจียงเสวี่ย
ในที่สุดทุกคนก็รู้ว่าเธอไม่ได้รักตัวกลัวตาย แต่มีคนที่เธอต้องการดูแลอยู่จริงๆ
แต่ตอนนี้ คนๆนั้นถูกแมวตัวใหญ่ลักพาตัวไป โดยผูกติดไว้บนหลัง แล้วกระโดดข้ามทะเลผีขาวไปโดยไม่คำนึงถึงชีวิตและความตาย
ผู้หญิงที่ชื่อ ‘เอ้อเว่ย’ มีที่มาอย่างไร?
ต้องมีสมรรถภาพทางกายแบบไหนถึงสามารถเคลื่อนไหวแบบนี้ได้?
ต้องใช้ความกล้าและศรัทธาขนาดไหนที่จะทำเช่นนี้?
ในใจของหานเจียงเสวี่ยไม่เชื่ออย่างแน่นอนว่าเจียงเสี่ยวผีจะต้องการไปซากปรักหักพังศักดิ์สิทธิ์โดยสมัครใจและเข้าไปในใจกลางวังวนที่อันตรายที่สุดโดยสมัครใจ มันคงเป็นการลักพาตัวไปโดยผู้หญิงน่ารังเกียจคนนั้น!
ให้ตายเถอะ แม้ว่าคุณจะต้องการนำแพทย์ไปด้วย แต่อย่างน้อยคนที่พาไปก็น่าจะมีความแข็งแกร่งพอๆกันนะ
คุณจะเอาเด็กอายุ 16 ไปทำอะไร?
เขาเพิ่งเป็นผู้ตื่นเมื่อสามเดือนก่อนเองนะ!
“เสี่ยวเสวี่ย อย่าหุนหันพลันแล่น” เซี่ยหยานรีบคว้าหานเจียงเสวี่ย และกล่าวด้วยความเป็นห่วง
“ได้โปรดส่งฉันไปที่นั่นด้วย” หานเจียงเสวี่ยไม่สนใจเซี่ยหยาน แต่หันไปมองและพูดกับผู้พิทักษ์รัตติกาลหมายเลข 19 คราวนี้เธอใช้คำว่า ‘ได้โปรด’
“หานเจียงเสวี่ย ใจเย็นๆ!” เซี่ยหยานตะโกนเสียงดัง
หานเจียงเสวี่ยไม่โกรธ และไม่มีความไม่พอใจ เธอแค่พูดด้วยข้อเท็จจริงง่ายๆ ที่ค่อนข้างสะเทือนใจว่า “เขาคือทั้งหมดที่ฉันมี”
“เธอ…” เซี่ยหยานพูดไม่ออกทันที
ผู้พิทักษ์รัตติกาลหมายเลข 19 กล่าวว่า “สิ่งที่ผมคิดได้ เอ้อเว่ยก็ต้องคิดได้เช่นกัน เธอคงไปหยุดทหารรับจ้างในอุโมงค์โคลนนั่นแล้ว ถ้ามีเธออยู่ด้วย พวกคุณจะต้องออกมาได้อย่างแน่นอน!”
