นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 504 - เผ่นด่วน!
เดวิดมองตามหลังอีกฝ่ายเดินผ่านประตูห้องรับรองออกไป ก่อนที่จะหันกลับมากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมจริงจัง “ท่านเจ้าสำนัก! มีทางใดหรือไม่ที่จะทำให้เรือเหาะจากสถาบันมาถึงที่นี่ก่อนกำหนด?”
“หือ? ทำไม เจ้าอยากจะเปลี่ยนคำขออย่างนั้นหรือ? ไม่ทันแล้วล่ะ?” หูจื่อฟงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออกมายิ้ม ๆ
เดวิดกระพริบตาถี่ “แสดงว่ามีวิธีใช่หรือไม่?”
“มี! แต่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ข้าสามารถติดต่อกับเรือเหาะลำนั้นและบอกให้พวกเขาเร่งความเร็วในการเดินทางได้ แต่! เจ้าก็ควรจะรู้นิสัยของคนจากสถาบันของตัวเอง ถ้าบอกให้เร่งเดินทางไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด มีโอกาสสูงที่จะส่งให้เกิดผลตรงข้ามขึ้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักแห่งนี้กับสถาบันของเจ้าไม่ได้ดีอย่างที่คิดหรอกนะ การจะเปลี่ยนแปลงกำหนดการอีกครั้ง!? ไม่ใช่เรื่องที่แค่ข้าติดต่อไปแล้วพวกเขาจะปฏิบัติตามอย่างทันทีทันใดเลย”
มันเป็นคำตอบที่สมเหตุสมผล สีหน้าของเดวิดเคร่งเครียดขึ้นเรื่อย ๆ คิ้วของเขาขมวดจนแทบจะชิดติดกัน ความคิดในหัวแล่นไปมาราวกับรถไฟเหาะ 3-4 ขบวนพุ่งสวนกันไปมา
“มีอะไรอย่างนั้นหรือ!? เจ้าก่อเรื่องอะไรในดินแดนศักดิ์สิทธิ์? มันร้ายแรงถึงขนาดที่จะต้องรีบหนีกลับสถาบันของตัวเองเร็วขนาดเลยหรือยังไง? มันมีอะไรร้ายแรงไปยิ่งกว่าการสังหารเจ้าเด็กลู่เซิงที่เป็นลูกศิษย์ส่วนตัวของตาแก่หลิวหยินอีก?” เมื่อเห็นท่าทีของเดวิด ชายวัยกลางคนก็อดไม่ได้ที่จะถามละลาบละล้วงออกมา
รอยยิ้มกระอักกระอ่วนปรากฏขึ้นบนใบหน้า เดวิดแทบจะไม่อยากเล่าให้ฟังเลยด้วยซ้ำ “ก็... ยังมีอีกหลายเรื่องอยู่! แต่มันไม่น่าจะร้ายแรงอะไรเท่าไรนักหรอก ผมแค่ระวังตัวเอาไว้ก่อนเท่านั้น”
“โอ้! เล่าออกมาให้ฟังได้มั้ย? บางทีข้าอาจจะหาวิธีช่วยเหลือแก้ไขให้ก็ได้นะ!” เจ้าสำนักกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเล็กน้อย
เดวิดหยุดคิดอยู่สักพัก หลังจากทบทวนความหนักเบาของเลือกที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็ค่อย ๆ เปิดปากออกมา ทีละเรื่อง ๆ แน่นอน! มันไม่ร้ายแรงอะไรเลย!!!
วีรกรรมที่ค่อย ๆ หลุดออกมา มันทำให้สีหน้าของท่านเจ้าสำนักเปลี่ยนสีไม่หยุด ดวงตานั้นเบิกกว้าง ปากอ้าค้างอย่างตกตะลึงว่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งจะทำได้ถึงขนาดนี้ได้ยังไง?
