บทที่ 11 รูปลักษณ์นิยายออนไลน์ของคุณ (2)
บทที่ 11 รูปลักษณ์นิยายออนไลน์ของคุณ (2)
3. ชื่อบท
หากชื่อเรื่องบนหน้าปกของนวนิยายคือป้ายโฆษณาให้นิยายของคุณ ชื่อบทก็คือป้ายโฆษณาของแต่ละบทนั่นเอง
หากเปรียบเทียบกับชื่อเรื่อง แน่นอนว่าชื่อบทในแต่ละบทมีความสำคัญน้อยมาก แต่ถ้าคุณนำชื่อบททุกชื่อมารวมกัน มันสามารถสร้างอิทธิพลโน้มนำได้อย่างที่คุณไม่ควรละเลย
เมื่อเปรียบเทียบกับชื่อเรื่องนวนิยาย ลักษณะหลักของชื่อบทคือ แม้ชื่อบทจะดี แต่ก็ไม่ช่วยอะไรมากนัก แต่มันสามารถเป็นสาเหตุสำคัญแห่งความล้มเหลวของหนังสือนิยายของคุณได้ ชื่อบทดีอาจไม่ช่วยดึงดูดผู้อ่านเข้ามามากขึ้น แต่ชื่อบทที่แย่มาก อาจทำให้คุณเสียผู้อ่านไปได้มากมาย ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกชื่อบทคือ เลี่ยงความเสี่ยง โดยทั่วไปคุณควรทำตามคำแนะนำของหลักการ 5 ข้อต่อไปนี้ ในการเลือกตั้งชื่อแต่ละบทให้นิยายของคุณ
(1) เลี่ยงองค์ประกอบที่สามารถเป็นสาเหตุให้นิยายของคุณล้มเหลว
สาเหตุที่ทำให้นิยายของคุณล้มเหลว หมายถึงการออกสู่ตลาดของนิยายของคุณ ต่อมาก็พบว่านิยายของคุณความนิยมลดลงอย่างมาก โดยธรรมชาติแล้วมันมีองค์ประกอบหลายอย่างที่สามารถทำให้นวนิยายที่เริ่มต้นด้วยความนิยมมาก ทันใดนั้นความนิยมก็ดำดิ่งลงอย่างน่าแปลกใจ เราควรระวังอย่างรอบคอบทุกด้าน ที่จะไม่ให้สาเหตุแห่งความล้มเหลวมาจากชื่อบท
ตัวอย่างเช่น พล็อตเกี่ยวกับว่า แฟนของตัวละครหลักถูกลักพาตัวไปโดยตัวละครอีกตัว นักเขียนส่วนใหญ่รู้ว่านี่คือสิ่งต้องห้ามอย่างใหญ่หลวงต่อนิยายทุกเรื่อง อย่างไรก็ตาม นักเขียนบางคนอาจพยายามจะสร้างความระทึกขวัญ หรือคิดง่ายๆ ที่จะทำลายความคาดหวังของผู้อ่านโดยใช้ชื่อบทที่บอกเป็นนัยว่าเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เขียนลงไปก็ตาม
ถ้ากล่าวอย่างตรงไปตรงมา นี่คือวิธีการที่ไม่ฉลาดเลยในการตั้งชื่อบทในนิยายของคุณ ผู้อ่านบางคนจะเข้าใจผิดและพาลเลิกอ่านนิยายของคุณไปเลย ซึ่งเป็นการสูญเสียที่กู้คืนไม่ได้ และแม้กระทั่งกลุ่มผู้อ่านที่บังคับตนเองให้อ่านต่อแม้จะไม่รู้สึกสนุกไปกับเนื้อเรื่องที่ได้อ่าน เพราะพบว่านักเขียนได้เล่นตลกกับพวกเขาอย่างขำไม่ออกเลย
(2) ระวังพล็อตรั่วมากเกินควร
