ตอนที่แล้วตอนที่ 19 ตัวเอกที่มากับนกกระสา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 21 เปิดร้านนวด

ตอนที่ 20 มาถึงสำนักดาวดำ


หลังเดินเล่นกับเฟิงหยูเตี๋ยได้สักพัก เย่อันผิงก็ไปหาเพ่ยเหลียนเสวี่ยและอธิบายว่านางจะเป็นสหายตามติดและสิ่งที่นางต้องทำหลังเข้าสำนักดาวดำ

เพ่ยเหลียนเสวี่ยไม่เต็มใจจะไป แต่หลังเย่อันผิงรับปากว่าเขาจะตามไป นางถึงตกลงตามเฟิงหยุเตี๋ยไปสำนักดาวดำ

ไม่กี่วันต่อมา เฟิงหยูเตี๋ยก็แทบหายดี เย่อันผิงจึงบอกให้นางพาเพ่ยเหลียนเสวี่ยไปให้เร็วที่สุดเพื่อเลี่ยงปัญหา

สำหรับว่าทำไมถึงอาจมีปัญหา มันเพราะกงยู่หลานเชื่อว่าลูกชายนางจะตามเฟิงหยูเตี๋ยไปสำนักดาวดำเพื่อศึกษา ถ้านางรู้ว่าเพ่ยเหลียนเสวี่ยคือสหายตามติด นางต้องคิดทำอะไรแน่

นั่นทำให้หลายวันให้หลัง เย่อาวกับกงยู่หลานถึงพบว่าทั้งสามหนีไปแล้ว

เดือนครึ่งต่อมา เพ่ยเหลียนเสวี่ยกับเฟิงหยูเตี๋ยมาถึงสำนักดาวดำ

เสียงกลองสามารถได้ยินบนยอดเขาที่ปกคลุมด้วยเมฆที่ที่สำนักดาวดำตั้ง รอบมัน มียอดเขา18ลูกก่อตัวเป็นกำแพงสูง

เพราะมีการห้ามบิน พอพวกเขาเข้าใกล้ประตูภูเขา ศิษย์หลายคนที่บินมาจึงเตือนพวกเขาให้เก็บกระบี่บินและลงไปที่ตีนเขา

ถนนภูเขาเหมือนวัดที่เต็มไปด้วยคน ทุกสิบเมตร จะมีแผงขายของเล็กๆ

ศิษย์หลายคนของสำนักดาวดำมาที่นี่และตั้งแผงขายหาเงินกัน จากขนมตากแห้งไปจนถึงยันต์ระดับต่ำและสมุนไพรหายาก มีหมด แต่ราคาก็ต่างไป

โดยรวม บรรยากาศมีชีวิตชีวา

พอเดินตามถนน เพ่ยเหลียนเสวี่ยก็มองซ้ายมองขวา อยากให้พี่ชายนางตามมาด้วยแทนที่จะเป็นจิ้งจอกผมขาวที่คอยตามนาง

แถม จิ้งจอกผมขาวนี่คอยแหย่หูนางไม่หยุดตั้งแต่ต้น

“น้องเพ่ย อยากได้ลูกกวาดผลไม้ไหม?ข้าจะซื้อให้เจ้า”

“ไม่ ข้าจะกินแค่ของที่พี่ชายข้าซื้อให้”

“น้องเพ่ย คิดว่าตุ๊กตานี่น่ารักไหม?อยากได้ไหม?ข้าจะซื้อให้เจ้า”

“ไม่ พี่ชายซื้อให้ข้าเยอะแล้ว’

“ยาเหล่านี้ดีมาก ข้าจะซื้อพวกมันเตรียมให้เจ้า!”

“ไม่ต้อง พี่ชายทำให้ข้าแล้วตอนข้ามา”

ท่าทีกระตือรือร้นของเฟิงหยูเตี๋ยได้รับการตอบรับอย่างเย็นชา แต่นางก็ยังไม่ยอมแพ้ เป็นเวลาเดือนครึ่ง นางพยายามทำให้เพ่ยเหลียนเสวี่ยมีความสุขระหว่างเดินทาง

“น้องเพ่ย เจ้าไม่หัวเราะมาเดือนกว่าแล้ว บอกข้าหน่อยสิว่าข้าต้องทำยังไงเจ้าถึงมีความสุข?”

เพ่ยเหลียนเสวี่ยที่รำคาญเต็มทนคิดและพูดอย่างเย็นชา“ถ้าเจ้าคลานบนถนนเหมือนสุนัข ข้าจะมีความสุข”

เพราะมีคนมากมายเต็มถนน เพ่ยเหลียนเสวี่ยคิดว่าเฟิงหยูเตี๋ยจะหุบปาก แต่ก็ยังประเมินความหน้าด้านอีกฝ่ายต่ำไป

โดยไม่ยั้งคิด เฟิงหยูเตี๋ยคลานตรงหน้าเพ่ยเหลียนเสวี่ย กลิ้งบนพื้นและยกมือเหมือนลูกสุนัข พร้อมแลบลิ้น

“โฮ่ง!โฮ่ง..”

“..”

เพ่ยเหลียนเสวี่ยเกือบหลุด

เพราะการกระทำของเฟิงหยูเตี๋ยดึงดูดความสนใจคนมากมาย เพ่ยเหลียนเสวี่ยจึงอายมาก นางแกล้งทำเป็นไม่รู้จักและรีบเดินหนี

พอเห็นนางหน้าแดง เฟิงหยูเตี๋ยก็ยิ้ม กระโดดเหมือนกบตามนางไป

“โฮ่ง โฮ่ง น้องเพ่ย สุดท้ายเจ้าก็ยิ้ม เจ้าสวยมากตอนเจ้ายิ้ม ทำไมไม่ยิ้มเยอะๆละ?”

