1283 - ความตายของทายาทอสูรกลืนสวรรค์
1283 - ความตายของทายาทอสูรกลืนสวรรค์
หลังจากการต่อสู้ดำเนินไปกว่าสองหมื่นกระบวนท่าร่างของฮั่วอวิ๋นเฟยก็ถูกกระแทกตกลงมาจากท้องฟ้า ใบหน้าของเขาซีดเผือดไร้สีเลือดเต็มไปด้วยความเศร้าโศกอย่างไม่รู้จบ
“ในที่สุดก็จบลงแล้ว ยอดเขาไท่ซวนผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูข้ามา สุดท้ายข้าไม่สามารถหลีกหนีจากพันธนาการที่ผูกมัดโชคชะตาของข้าไว้ได้...”
ร่างของเขากลายเป็นแสงสว่างกระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้าเมื่อสนามประลองขนาดใหญ่หายไปแสงสว่างเหล่านั้นก็รวมตัวกันบนพื้นกลายเป็นชายหนุ่มผู้สง่างามอีกครั้ง
ฮั่วอวิ๋นเฟยใช้พลังเฮือกสุดท้ายรักษาร่างของตัวเองไว้ชั่วคราวจากนั้นเขาก็หยิบกู่ฉินออกมาและนั่งลงที่ใจกลางของห้องโถงอันมืดมิด
“ติ๊ง-ติ๊ง-ดง-ดอง”
เสียงของกู่ฉินเต็มไปด้วยความสง่างามและแฝงความเศร้าโศกอย่างไม่รู้จบ ท่าทางของเขาสงบนิ่งแตกต่างจากสถานการณ์ปั่นป่วนที่เกิดจากการต่อสู้รอบข้างไปโดยสิ้นเชิง
“ชีวิตที่น่าเศร้า อนาคตที่ไร้ทางเลือกทั้งหมดนี้…ในที่สุดมันก็จบลง ข้าไม่อาจหลุดพ้นได้ แม้กระทั่งช่วงสุดท้ายของชีวิตก็ตาม” ฮั่วอวิ๋นเฟยกระซิบ ร่างกายของเขาเริ่มมืดมนลงเรื่อยๆ
“ฮั่วอวิ๋นเฟย!” เย่ฟ่านตะโกน
ฮั่วอวิ๋นเฟยหยุดชะงักการเล่นกู่ฉินเล็กน้อย สุดท้ายเขาก็ยิ้มสดใสและกล่าวว่า
“ทายาทที่แท้จริงของจักรพรรดินีผู้โหดเหี้ยมนั้นอยู่เหนือจินตนาการของเจ้า ข้าเป็นเพียงตัวตายตัวแทนของเขาและจะถูกใช้เหมือนเบี้ยที่สามารถทิ้งไปได้ตลอดเวลา”
“เช่นเดียวกับทักษะอสูรกลืนสวรรค์ คนผู้นั้นบรรลุทักษะนี้ไปถึงขอบเขตที่ไม่อาจขาดคำนวณได้ ข้าไม่ต้องการที่จะไปตามถนนสายนี้ หากข้าสามารถเลือกได้อีกครั้งข้าคงเล่นกู่ฉินอย่างมีความสุขและไม่ก้าวเข้าสู่เส้นทางการบ่มเพาะอย่างเด็ดขาด”
“พวกเขามาหาข้าเมื่อข้าอายุห้าขวบ ข้ายังจำผู้สืบทอดทักษะอสูรกลืนสวรรค์ได้ เขาอายุเท่าข้า เขายังเด็กแต่ร่างกายกลับเปล่งประกายด้วยแสงสีทองราวกับสุริยเทพ”
“ข้าไม่ได้ต้องการเป็นตัวตายตัวแทนของเขา แต่นิกายไท่ซวนของเราอ่อนแอมากเกินไป เมื่อได้รับข้อเสนอเช่นนี้เหล่าผู้อาวุโสไม่มีทางปฏิเสธได้”
ภาพหนึ่งปรากฏขึ้นในใจของเย่ฟ่าน เขาเห็นเด็กสองคนและผู้พิทักษ์ลึกลับยืนอยู่เคียงข้างกัน
เด็กน้อยคนหนึ่งร่างกายเปล่งประกายด้วยแสงสีทอง เขาดูฉลาดเฉลียวไม่ต้องบอกก็ทราบได้ว่าในอนาคตจะต้องกลายเป็นยอดฝีมือแห่งยุคอย่างแน่นอน
เด็กอีกคนหนึ่งต้องเป็นฮั่วอวิ๋นเฟย เขาดูอ่อนแอ น่ารัก น่าสมเพชกว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆ ด้วยซ้ำ เขาถือกู่ฉินอย่างขี้อายและหวาดกลัว
“คนหนึ่งคือข้า อีกคนเจ้าน่าจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร” ฮั่วอวิ๋นเฟยหัวเราะ ร่างกายของเขาเริ่มพร่ามัวและเริ่มกระจัดกระจายกลายเป็นฝุ่นผง
“ในชีวิตนี้ข้าไม่ค่อยฆ่าคนดีแม้แต่ครั้งเดียว แก่นแท้เซียนที่ข้าได้รับล้วนขุดค้นมาจากสุสาน ผู้คนที่ข้าฆ่าอ้วนมีความผิดสมควรตาย การไล่ตามเจ้าจี้จื่อเยว่ในอดีต เป็นเพียงการชักนำโดยมือที่มองไม่เห็นข้างนั้น”
เมื่อถึงจุดนี้เขากระซิบกับตัวเองว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องเชื่อก็ได้”
ฮั่วอวิ๋นเฟยยิ้มด้วยความเงียบเหงาและไม่เต็มใจ ดวงตาของเขาปรากฏความเศร้าโศกอย่างไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้ เขามองไปบนท้องฟ้าในทิศทางของนิกายไท่ซวนเป็นครั้งสุดท้าย