ไม่สำคัญว่าจะเป็นในเรื่องย่อหรือชื่อแต่ละบทในเรื่อง สามารถมีการเผยพล็อตเรื่องได้อย่างเหมาะสมขนาดที่จะไม่ทำลายความสุขในการอ่าน ตัวอย่างเช่น ในนิยายจีนกำลังภายใน การบอกเล่าให้ผู้อ่านรู้ว่าตัวละครหลักของคุณ ในที่สุดจะพิชิตไปทั่วหล้า และกลายเป็นบุคคลที่มีพลังมากที่สุดในโลก แค่นี้ไม่เป็นไรเลย เพราะไม่ส่งผลลบต่อผู้อ่านแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม การเผยพล็อตบางแบบอาจเป็นสาเหตุให้ความรู้สึกลุ้นระทึกของพล็อต หรือการดำเนินเรื่องที่คุณพยายามสร้างสถานการณ์มายาวนานเพื่อสร้างไคลแมกซ์ให้ผู้อ่าน ลดความรุนแรงลงไป การเผยพล็อตแบบนี้ไม่ดีเลย
ตัวอย่างเช่น สมมติว่า กลุ่มของตัวละครหลักกำลังถูกคุกคามจากศัตรูที่ทรงพลังมาก และอาจจะถูกทำลายได้ทุกเมื่อ ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้อ่านจะอ่านต่อไปขณะที่สงสัยว่าเหตุการณ์จะลงเอยอย่างไรกับกลุ่มของตัวละครหลัก
อย่างไรก็ตาม หากบางบทต่อมามีชื่อบทประมาณว่า “กลุ่มของตัวละครหลักถูกทำลาย” หรือ “ตัวละครหลักหนีรอดไปได้คนเดียว” ผู้อ่านจะเรียนรู้พล็อตเรื่องได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาเดา
ในขณะที่ทำอย่างนี้อาจไม่ถึงขั้นทำให้ผู้อ่านยอมแพ้ที่จะอ่านต่อไป แต่มันทำให้คุณเสียเหตุผลไปหนึ่งอย่างที่จะทำผู้อ่านอยากอ่านนิยายของคุณต่อไป
(3) จำกัดคำในชื่อของแต่ละบท
ตัวแปรนี้ไม่ร้ายแรง ในทางเทคนิคแล้วไม่มีข้อจำกัดว่าชื่อของบทจะยาวแค่ไหน มันอาจจะยาวมีคำมากเท่าที่คุณต้องการ สิ่งที่จำกัดความยาวของชื่อบทของคุณคือหน้าเว็บนิยายที่ผู้อ่านใช้สำหรับอ่าน ซึ่งมีการแสดงออกมาสองอย่าง
อย่างแรก หากคุณมีชื่อบทยาว มันจะเป็นสาเหตุให้บางเว็บไซต์มีการแสดงผลบนหน้าเว็บที่ยุ่งเหยิงผิดปกติ แม้ว่านี่อาจจะเป็นปัญหามาจากการออกแบบเว็บไซต์เองด้วย แต่มันก็ยังเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการผลประโยชน์ที่คุณควรจะได้ นั่นเป็นเหตุผลว่า คุณต้องให้ความสนใจต่อจำนวนคำของชื่อบทของคุณ
อย่างที่สอง จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากชื่อบทแต่ละบทของคุณสั้นยาวไม่สม่ำเสมอ? ถ้าชื่อบทกระจายออกไปทั่ว จะทำให้หน้าสารบัญดูยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ หน้านี้จะเป็นที่ที่ทุกคนสามารถเห็นได้ ตราบใดที่คุณในฐานะนักเขียนคอยดูแลหน้าสารบัญให้ดี จะสามารถป้องกันปัญหานี้ได้ตั้งแต่แรก
(4) ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณควรตั้งชื่อบททุกบท