“เดี๋ยว ๆ ๆ! ขอเวลาให้ข้าเรียบเรียงสิ่งที่เจ้าพูดสักหน่อย อย่างแรก! แม้ว่าพลังพันธุกรรมของเจ้าจะถูกจำกัดเอาไว้ แต่เจ้าก็ยังสังหารผู้ก่อปฐพีชั้นสมบูรณ์ที่น่าจะเป็นผู้อาวุโสของ 1 ใน 3 สำนักใหญ่ที่เหลือลงไปได้! แถมยังจัดการกับลูกศิษย์ระดับอัจฉริยะของพวกเขาไปอีก 5-6 คน เพียงเพราะคนพวกนั้นต้องการจะปล้นแหวนเก็บของของเจ้า! อย่างที่ 2! เจ้าเพิ่งบอกออกมาว่ามีผู้ก่อปฐพีชั้นสมบูรณ์คนหนึ่งเชื่อมโยงกับแก่นกลางของแดนศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว และตามล่าเจ้าอยู่เพราะคิดว่าเป็นตัวการในการทำลายดินแดนศักดิ์สิทธิ์ให้อ่อนแรงลงไปเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์! อย่างสุดท้าย!! เจ้าเป็นผู้ต้องสงสัยว่าได้รับทักษะระดับสวรรค์มาอย่างนั้นหรือ?”
“อืม? ถ้าจะสรุปง่าย ๆ มันก็ประมาณนั้นแหละ!” เดวิดกระพริบตาถี่พร้อมกับพยักหน้าบอกว่าถูกต้องแล้ว
กรอด!!
เสียงฟันกรามขบกันแน่นดังลอดออกมาจากปากของชายวัยกลางคน คิ้วที่อยู่บนใบหน้าที่ดำคล้ำบิดเบี้ยวขมวดชิดติดกัน และในที่สุด เขาก็ล้วงหยิบเอาแผนที่ขนาดใหญ่แผ่นหนึ่งออกมา ก่อนจะใช้หยิบปากกาออกมาขีดเขียนระบุตำแหน่งเส้นทางลงไปอย่างคร่าว ๆ เดวิดลอบแอบเหลือบตาชำเลืองดู ก็พบว่ามันเป็นเหมือนกับแผนที่โลกที่มีทวีปต่าง ๆ อยู่มากมาย และจากเส้นทางที่ชายวัยกลางคนกำลังลากอยู่ เหมือนกับว่าเขตการปกครองนี้จะไม่ได้อยู่บนทวีปเดียวกันกับสถาบันแทมเบรียเลยด้วยซ้ำ
“รับนี่ไป! เส้นทางที่ข้าเพิ่งเขียนเสร็จคือเส้นทางการบินที่เป็นไปได้มากที่สุดของเรือเหาะที่กำลังบินมารับเจ้า สิ่งที่ต้องทำคือเดินทางสวนเข้าไปดักหน้าพวกเขา และแน่นอน! ทำทุกวิธีโน้มน้าวให้พวกเขาหันหัวกลับไปอย่างเร็วที่สุด! เจ้าควรจะรีบออกจากสำนักไปเดี๋ยวนี้เลยด้วย!!” เจ้าสำนักยัดแผนที่ใส่มือของเดวิดแล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เร่งร้อน
เดวิดรับแผนที่มาถือเอาไว้ในมือพร้อมกับเอ่ยถามออกไปอย่างงง ๆ “มันต้องรีบร้อนขนาดนั้นเลยหรือ? ไม่มีทางที่พวกเขาจะระบุตัวผมได้เร็วแบบนั้นหรอก! อย่างน้อย ๆ ก็ต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์นั่นแหละ!” วิธีที่เจ้าสำนักผู้นี้จัดแจงให้เขาถือว่ามีประสิทธิภาพและเหมาะสมมาก แต่อีกฝ่ายดูเหมือนว่าจะตื่นตระหนกมากเกินไปแล้ว!