“เขารู้ทักษะลับทั้งหมดที่ข้ารู้ รวมถึงทักษะเฟยเซียนและอสูรกลืนสวรรค์ แต่ความสำเร็จของเขานั้นไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะเปรียบเทียบได้ ข้าเป็นเพียงหนอนน่าสมเพชที่ตัดเย็บชุดวิวาห์ให้กับคนอื่น…”
“ผู้พิทักษ์ของข้าก็คือผู้พิทักษ์ของเขาเช่นกัน เขาปฏิบัติต่อข้าเหมือนตัวหมาก และเขาก็ทำสำเร็จด้วย ตลอดชีวิตของข้าพยายามดิ้นรนออกจากมือของพวกเขา แต่สุดท้ายข้าก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ”
เย่ฟ่านไม่ได้กล่าวอะไร เขาฟังเงียบๆ ดวงตาของเขาสงบนิ่งและไม่มีความผันผวนทางอารมณ์
“ว่ากันว่ามรดกของจักรพรรดินีผู้โหดเหี้ยมทำให้ทั้งอดีตและปัจจุบันตกตะลึง มันเป็นเรื่องจริงแม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายก็ยังได้รับส่วนหนึ่งจากมรดกของนาง ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะดำรงความแข็งแกร่งเหมือนเช่นปัจจุบันได้อย่างไร!”
เย่ฟ่านตกใจเป็นอย่างมาก คำพูดนี้สร้างความหวาดหวั่นให้กับเขาอย่างแท้จริง!
“ข้าเป็นปลาที่น่าสงสาร หลายปีที่ผ่านมา ข้ากระโดดออกจากแม่น้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่ข้ากระโดดพ้นแม่น้ำแห่งหนึ่งสุดท้ายข้าก็ค้นพบว่าตัวเองอยู่ในแม่น้ำที่ใหญ่กว่าเท่านั้น”
“หากสวรรค์เมตตาให้ข้ามีทางเลือกอีกครั้ง ข้าจะเป็นเพียงเด็กน้อยคนเดิมในยอดเขาไท่ซวน นั่นคือช่วงเวลาที่ข้ามีความสุขที่สุดมากที่สุดในชีวิต”
ฮั่วอวิ๋นเฟยมีความผิดหวังเป็นอย่างมาก สีหน้าของเขาเศร้าโศกอย่างที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้ สุดท้ายร่างของเขาก็กระจัดกระจายกลายเป็นฝุ่นผงที่ล่องลอยไปทั่วท้องฟ้า
“ยอดดาวไท่ซวนที่ให้กำเนิดข้า เลี้ยงดูข้า ข้าล้มเหลว ข้าพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการได้ น่าเสียดายที่ข้าไม่อาจมองเห็นพวกท่านได้ยินต่อไป ท่านพ่อ ท่านแม่ ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลาย ข้าไม่ได้ทรยศไท่ซวน อวิ๋นเฟยไม่มีทางเลือก ในใจของข้าเพียงหวังให้ไท่ซวนเจริญรุ่งเรืองไปอีกนานนับหมื่นปีเท่านั้น!”
ฮั่วอวิ๋นเฟยในที่สุดก็กลายเป็นเศษฝุ่นโปรยปรายไปตามสายลม ในบริเวณที่เขานั่งอยู่เหลือเพียงกู่ฉินสีขาวบริสุทธิ์วางอยู่บนพื้นเท่านั้น
สายกู่ฉินพังทลายลงแล้ว สุดท้ายรอยแตกมากมายก็ลุกลามไปทั่วตัวกู่ฉินและในที่สุดมันก็พังทลายลงเช่นกัน กู่ฉินนี้คืออาวุธแห่งชีวิตของฮั่วอวิ๋นเฟย เมื่อคนตกตายอาวุธย่อมสูญหายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
กู่ฉินนี้มีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง เมื่อเจ้านายของมันตายไปแล้วมันก็เลือกที่จะติดตามไปรับใช้เขาในปรโลก
เย่ฟ่านเงียบ ชีวิตเป็นสิ่งที่น่าเศร้า อนาคตที่ไม่มีทางเลือก นี่คือชะตากรรมของฮั่วอวิ๋นเฟย เขายืนอย่างเงียบๆ และไม่สามารถพูดอะไรได้
ในชีวิตทุกคนต่างก็มีความเจ็บปวดของตัวเองไม่ว่าเขาจะชั่วหรือดีก็ตาม เย่ฟ่านไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องก้าวหน้าต่อไปเท่านั้น
สงครามเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ทุกคนต่างแย่งชิงสมบัติล้ำค่าที่ถูกทิ้งไว้ อาวุธเต๋าสุดขั้ว ความรู้ของเซียนโบราณ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นสมบัติที่พอจะสั่นสะเทือนสวรรค์พิภพได้เลย
การตายของฮั่วอวิ๋นเฟยทำให้หลายคนถอนหายใจ อย่างไรก็ตามเขาเป็นเพียงคนแปลกหน้าผู้หนึ่ง ในการต่อสู้ครั้งนี้มีคนตายมากมายนับไม่ถ้วน บางทีแม้แต่พวกเขาเองก็อาจจะตายไปด้วย
ดังนั้นย่อมไม่มีใครสนใจความเป็นความตายของผู้อื่นมากนัก
“ฮั่วอวิ๋นเฟย!”