ประโยคนี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับทุกคนได้มากจริงๆ
ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาเพิ่งเห็นการเคลื่อนไหวอันน่าอัศจรรย์ของเอ้อเว่ยด้วยตาตัวเอง และสัมผัสได้ว่า มนุษย์สามารถใช้ร่างกายเพื่อไปให้ถึงขีดจำกัดได้ไกลขนาดไหน
ผู้พิทักษ์รัตติกาลหมายเลข 178 กล่าว “ผมไปด้วย”
เซี่ยหยานกระทืบเท้าอย่างแรง และพูดว่า “ก็แค่ตาย”
หลี่เว่ยอี้ตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ สถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอีกต่อไป ไม่ว่าจะอยู่หรือจะไป มันก็อันตรายเหมือนกันหมด
แต่ถ้าหากทีมชั่วคราวต้องการไปกันหมด แล้วหลี่เว่ยอี้ต้องอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องผู้พิทักษ์รัตติกาลหมายเลข 19 มันคงเป็นโชคร้ายมากกว่าโชคดี
หลี่เว่ยอี้ตัดสินใจทันทีและพูดว่า “ผมไปด้วย”
ไห่เทียนชิงถอนหายใจลึกและพูดว่า “19 คุณ…”
“ถ้างั้นผมจะช่วยชะลอเวลาให้สักระยะ” จู่ๆ 178 ก็ถอยกลับไปอยู่ข้างๆ 19 และมองดูฝูงผีขาวที่หลั่งไหลเข้ามาท่วมภูเขาและที่ราบ ในที่สุด เขาก็เปลี่ยนการตัดสินใจ
“เป็นเกียรติของผม” 19 กางมือออก แผนที่ดาวปรากฏขึ้นบนร่างกาย ช่องดาวสีทองสว่างขึ้นทันที ครู่ต่อมา สายลมก็พัดเข้ามา
สายลมกระโชกแรงพัดเข้ามาใต้ฝ่าเท้าของทุกคนอย่างกะทันหัน และยกตัวทุกคนพัดออกไป
ผีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนมาจากทุกทิศทุกทาง อัดแน่นอย่างล้นหลาม
ราวกับ 19 ไม่เห็นผีขาวที่ดุร้ายเหล่านี้ เขายังคงควบคุมสายลมแรงและพัดทุกคนออกไป
คนกลุ่มหนึ่งถูกพัดปลิวหกคะเมนตีลังกาไปตามสายลม
เซี่ยหนานพยายามอย่างหนักเพื่อหันกลับไปมอง แต่ก็พบว่าผีขาวที่อยู่ทั่วทั้งภูเขาและที่ราบ ได้เข้าปกคลุม 19 และ 178 แล้ว
178 ระเบิดความบ้าคลั่ง เข้าต่อสู้กับฝูงผีขาว ซึ่งทำให้ 19 มีสภาพแวดล้อมที่มั่นคง ในการพัดพาทุกคนออกไปได้อย่างต่อเนื่อง
ไม่มีข้อสงสัยในความสามารถและทักษะของพวกเขา แต่ปัญหาคือ ผีขาวมีมากเกินไป ไม่รู้ว่าพวกเขาจะอดทนได้นานแค่ไหน
“พ่อจ๋าแม่จ๋า…” เจียงเซียวโอบรอบคอของเอ้อเว่ย ตอนปีนภูเขาหิมะเขายังสามารถรักษาท่าที เพียงใช้สองมือจับไหล่ของเธอเพื่อรักษาสมดุล แต่ในเวลานี้ เอ้อเว่ยขยับร่างกายตลอดเวลาและเคลื่อนตัวฝ่าเข้าไปในคลื่นผีขาวด้วยความเร็วสูง เจียงเซียวจึงทำได้เพียงโอบรอบคอของเธอแน่นเพื่อรักษาสมดุล
บางครั้งเอ้อเว่ยก็หักมุมเปลี่ยนทิศทาง ด้วยจังหวะที่มีทั้งเร็วและช้า จนทำให้เจียงเซียวกลัวว่าเข็มขัดที่รัดตัวของเขาไว้จะขาด
เอ้อเว่ยเพิกเฉยต่อคำพูดของเจียงเซียว แผนที่ดาวบนร่างกายค่อยๆ บานสะพรั่ง เธอพุ่งเข้าไปในอุโมงค์ขนาดใหญ่ของซากปรักหักพังศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ข้างหน้า เสียงดัง ‘ชู่ว~’