“..”เพ่ยเหลียนเสวี่ยเร่งฝีเท้า

“โฮ่ง โฮ่ง น้องเพ่ย อย่าเดินเร็วนักสิ!”

หลังถูกไล่ตามอยู่นาน เพ่ยเหลียนเสวี่ยก็ทนไม่ไหวอีกและเตะนาง

แต่ เฟิงหยูเตี๋ยกอดขานางไว้ ไม่ว่านางจะเขย่าแค่ไหน ก็ไม่ยอมปล่อย

“โฮ่ง!!!”

“อ้าก!!!”

ในขณะเดียวกัน เย่อันผิงก็มาถึงลานกลางเมืองของสำนักดาวดำ เขาออกเดินทางหลังจากเพ่ยเหลียนเสวี่ยและเฟิงหยูเตี๋ยออกเดินทางได้หนึ่งวัน

เขาไม่มากับทั้งสองเพราะเขาไปหอการค้าของตระกูลเซียนเพื่อจ่ายใบประกอบธุรกิจ อย่างที่บอกไปก่อนหน้า เฟิงหยูเตี๋ยสามารถนำคนเข้าสำนักดาวดำได้แค่คนเดียว และพรสวรรค์เขาก็ไม่ดี หลังคิดอยู่สองวัน เย่อันผิงก็ได้ทางออก

นั่นคือการเปิดร้านในเมืองของสำนักดาวดำ

แบบนี้ เขาจะสามารถอยู่ในสถานที่ที่ใกล้กับสำนักสุดได้ มันสะดวกมากที่จะสอบถามถึงข่าวของสำนักหรือช่วยน้องสาวเขา ในเวลาเดียวกัน เขาสามารถทำเงินได้

แต่เพื่อเปิดร้าน มันต้องวิจัยตลาด เขยังคิดไม่ออกว่าอยากเปิดร้านแบบไหน เขานั่งลงในโรงชาสุ่มๆ สั่งหม้อชาเขียวและเริ่มอ่านหนังสือพิมพ์ประจำสัปดาห์

“เห้ย เจ้าได้ยินไหม?”

“หืม อะไร?”

“ด้านหน้าประตู ผู้บ่มเพาะบางคนเห็นเด็กสาวทำท่าเป็นสุนัขไล่ตามเด็กสาวอีกคน”

พอได้ยินผู้บ่มเพาะในชุดสำนักดาวดำพูดถึงเรื่องนี้ เย่อันผิงก็ถอนหายใจ

ตอนเขาได้ยินถึงเด็กสาวที่ทำท่าเป็นสุนัข เขาก็นึกถึงเฟิงหยูเตี๋ย และสิ่งที่นางเคยทำเพื่อนางเอใกนเกม

นางเอกในเกมไม่แยแสต่อเฟิงหยูเตี๋ยมากและเมินทุกความพยายามของนางที่จะเข้าหา สุดท้าย ตอนนางขอให้นางทำให้นางมีความสุข นางเองก็พูดเล่นๆว่าให้ทำเป็นสุนัข

จากนั้น เฟิงหยูเตี๋ยก็ลงไปเห่ากับพื้นและคลานแบบสุนัขในที่สาธารณะโดยไม่ลังเล

“งั้น นางก็ใช้ลูกไม้เดียวกันกับน้องสาวข้า?”

เย่อันผิงนวดขมับ ดื่มชา และได้สติ พอมองลูกค้าในโรงชา เขาได้ยินว่าศิษย์โต๊ะอื่นดูเหมือนจะไม่ค่อยก้าวหน้าในการบ่มเพาะ บ่นถึงอาการปวดเอวและปวดหลังที่เกิดจากการฝึก ทันใดนั้น เขาก็มีความคิด

ร้านอาหารกับหอนางโลมควรเป็นตัวเลือกแรกถ้าเขาอยากเปิดร้านในโลกเซียนที่ช่วยให้เขาได้รับข่าว คนเมาจะกล้าพ่นทุกสิ่ง

แต่มีร้านอาหารเยอะเกินไปในเมือง เขาไม่มีทางชนะร้านเก่าแก่

สำหรับหอนางโลม มันตัดไปได้เพราะเขาต้องพึ่งพาผู้บ่มเพาะคนอื่นให้จัดหาสาวๆมาทำงานให้

หลังพิจารณา เย่อันผิงก็จ่ายค่าชา ไปจุดลงทะเบียนร้านค้าในเมือง ลงชื่อและยื่นคำขอ’ใบอนุญาตเปิดร้าน’

ศิษย์ที่อ่านใบลงทะเบียนมองซ้ายขวาและสุดท้ายก็ถาม

“สหายเต๋า คำว่า’กายภาพบำบัด’คืออะไรรึ?”

เย่อันผิงมองผู้หญิงที่นั่งด้านหน้าเขา และหลังหยุดเขาก็ตอบ“มันคือวิธีการนวดที่ข้าเรียนรู้จากผู้บ่มเพาะพเนจร มันยากจะอธิบายด้วยคำพูด ถ้าเจ้าว่าง ข้าจะแสดงให้ดูเป็นไง?ถ้าเจ้าคิดว่ามันดี ก็ช่วยแนะนำให้สหายเต๋าคนอื่นด้วยแล้วกัน”

ผู้หญิงมองรอบๆและเห็นว่ามีคนน้อยมากในห้อง นางจึงถาม“แล้วทำไมกายภาพบำบัดที่นี่ได้ไหม?”

เย่อันผิงเลิกคิ้ว“อืม ได้สิ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด