CD บทที่ 442 นักเลงของแท้
สารวัตรหวังทักทายจ้าวหยู่อย่างอบอุ่น และจากไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนาย เขาไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียวเกี่ยวกับเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้อื่น
เมื่อเห็นสิ่งนี้ผู้ใหญ่บ้านจ้าวก็เริ่มสับสน เขารีบออกไปพร้อมกับคนของเขา เขาต้องการเคลียร์ข้อสงสัยกับสารวัตรหวัง
เมื่อสารวัตรหวังเดินออกไปจากบ้านของจ้าวหยู่ เขาก็หันกลับมาตำหนิจ้าวจินเซิงว่า
“เฒ่าจ้าว คุณรู้ไหมว่าวันนี้คุณเกือบทำให้ฉันซวยแล้ว คุณรู้ไหมว่าถ้าเราจับเจ้าหนุ่มหยู่ไปก่อนหน้านี้ วันพรุ่งนี้ฉันคงถูกเด้งออกไปจากสถานีแล้ว”
"อะไรนะ? เป็นไปได้ยังไง? เขาไม่ใช่ตำรวจยศต่ำหรอกเหรอ?” จ้าวจินเซิงขมวดคิ้ว
"คุณไม่รู้อะไรเลย!" สารวัตรหวังตะโกน “คุณรู้ไหมว่าเราเกือบซวยกันทั้งหมด โชคยังดีที่ฉันมาทัน! ไม่อย่างนั้น มันคงจบลงไม่สวยแน่อย่างนี้แน่!
เห็นแก่ที่รู้จักกันมานาน ฉันจะบอกความจริงแก่คุณ เหตุผลที่ฉันรีบมาก็เพราะหัวหน้าสำนักหลิวของสำนักเทศมณฑลโทรหาฉัน และบอกฉันว่าอย่าสร้างเรื่องกับจ้าวหยู่ ไม่เช่นนั้นฉันจะต้องรับผลที่ตามมาทั้งหมด”
"อะไรนะ!? คุณหมายถึงหัวหน้าสำนักหลิวแห่งสำนักเทศมณฑลคนนั้นน่ะเหรอ?” จ้าวจินเซิงคิดว่ามันเว่อร์เกินจนเกือบจะหัวเราะออกมา
"ใช่! ถ้าฉันไม่รีบมา หัวหน้าสำนักหลิวคงจะเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ คุณรู้ไหมว่าหัวหน้าสำนักหลิวได้รับคำสั่งจากที่ไหน?“สารวัตรหวังหยุดครู่หนึ่งและพูดต่อว่า”เขาได้รับคำสั่งจากหัวหน้าเทศบาลเมืองฉินซาน!"
"อะไรนะ? เทศบาลเมือง?”
“เฒ่าจ้าว ฟังฉันนะ หลังจากนี้… อย่าทำให้เจ้าหนุ่มหยู่ต้องขุ่นเคือง!” สารวัตรหวังส่ายหัวและถอนหายใจ “เราไม่สามารถยุ่งกับเขาได้ ก่อนที่ฉันจะมา ฉันค้นหาข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับเขา ตามแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ มีคนเห็นเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองเติมไวน์ในแก้วของจ้าวหยู่เป็นการส่วนตัวในร้านอาหาร
นอกจากนี้ยังมีแหล่งข้อมูลอื่นที่ระบุว่าผู้นำสองสามคนจากสำนักงานจังหวัดเป็นเพื่อนกับเจ้าหนุ่มหยู่คนนี้ เราจะลูบคมกับคนที่ภูมิหลังที่แข็งแกร่งอย่างนี้ได้อย่างไร?”
"ไม่จริง..."
เมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมด จ้าวจินเซิงก็ตกใจมากจนแทบจะทรุดตัวลงกับพื้น เขาไม่รู้ว่าจ้าวหยู่หาคนหนุนหลังที่ทรงอิทธิพลเช่นนี้ได้อย่างไร
“เขา… ทำได้ยังไง? ไม่อยากจะเชื่อเลย” จ้าวจินเซิงจ้องมองด้วยความสงสัย “เขา… เขาเพิ่งมาเป็นตำรวจได้ไม่กี่ปีเองนะ…”
“เฮ้! คุณเข้าใจที่ฉันพูดไหม!?” สารวัตรหวังเริ่มใจร้อนแล้ว “อย่าตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก! นี่คือเรื่องจริง หากคุณคิดว่าฉันไม่สามารถช่วยคุณได้ คุณสามารถลองขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าสำนักหลิวได้ ลองดูว่าเขาต้องการช่วยคุณมั้ย!?”
“ไม่ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น…” จ้าวจินเซิงพูดด้วยสีหน้าหดหู่ “แล้ว... หลานชายของฉันล่ะ?”
"อะแฮ่ม! คุณก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าเรื่องมันเกิดขึ้นเพราะอะไร ต้องโทษหลานของคุณเองที่มีตาหามีแววไม่“สารวัตรหวังกล่าวเสริมว่า”ฉันขอเตือนคุณไว้ก่อนว่าเจ้าหนุ่มหยู่สามารถฆ่ามือปืนหลายสิบคนได้อย่างง่ายดาย หลานของคุณแค่โดนทุบตีเท่านั้น ถือว่าเขาโชคดีมาก แต่ถ้าหากหลานของคุณยังไม่หยุดหาเรื่อง คุณก็คงจะรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา”
หลังจากพูดจบ สารวัตรหวังโบกมือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนาย จากนั้น พวกเขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์ของตัวเองและเดินทางกลับสถานี โดยที่ทิ้งให้จ้าวจินเซิงและคนของเขาที่ตกตะลึงไว้เบื้องหลัง
…
ในเวลาเดียวกัน บ้านของจ้าวหยู่กลับมาสู่บรรยากาศที่คึกคักเหมือนก่อนหน้านี้ พวกผู้หญิงรวมตัวกันเพื่อเตรียมเกี๊ยวในหม้อใบใหญ่ และเสิร์ฟลุงของจ้าวหยู่
ขณะที่เดินกลับไปที่บ้านของเขา จ้าวหยู่แสร้งทำเป็นจริงจังและพูดกับเหมี่ยวอิงว่า
“ที่รัก ให้นี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่คุณจะเผชิญกับปัญหาแทนฉัน ฉันเป็นผู้ชายนะ ฉันจะปล่อยให้ภรรยาขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้อย่างไร? คุณรู้ไหมว่าฉันรู้สึกอับอายมากแค่ไหน”
เมื่อเห็นท่าทางที่แน่วแน่ของจ้าวหยู่ เหมี่ยวอิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
"คุณหัวเราะอะไร?" จ้าวหยู่ทำหน้าเคร่งขรึมและพูดว่า “ฉันจริงจังนะ! ถ้าฉันไม่สามารถแก้ไขปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ได้ ฉันจะเรียกตัวเองว่าสามีของคุณได้อย่างไร!?”
“ก็ได้ ๆ… ฉันจะทำตามที่คุณพูด ตอนนี้คุณพอใจแล้วหรือยัง? เจ้านักเลงแสนเจ้าเล่ห์” เหมี่ยวอิงสัญญากับจ้าวหยู่ ในสายตาของเธอ แม้ว่าจ้าวหยู่จะเป็นนักเลง แต่มันก็ทำให้เธอประทับใจเมื่อเห็นเขายอมแบกรับภาระทั้งหมดด้วยตัวเอง
"ดี! ครั้งต่อไปคุณต้องฟังคนของคุณ อย่าทำอะไรด้วยตัวเอง” จ้าวหยู่พูดด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ
เมื่อไม่เห็นใครอยู่รอบ ๆ เขากระซิบกับเหมี่ยวอิง
“เพื่อเป็นรางวัล ฉันจะ ‘ดูแล’ คุณอย่างดีในคืนนี้… ฮิฮิฮิ…”
“หนอย! เจ้าคนกะหล่อนเอ๊ย!”
เหมี่ยวอิงหน้าแดง
…
หลังมื้ออาหารเย็น ทั้งครอบครัวก็สนุกสนานกัน และทั้งห้องก็เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ
จ้าวหยู่ถือโอกาสมอบเงินหนึ่งล้านหยวนให้กับพ่อของเขา เขาบอกให้พ่อรีบหาคนมาสร้างบ้านใหม่และย้ายออกจากบ้านเก่าโทรม ๆ หลังนี้ไป
พ่อแม่ของจ้าวหยู่รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นลูกชายมีความกตัญญู อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าจ้าวหยู่นำเงินจำนวนมหาศาลกลับบ้าน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะกังวลว่าเงินมาจากไหน พวกเขากังวลว่ามันจะมาจากธุรกิจผิดกฎหมายหรือไม่
เพื่อให้พวกเขาสบายใจ จ้าวหยู่รับรองกับพวกเขาว่าเงินทั้งหมดได้มาอย่างถูกกฎหมาย โดยมันมาจากโบนัสของคดีที่เขาไขได้ เมื่อได้ยินเช่นนั้น พ่อแม่ของเขาก็รู้สึกโล่งใจ
อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ของจ้าวหยู่ยอมรับจากเขาเพียงสองแสนหยวนเท่านั้น โดยแม่ของเขาอธิบายว่าการสร้างบ้านไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากขนาดนั้น สองแสนหยวนก็เกินพอแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเข้าใจว่าตอนนี้จ้าวหยู่อาศัยอยู่ในเมือง และมีแฟน ดังนั้นจ้าวหยู่จึงจำเป็นต้องซื้อบ้านเป็นของตัวเอง พวกเขาจึงยืนกรานที่จะรับเงินเพียงสองแสนหยวนเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าพ่อแม่ของเขาค้านหัวชนฝา จ้าวหยู่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับการตัดสินใจของพวกเขา ในขณะเดียวกันทุกคนก็คุยกันเรื่องการสร้างบ้านหลังใหม่ เช่น จะหาผู้รับเหมาได้ที่ไหน? ซื้อวัสดุที่ไหน? และจะสร้างบ้านแบบไหน ด้วยเหตุนี้ บรรยากาศในบ้านจึงเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
แม้ว่าเหมี่ยวอิงจะไม่ได้เข้าร่วมวงสนทนา แต่เธอก็รับฟังอย่างเงียบ ๆ
เมื่อจ้าวหยู่ครอบครัวของเขาคุยกันอย่างมีความสุข เขาก็ถือโอกาสวิ่งออกไปอย่างลับ ๆ โดยใช้ข้ออ้างที่ว่าเขาต้องไปเข้าห้องน้ำ
หลังจากออกจากลานบ้าน ดวงตาของจ้าวหยู่ก็ดูเย็นชาและชั่วร้าย ในฐานะผู้ยึดมั่นในกฎของท้องถนน เขาทนไม่ได้ที่มีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง ถึงแม้ว่าผู้ใหญ่บ้านจ้าวจินเซิงจะเป็นคนโทรแจ้งตำรวจ แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าหลี่เอ๋อร์กั๋วไม่ได้ให้เกียรติคำพูดของพวกเขา
ในฐานะอดีตราชาแห่งท้องถนน เขาจะทำให้พวกเขาได้รู้ซึ้งถึงกฎบนท้องถนนมันสำคัญอย่างไร?