แต่หลังจากที่พูดไปไม่ทันขาดคำ ถ้าเปรียบก็เป็นเพิ่งผายลมออกไปแล้วยังไม่ทันหายเหม็น สีหน้าของเดวิดก็กลายเป็นดำคล้ำขึ้นมาเช่นกัน เขาหันขวับไปยังทิศทางหนึ่งอย่างฉับพลัน คลื่นพลังที่แข็งแกร่งกำลังพุ่งตรงมาทางนี้ด้วยความเร็วสูง แม้ว่าจะอยู่ในตัวอาคารที่หนาทึบ แต่เดวิดก็สามารถสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน ผู้ก่อสวรรค์! แถมยังมากันถึง 2 คนอีกด้วย!!
“หึ! ยังคิดว่าข้ารีบร้อนเกินไปอีกมั้ย?” เสียงอันแข็งกร้าวของเจ้าสำนักดังมาเข้าหู ดูเหมือนว่าเขาเองก็กำลังรีบประเมินสถานการณ์อยู่อย่างเร่งด่วนเช่นกัน
“เป็นไปไม่ได้! ทำไมพวกนั้นเคลื่อนไหวกันได้เร็วถึงขนาดนี้? ฉันแน่ใจว่าไม่ได้ทิ้งหลักฐานที่ระบุตัวตนได้เอาไว้เลยอย่างแน่นอน” เดวิดบ่นพึมพำระหว่างที่เคลื่อนตัวตามชายวัยกลางคนออกไปทางด้านหลังของห้องรับรอง และใช้เวลาไม่นานนักมาโผล่ที่ภายนอกของตัวอาคารที่ทำการของเจ้าสำนัก
“เจ้าประมาทความสามารถของผู้ฝึกฝนคลื่นสมองเกินไปแล้ว! จำเนตรไร้ปิดบังไม่ได้หรือยังไง? พวกเรา 4 สำนักใหญ่มีทักษะวิชาที่ลึกลับและทรงประสิทธิภาพอยู่มากมาย ต่อให้เป็นศาสตราจารย์ใหญ่ของเจ้าก็ไม่กล้ามายุ่งวุ่นวายกับพวกเราแบบซึ่งหน้าเลย
เอาล่ะ! รับเอาตรานี่ไป มันสามารถพาเจ้าไปยังประตูลับทางด้านหลังสำนักและผ่านออกไปได้ กระตุ้นมันด้วยคลื่นสมองเล็กน้อยก็พอ ข้าจะไปถ่วงเวลาเจ้าบ้า 2 คนนั่นเอาไว้ให้นานที่สุดเอง”
เจ้าสำนักซิกนิสล้วงเข้าไปในแขนเสื้อแล้วหยิบตราขนาดเล็กออกมาชิ้นหนึ่งแล้วยัดใส่มือของเดวิดอย่างรวดเร็ว
“ให้ตายสิ! ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าพรสวรรค์ของเจ้าสูงถึงระดับนี้ได้อย่างไร? แต่ข้าก็หวังว่าเจ้าจะมีชีวิตรอดออกไปจากวิกฤติในคราวนี้ได้! อย่าทำให้ข้าผิดหวังก็แล้วกัน!” เมื่อกล่าวจบ ชายวัยกลางคนก็หมุนตัวทะยานขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็ว และเป็นเหมือนที่เขาบอกเอาไว้ล่วงหน้า ทิศทางที่พุ่งไปคือการไปดักหน้าคลื่นพลังอันแข็งแกร่งทั้ง 2 จุดที่กำลังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วราวกับดาวตก
เดวิดก็ไม่ลังเลอีกแล้วเช่นกัน รีบส่งคลื่นสมองเข้าไปกระตุ้นให้ตราขนาดเล็กในมือให้ฉายภาพแผนที่ออกมาอย่างรวดเร็ว เพียงแค่การกวาดตามองแวบเดียว เขาก็เก็บมันเอาไว้ในแขนเสื้อ แล้วเริ่มพุ่งตัวออกไปตามทิศทางที่ระบุเอาไว้อย่างคล่องแคล่ว เดวิดไม่กล้ากระตุ้นใช้ทักษะใด ๆ ออกมาทั้งสิ้น เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการดึงดูดความสนใจของผู้ก่อสวรรค์ที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ เขาไม่กล้าดูถูกประสาทสัมผัสของยอดฝีมือระดับนั้นอีกเลย