นักเขียนบางคนอาจมองว่าตนเองไม่มีฝีมือเรื่องการตั้งชื่อ แม้กระทั่งคิดชื่อเรื่องให้นวนิยายก็ยากเย็นแสนสาหัสสำหรับพวกเขาแล้ว บางคนจึงต้องการจะลดความเหนื่อยยากลงด้วยการไม่ตั้งชื่อบทเสียเลย ใช้แค่ตัวเลขเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่คุณไม่มีปัญหาอะไรกับองค์ประกอบของชื่อบท แม้แต่ชื่อบทที่น่าเบื่อก็ยังดีกว่าไม่มีเลย หน้าสารบัญที่มีแต่เลขที่บทเรียงกันโหรงเหรงคงไม่ทำให้ผู้อ่านอยากอ่านเท่าไหร่
(5) ใช้ตัวแปรการเติมเต็มให้ชีวิตให้เหมาะสม
ตราบใดที่มันไม่ได้เผยพล็อตเรื่องมากเกินไป การใช้ตัวแปรเติมเต็มให้ชีวิตอย่างเหมาะสมเพื่อตั้งเป็นชื่อบท สามารถเพิ่มความเป็นไปได้ที่จะดึงดูดผู้อ่านใหม่ๆ โดยไม่ต้องลดคุณภาพของนิยายของคุณ
สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ ชื่อบทแบบนี้จะทำให้ผู้อ่านมีสิ่งที่พวกเขาคาดหวังเมื่ออ่านนิยายต่อเนื่องไป เนื่องจากนวนิยายส่วนมากไม่สามารถจะรักษาตัวแปรความน่าติดตามไปตลอดเวลา การที่สามารถรักษาจุดสนใจเดิมของผู้อ่านไว้ได้ เป็นสิ่งที่มีความหมายทีเดียว
4. บทที่ไม่ใช่บท
บทที่ไม่ใช่บทนั้นหมายถึง บทที่ไม่ใช่เนื้อเรื่องนิยาย แต่เป็นบทที่เป็นเหมือนกระดานสื่อสารระหว่างนักเขียนถึงผู้อ่าน เช่นการขอโหวต แจ้งข่าวผู้อ่านว่าคุณจำเป็นต้องหยุดพักการเขียนช่วงสั้นๆ อธิบายเรื่องปัญหาบักที่เกิดกับเว็บไซต์ บทที่เขียนเพื่ออธิบายบางสิ่งกับผู้อ่าน และอื่นๆ ที่จำเป็น บทพิเศษพวกนี้จะเห็นได้ทั้งกับบทนิยายที่อ่านฟรีและบทที่จ่ายเงินเพื่ออ่าน
บทพิเศษเหล่านี้ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเรื่องนิยาย และจำเป็นต้องลบทิ้งเป็นระยะๆ แต่อย่างไรก็ตาม บทพิเศษเหล่านี้มีความแตกต่างกัน
สำหรับบทที่เกี่ยวกับการแจ้งขอพักการเขียนชั่วคราวและอธิบายว่าคุณเกิดอาการสมองตีบตัน บทเหล่านี้คุณต้องลบมันทิ้งทีหลัง หากปล่อยทิ้งไว้ในเรื่องก็เปรียบเหมือนการตบหน้าตัวเองเปล่าๆ คุณคิดว่ายังมีนักเขียนที่ล้มเหลวในวงการไม่พออีกหรือ? คุณต้องการให้ผู้อ่านรู้หรือว่าคุณไม่สามารถอัปเดตนิยายได้สม่ำเสมอ? แม้ว่าคุณไม่สามารถอัปเดตสม่ำเสมอได้ อย่างน้อยคุณควรให้ผู้อ่านได้มีโอกาสได้อ่านเรื่องที่เขียนไปแล้วให้จบก่อน
สำหรับบทที่แจ้งขอโหวต คุณสามารถปล่อยทิ้งไว้สองสามบท โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มนักเขียนติดอันดับต้นๆ ที่กำลังแข่งขันเพื่ออันดับสูงขึ้นไปอีก นั่นเป็นเพราะผู้อ่านจะเข้าใจอยู่แล้วเมื่อเห็นข้อความเหล่านั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านิยายของคุณเป็นหนึ่งในเรื่องยอดนิยมขณะนั้น สิ่งนี้จะช่วยให้ผู้อ่านเพิ่มความมั่นใจในนิยายของคุณด้วย
แน่นอนว่า ถึงแม้ว่าคุณจะเก็บบทความขอโหวตไว้ แต่ก็ไม่ควรจะเกินหนึ่งหรือสองบท เพราะมันจะกระทบการมีอารมณ์ร่วมไปกับเรื่องราวของผู้อ่านขณะอ่าน และเมื่ออ่านหน้าต่อไปแล้วดันเจอข้อความขอโหวตแทน
เมื่อเปรียบเทียบกับบทความขอโหวต บทความที่เขียนแสดงความรู้สึกเรื่องนิยายของคุณกลายเป็นเรื่องยอดนิยมอยู่หน้าแรกของเว็บไซต์หรือได้รับรางวัล ก็ไม่เชิงเป็นบทความที่จำเป็นต้องลบทิ้งซะทีเดียว นั่นเป็นเพราะบทแบบนี้คุณจะไม่มีหลายบทอยู่แล้วตั้งแต่แรก อาจจะแค่หนึ่งหรือสองบท และคุณยังสามารถนำมันไปไว้ในหมวดหมู่แยกต่างหากจากเรื่องนิยาย ทำให้ไม่รบกวนผู้อ่านโดยไม่จำเป็นด้วย
ความจริงที่ว่านิยายของคุณได้เข้าไปอยู่ในโซนแนะนำนิยายน่าอ่านในหน้าแรกของเว็บไซต์ ถือว่าเป็นการโฆษณาตัวเองไปในคุณภาพของเรื่องและความนิยม การถ่ายทอดความรู้สึกของนักเขียนในเรื่องได้รางวัลต่างๆ เปรียบเสมือนตราประทับความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ ไม่สำคัญว่าคุณจะแสดงความเห็นกับตนเองว่าเขียนได้ดีหรือไม่ ความจริงที่ปรากฏก็เป็นเครื่องยืนยันอยู่แล้วว่านิยายของคุณเป็นที่นิยมขนาดไหน นั่นเป็นเหตุผลว่าคุณควรเก็บบทความเช่นนี้ไว้
สำหรับบทที่ใช้ในการอธิบายสิ่งต่างๆ ให้ผู้อ่านรับรู้ โดยเฉพาะบทที่มีจุดมุ่งหมายในการพูดคุยเรื่องความบกพร่องต่างๆ ของพล็อตเรื่อง สิ่งนี้ควรเป็นเฉพาะบางสถานการณ์ แต่ส่วนมากจะแนะนำว่าควรลบบทความเช่นนี้ทิ้งดีกว่า
เหตุผลก็คือ บทความเช่นนี้คล้ายกับการเปิดเผยข้อผิดพลาดของนักเขียนให้ผู้อ่านได้รู้ มีผู้อ่านแค่ไม่กี่คนที่อาจจะเห็นข้อผิดพลาดเหล่านี้ และบางคนก็จะรู้จากความเห็นของผู้อ่านอีกที แต่ถ้าคุณเขียนบทความอธิบายสิ่งเหล่านี้ ในไม่ช้าผู้อ่านทุกคนจะรู้กันหมด ทำให้อรรถรสในการอ่านนิยายของผู้อ่านลดลงโดยไม่จำเป็น ทำไมจะต้องทำให้ตนเองลดคุณค่าลงอย่างนั้น?
แน่นอนว่า บ่อยครั้งที่คำว่า พล็อตเรื่องผิดพลาด ไม่มีในโลก บ่อยครั้งเลยจะเกิดจากผู้อ่านตีความเรื่องผิด หรือเข้าใจผิดตรงๆ แต่ถึงมันจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม ถ้าผู้อ่านรายใหม่เห็นนักเขียนบังคับตนเองให้อธิบายสิ่งต่างๆ ต่อผู้อ่าน จิตใต้สำนึกผู้อ่านรายใหม่จะคิดว่านิยายเรื่องนั้นไม่ได้ดีอะไรมากมาย
..................................................................................