ในระยะไกล ดวงตาของหลี่เสี่ยวม่านหรี่ลงครู่หนึ่ง อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของนางไม่ได้หยุดลง
นางต่อสู้ในจี้จื่อเยว่ ทักษะของหญิงสาวทั้งสองนั้นแข็งแกร่งอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ จี้จื่อเยว่คือผู้มีชะตาผูกพันลึกซึ้งต่อจักรพรรดินีผู้โหดเหี้ยม ดังนั้นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนางอาจมากกว่าจี้ฮ่าวเยว่ผู้เป็นพี่ชายด้วยซ้ำ
เมื่อนางเห็นว่าเย่ฟ่านกำลังมุ่งหน้ามันในทิศทางนี้ หลี่เสี่ยวม่านก็หายตัวไปในกระแสน้ำวนสีทองอีกครั้ง
“อืม...”
สุนัขสีดำตัวใหญ่กรีดร้องและพยายามไล่ล่า แต่สุดท้ายมันยังประสบกับความล้มเหลวไม่สามารถคว้าอะไรได้
จักรพรรดิดำรู้สึกรำคาญเป็นอย่างมาก มันต้องการใช้อาวุธเต๋าสุดขั้วในการทำลายอุโมงค์มิติที่หลี่เสี่ยวม่านใช้หลบหนี แต่สุดท้ายเย่ฟ่านก็เข้ามาขัดขวางและไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้น
ในขณะเดียวกันฉีลั่วก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ร่างของเขาแดงฉานอาบไปด้วยเลือด บนใบหน้าของเขามีรอยแผลขนาดใหญ่ที่ลากจากกึ่งกลางคิ้วของเขาไปจนถึงหน้าอก
ในขณะเดียวกันเขาก็เหลือมือขวาเพียงข้างเดียวเท่านั้น มือข้างซ้ายไม่ทราบว่าถูกตัดทิ้งไปตั้งแต่เมื่อใด
บาดแผลนี้น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง เพราะมันเกือบจะตัดร่างกายของเขาออกเป็นสองส่วน ผู้คนที่สามารถสร้างบาดแผลให้กับนักฆ่าผู้เฒ่าได้เช่นนี้เห็นได้ชัดว่าเขาทรงพลังมากเพียงใด
“ไม่เป็นไร ข้าสบายดี ถึงแม้จะเหลือแขนเพียงข้างเดียวแต่คนคนนั้นจะไม่สามารถปรากฏตัวได้อีกอย่างน้อยสิบปี มันคือราคาที่เขาต้องจ่ายหากต้องการหนีจากการไล่ล่าของข้า” ฉีลั่วกล่าว
“พวกเราไปจากที่นี่กันดีกว่า ยังมีสมบัติอีกไม่น้อยที่รอให้พวกเราแย่งชิง” ต้วนเต๋อให้กำลังใจ
เย่ฟ่านไม่มีเจตนาในสถานที่นั้น เขาและผังป๋อเข้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางที่จักรพรรดิดำบอกว่าเป็นที่ตั้งของแท่นบูชาห้าสี
“นี่... มีกลไกจริงๆด้วย!”
หลังจากที่มุ่งหน้าต่อไปจนถึงเป้าหมายทันใดนั้นจักรพรรดิดำก็แสดงท่าทางตื่นเต้นออกมา
พื้นบริเวณที่พวกเขายืนอยู่มีลักษณะแปลกๆ มันมีลักษณะคล้ายกับค่ายกลเคลื่อนย้ายระยะใกล้ หลังจากการสำรวจหลายครั้งสุนัขสีดำตัวใหญ่ก็ได้ค้นพบความลึกลับบางอย่างและเริ่มถอดรหัสพวกมันทันที
“นี่เป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายแต่ไม่ได้มีระยะไกลจนสามารถข้ามทะเลดวงดาวได้ จุดหมายปลายทางของมันคือที่ไหนกันแน่” สุนัขสีดำตัวใหญ่เกาหูและแก้ม ก่อนจะเริ่มสำรวจอีกครั้ง
……