ช่องดาวสีเงินกระพริบอยู่บนแผนที่ดาวบนร่างกายของเธอ ช่วงเวลาต่อมา เจียงเซียวก็ได้สัมผัสกับประสบการณ์ของความก้าวหน้า
มันเป็นความรู้สึกที่ร่างกายถูกปกคลุมด้วยพลังดาว
เอ้อเว่ยเหยียบหัวผีขาวด้วยเท้าทั้งคู่ แล้วดีดตัวขึ้นสูง และพลิกตัวในอากาศอย่างช่ำชอง จากนั้นก็ก้าวต่อไปทันที
พลังดาวไม่เพียงแต่จะปกคลุมร่างกายของเธอเท่านั้น แต่ยังปกคลุมเจียงเซียวที่อยู่บนหลังของเธอด้วย เท้าของเธอเหยียบลงบนไหล่ของผีขาวโดยตรง เหยียบจนผีขาวทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น ไหล่ของพวกมันถูกเหยียบย่ำจนเละเป็นซุปเนื้อน้ำข้น
ทันทีที่เท้าของเธอสัมผัสพื้น เปลวเพลิงก็ระเบิดกระจายออกไปอย่างดุเดือด
ทักษะดาวเงิน ‘รอยแยกเพลิง’
ที่ภายนอกซากปรักหักพังศักดิ์สิทธิ์ ในเวลาเดียวกัน
“เตรียมตัวรับมือศัตรูด้วย” หานเจียงเสวี่ยตะโกนเสียงดัง
“ไม่ ลงสู่พื้นแล้ว พวกคุณต้องรีบวิ่งตรงไปด้านในของซากปรักหักพังศักดิ์สิทธิ์” ไห่เทียนชิงพูดขึ้นทันที
ทุกคนตกใจเล็กน้อย แต่ก็เห็นไห่เทียนชิงใช้มือทั้งสองข้างคว้าออกไปในอากาศ แล้วคทาลวงตาสองอันก็ปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ ในมือของเขา
ชู่ว! ชู่ว!
แม้ว่าคทาจะเป็นภาพลวงตา แต่พลังดาวที่อยู่ภายในนั้นกลับส่งเสียงออกมา
เหนือคทาลวงตายาวหนึ่งเมตรทั้งสองอัน มีอัญมณีสีน้ำเงินที่น่าตื่นตาตื่นใจ
คทาลวงตาทะลุผ่านร่างผีขาว และเจาะลงสู่พื้น พลังดาวที่แข็งแกร่งกระแทกทำลายฝูงผีขาว และระเบิดพื้นดินเป็นหลุมลึก
จื่อ จื่อ จื่อ…
กระแสไฟฟ้าพุ่งกระจายออกไปทุกทิศทุกทาง ฟาดฟันใส่ฝูงผีขาว โครงข่ายไฟฟ้าสีน้ำเงินยังคงขยายตัวออกไปอย่างต่อเนื่อง ผีขาวที่อยู่ในระยะใกล้ถูกกระแสไฟฟ้าแผดเผาตายทันที
ส่วนผีขาวในระยะไกลที่ถูกปกคลุมด้วยโครงข่ายไฟฟ้าขนาดใหญ่ ต่างชาไปทั้งตัวจนทำอะไรไม่ได้
นี่เป็นผู้ตื่นทางการแพทย์จริงๆเหรอ?
นี่มัน ราชาสายฟ้า หยาง…
(ผู้แปล – หมายถึง หยางหยงซิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้ติดอินเทอร์เน็ตแห่งชาติ ด้วยการใช้ไฟฟ้าช็อตและวิธีการอื่นๆ)
ทุกคนตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว หานเจียงเสวี่ยที่ไม่สามารถทรงตัวได้ จึงยากที่จะควบคุมทักษะดาวสายลมป่าเถื่อน แต่เธอก็ยังพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อทำให้การตกของเธอกับเซี่ยหยานช้าลง
หลี่เว่ยอี้ถือโล่สีดำรองรับร่างกาย ในขณะที่ตกใส่ผีขาวสามตัวโดยตรงด้วยเสียงอันดัง และระเบิดผีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่รอบตัว
ผีขาวจากทุกทิศทุกทาง เหยียบลงบนศพของพวกเดียวกันกรูกันเข้ามา
ไห่เทียนชิง: “เข้าไปเร็วเข้า!”