แต่ด้วยแค่ความเร็วที่ร่างกายของเดวิดทำได้ก็ไม่แตกต่างจากการใช้ทักษะท่องสายลมมากนัก และด้วยความสามารถในการเร้นกายของแวมไพร์ที่ติดตัวอยู่ เขาใช้เวลาเพียงไม่นานนักในการเดินทางไปถึงประตูลับที่ระบุเอาไว้ในแผนที่ได้อย่างเงียบเชียบ
มันลึกลับซับซ้อนอยู่พอสมควร แถมยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่มียอดฝีมือระดับสูงคอยเฝ้าคุ้มกันอยู่อีกด้วย ชายชราตาบอดคนหนึ่งนั่งขัดสมาธินิ่งอยู่หน้าประตู และเดวิดรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดาเหมือนกับกลิ่นอายที่เปล่งออกมาให้สัมผัสได้อย่างแน่นอน
เขาลดความเร็วของตัวเองและเดินมุ่งหน้าเข้าไปหาชายชราคนนั้นอย่างไม่ลังเล พร้อมกับหยิบตราที่เจ้าสำนักมอบให้ออกมาอย่างไม่อิดออดเมื่อได้ยินคำสั่ง
“ส่งมอบตราอนุญาตออกมา!”
เดวิดยื่นตราให้ชายชราตาบอดด้วยความนอบน้อมอย่างที่สุด คลื่นพลังที่รั่วไหลออกมาตอนเอ่ยปากมันเข้มข้นเสียยิ่งกว่าผู้ก่อสวรรค์ทั้ง 4 คนที่เขาเคยสัมผัสได้เสียอีก
ชายชราลูบคลำป้ายที่รับเอาไว้ในมือเพียงครู่เดียว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาทางเดวิด แรงกดดันอันมหาศาลเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างฉับพลัน เดวิดได้แต่กัดฟันต้านทานเอาไว้ เขาไม่กล้าระเบิดพลังออกมาต้านทานเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าจะทรมาน แต่มันไม่มีจิตสังหารปนมาด้วย นี่เป็นแค่การทดสอบเท่านั้น
“เจ้าหนูนั่นช่างไร้เดียงสายิ่งนัก แค่ส่งตัวเจ้าออกไป สำนักแห่งนี้ก็ไม่ต้องรับความเสี่ยงอะไรทั้งสิ้นแล้ว เฮ้อ! ยุ่งไม่เข้าเรื่องเลยจริง ๆ” เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ ชายชราตาบอดดึงแรงกดดันกลับหลังจากนั้นไม่นาน และบ่นพึมพำออกมาแบบผิดหวังเล็กน้อย
ดวงตาของเดวิดเล็กน้อยเมื่อได้ยินสรรพนามที่ชายชราใช้เรียกเจ้าสำนักซิกนิส! เจ้าหนูอย่างนั้นหรือ? แก่ขนาดนั้นยังเป็นเจ้าหนูได้อีกอย่างนั้นหรือ?
“เอาล่ะ! ในเมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าสำนัก เข้าก็ผ่านออกไปได้ แต่จำเอาไว้ให้ดี! ห้ามกลับเข้ามาอีก ไม่อย่างนั้น...” ชายชราตาบอดไม่ยอมกล่าวจนจบประโยค และร่างของเขาก็ลอยออกจากตำแหน่งที่นั่งพร้อมกับประตูที่เปิดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ
เดวิดแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำขู่ของอีกฝ่าย เขาโค้งหัวลงคำนับอย่างนอบน้อม ก่อนจะขยับตัวผ่านประตูเข้าไปอย่างไม่ลังเล ด้านหลังของประตูเป็นถ้ำที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ปลายทางน่าจะอยู่ห่างจากสำนักออกไปไม่น้อยเลยทีเดียว