เมื่อพูดไปแล้วก็ไม่อาจคืนคำได้
จ้าวหยู่ถอดเครื่องแบบตำรวจออกแล้วนำไปไว้ในรถ หลังจากนั้นเขาก็ตรงไปที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านจ้าวจินเซิงโดยไม่สวมเสื้อ
หลังจากการต่อสู้กับหลี่เอ๋อร์กั๋วและคนอื่น ๆ จ้าวหยู่ก็เป็นที่พูดถึงกันทั้งหมู่บ้าน ขณะที่เดินผ่านหมู่บ้าน ความตกตะลึงและความกลัวก็ปรากฏอยู่ในดวงตาของทั้งชายและหญิง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
‘ฮึ!’
จ้าวหยู่เยาะเย้ยอย่างเย็นชา เขามีความสุขกับสถานะปัจจุบันของเขา และนับจากนี้เป็นต้นไป ชื่อเล่นในวัยเด็กของเขาได้กลายเป็นอดีตที่จะไม่ถูกยกมาพูดถึงไปตลอดกาล
เมื่อจ้าวหยู่กำลังเข้าใกล้บ้านของจ้าวจินเซิง เขาก็คว้าแตงกวามาจากเด็กคนหนึ่ง โดยเคี้ยวมันขณะเดินเข้าไปในบ้านของฝ่ายหลัง ในขณะนั้น ครอบครัวของจ้าวจินเซิงและญาติบางคนกำลังคุยเรื่องของหลี่เอ๋อร์กั๋ว แต่เมื่อพวกเขาเห็นจ้าวหยู่ที่ไม่สวมเสื้อกำลังเคี้ยวแตงกวาที่ถูกกัดครึ่งหนึ่งแล้วเดินเข้าไปในบ้าน พวกเขาก็ตกใจจนตัวแข็งทื่อ
“จะ… จ้าวหยู่!” จ้าวจินเซิงพูดตะกุกตะกักในขณะที่เขานึกถึงสิ่งที่สารวัตรหวังพูดก่อนหน้านี้ “กะ… แก… แกต้องการอะไร!?”
จ้าวหยู่เหลือบมองจ้าวจินเซิง และไม่สนใจเขา เขามองไปรอบ ๆ บ้านของจ้าวจินเซิง และเห็นแตงโมขนาดใหญ่และมีดอยู่ตรงกลางห้อง จากนั้นเขาก็พ่นแตงกวาออกจากปากของเขาลงข้างทาง
หลังจากนั้น จ้าวหยู่ก็หยิบแตงโมชิ้นเล็ก ๆ แล้วกินเข้าไป
“แก… แกคิดจะทำอะไรกันแน่?” จ้าวจินเซิงมองอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ไปที่จ้าวหยู่
จ้าวหยู่หั่นแตงโมเสร็จและโยนเปลือกแตงโมทิ้งไป เขาพูดว่า
“มันช่างหวานเสียเหลือเกิน!”
หลังจากนั้น จ้าวหยู่หยิบมีดแตงโมขึ้นมาแล้วโยนมันลงบนเขียงอย่างแรง มีดแตงโมถูกเสียบไว้บนเขียง
ทุกคนในบ้านต่างหวาดกลัว หนึ่งในนั้นกระโดดขึ้นจากที่นั่ง
*ตึง!*
เมื่อมีดแตงโมเสียบลงบนเขียง แตงโมชิ้นหนึ่งก็ถูกหั่นออก จ้าวหยู่ใช้มือซ้ายหยิบชิ้นแตงโม จากนั้นใช้มือขวาชี้ไปที่จ้าวจินเซิง และพูดว่า
“ผู้ใหญ่บ้าน มานี่… ฉันมีเรื่องต้องพูดกับแก!”
ขณะที่จ้าวหยู่กำลังพูด เขาก็เดินเข้าไปในห้องนอนของจ้าวจินเซิง
แม้ว่าจ้าวจินเซิงจะกลัว แต่เขาก็ทำใจดีสู้เสือ และตามหลังจ้าวหยู่ไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า!!!”
หลังจากเข้าไปในห้องนอน จ้าวหยู่ก็หัวเราะอย่างซุกซนออกมา ขณะที่เขาปิดประตูอย่างเงียบ ๆ...