เซี่ยหยาน: “แต่ข้างใน…”
ไห่เทียนชิงตะโกนเสียงดัง: “ไม่ต้องห่วง เอ้อเว่ยจะต้องเคลียร์ทางไว้แล้ว”
เซี่ยหยานไม่รู้ว่าความมั่นใจของอาจารย์ไห่มาจากไหน แต่เธอก็ทำได้แค่ติดตามหลี่เว่ยอี้ผู้ถือโล่ไป จากนั้นก็เลือกถ้ำที่อยู่ใกล้ภูเขามากที่สุด และรีบเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ทั้งทีมกำลังรีบเร่งเข้าไป พวกเขาก็ต้องหยุดชะงัก
เพราะมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ในเส้นทางด้านหน้า
คลื่นความร้อนที่รุนแรงทำให้พวกเขาแทบหายใจไม่ออก แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากพลังดาว แต่พวกเขาก็ยังหายใจได้ลำบาก
นี่ขนาดอยู่นอกวงต่อสู้นะ ถ้าอยู่ข้างในนั้นจะไม่ตายโดยไม่ต้องฝังเหรอ?
ทุกคนต่างเป็นผู้ตื่นที่มีทักษะดาวเพลิง ดังนั้นทุกคนต่างแสดงทักษะดาวเพลิงของแต่ละคนออกมา
เซี่ยหยานปกคลุมตัวเองด้วยทักษะเปลวไฟแผดเผา พยายามลดความเสียหายที่เกิดจากเปลวไฟที่มีต่อเธอให้ได้มากที่สุด เธออดทนต่อคลื่นความร้อนที่กระทบใบหน้า และก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว แล้วเธอก็ได้เห็นฉากที่เธอจะไม่มีวันลืม
เธอมองเห็นร่างสูงยืนอยู่ตรงกลางถ้ำ ดวงตาแคบยาวราวกับลาวาร้อน และเปล่งแสงอันร้อนแรงออกมา
ร่างนั้นเหมือนไม่ใช่ร่างเนื้อหนัง แต่ดำเหมือนถ่าน บนผิวมีรอยแตกร้าว และยังมีแม็กม่าร้อนไหลออกมาจากรอยแตกนั้น
ร่างใหญ่กางมือออกและเอียงศีรษะไปด้านหลังเล็กน้อย ราวกับกำลังพยายามโปรดสัตว์ทั้งปวง
โดยมีร่างนั้นเป็นจุดศูนย์กลาง ภายในรัศมีสิบเมตร พายุทอร์นาโดเพลิงพุ่งตรงไปยังยอดถ้ำ
เปลวเพลิงที่ลุกลามอย่างรุนแรงก่อให้เกิดความร้อนอันหนักหน่วง แผดเผาสิ่งมีชีวิตที่อยู่โดยรอบทั้งหมด
ใช่แล้ว สถานที่แห่งนี้อาจเคยเต็มไปด้วยผีขาว แต่ตอนนี้พวกมันถูกเผาจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก
ตายทันที?
เผาให้เสร็จสรรพเลยเหรอ?
เป็นบริการที่ครบวงจรจริงๆ…
เหล่าศพและเศษซากต่างได้รับการมาโปรดของพายุทอร์นาโดเพลิง เหลือเพียงลูกปัดดาวเล็กๆ ที่ส่องแสงระยิบระยับ ในขณะที่พายุทอร์นาโดเพลิงยังคงหมุนต่อไป
เหนือศีรษะของยักษ์ลาวา มีกลุ่มของพื้นที่มิติทับซ้อนแขวนอยู่บนยอดถ้ำ มันเปล่งแสงสีทองอ่อนๆ ราวกับแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา และ กระจายไปทั่วทั้งถ้ำ บางครั้งก็มีผีขาวออกมาจากแสงนั้นลงสู่พื้น แล้วตายด้วยเปลวเพลิงทันที
ตรงกลางวังวนของเปลวเพลิง มีร่างผอมบางยืนตัวสั่นอยู่
ใช่แล้ว เจียงเซียวหวาดกลัวจริงๆ
เขาไม่กล้าเข้าใกล้เอ้อเว่ยมากเกินไป
คือว่า… เขากลัวร้อนอ่ะ
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่กล้าออกห่างจากเอ้อเว่ยมากเกินไป เพราะจุดศูนย์กลางพายุเป็นตำแหน่งที่ปลอดภัย
อืม พูดไงดีล่ะ…
ตอนนี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี
แค่หายใจลำบากนิดหน่อย…