ตอนที่ 1495 โถงบรรพบุรุษ..
เมืองหยุนเฉิง เวลาเที่ยงคืน ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง โถงบรรพบุรุษที่ถูกทิ้งร้าง ประตู และหน้าต่างพังทลาย ข้างในมีพระพุทธรูปองค์หนึ่งทองคําหลุดลอก ฝุ่นใยแมงมุมมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง และทุกสิ่งในที่นี่อยู่ในสภาพเก่าทรุดโทรม
ในสถานที่แบบนี้ กอปรกับยังเป็นช่วงกลางดึกเช่นนี้ คนทั่วไปโดยส่วนใหญ่แล้วก็ไม่มีใครคิดที่จะเข้ามา หรือแม้แต่จะไม่กล้าที่จะย่างกายเข้ามาในที่นี่
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้.. ใต้พระพุทธรูปองค์นี้ มีชายคนหนึ่งกําลังนั่งหลับตาขัดสมาธิอยู่บนพื้น
นี่คือ ชายอายุสามสิบกว่าปี หน้าตาธรรมดา ในเรื่องเสื้อผ้าการแต่งตัวแล้วก็ธรรมดาที่สุด.. เขาสวมชุดสีขาว คนแบบนี้เมื่อพบเจอบนถนนแล้ว ก็เป็นได้แค่คนที่สัญจรไปมา และไม่มีใครต้องการจะสละเวลาแม้แต่วินาทีเดียว แต่ตอนนี้เขาได้นั่งอยู่ที่นี่ ทั้งตัวของเขาก็ดูเหมือนจะมีออร่าพิเศษ ที่ทําให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกหนาวสั่น และไม่กล้าที่จะเข้าไปรุกราน..
ท่านั่งของชายคนนี้คล้ายกับท่าในการฝึกศิลปะการต่อสู้มาก เขาเลือกที่จะนั่งสมาธิอยู่ในสถานที่แบบนี้ ดูเหมือนเขาจะไม่อยากถูกใครอื่นเข้ามารบกวน อีกทั้งในที่นี่ไม่เหมือนจะถูกรบกวนจริงๆ และก็เกรงว่าจะไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาใกล้ ..ตลอดปี
อย่างไรก็ตาม.. ชายชุดขาวคนนี้ ดูเหมือนจะคิดผิด
ปัง!
ผู้หญิงคนหนึ่งที่เสื้อผ้าดูไม่เรียบร้อยได้รีบวิ่งเข้าไปในโถงบรรพบุรุษอย่างรีบร้อน และชนเข้ากับประตูไม้ที่ผุพังจนล้มลงกับพื้น ตัวของผู้หญิงคนนี้ก็ล้มลงไปกับพื้นด้วยเช่นกัน
มือของฝ่ายหญิง ถูกประตูไม้กระดานที่หักแตกร้าวทิ่ม จนมีเลือดไหลออกมา ฝ่ายหญิงกลับทนต่อความเจ็บปวด และพยายามที่จะลุกขึ้น
ในเวลานี้มีแสงไฟจากภายนอกส่องเข้ามา ชายสองคนถือโทรศัพท์มือถือ และเปิดแสงไฟจากโทรศัพท์ ไล่ตามเข้าไปในโถงบรรพบุรุษทีละคน
เมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นล้มลงกับพื้น และพยายามจะช่วยให้ตัวเองลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ชายสองคนก็หัวเราะเยาะขึ้นอย่างติดตลก
“จะหนีไปไหน เจ้าหมาน้อย.. มาดูกันสิว่าจะหนีเราไปไหนได้!”
“ฮ่าฮ่าๆ เธอคิดที่จะวิ่งมาที่นี่ แล้วที่นี่คงคิดว่าหนีได้?”
“พี่ใหญ่ หมาน้อยตัวนี้ อย่างไร้ก็หนีเราไม่พ้นแล้ว พี่จะเป็นคนเริ่มก่อน หรือผมก่อนดี?”
“นี่มันยังต้องพูดอีกเหรอ? แน่นอนว่าพี่ใหญ่คนนี้ต้องเป็นคนเปิดก่อน! รับนี่ไป!”
ชายทั้งสองคนคุยกัน และเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น คนหนึ่งยัดโทรศัพท์ให้อีกคน แล้วจากนั้นจึงเอื้อมมือไปคลายเข็มขัดของตัวเอง
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นเช่นนี้ สีหน้าของเธอก็ตื่นตระหนกขึ้นมา : “อย่า.. อย่าเข้ามา.. อย่ามาที่นี่นะ!”
ชายที่คลายเข็มขัดได้ถอดเข็มขัดออกแล้ว เอามันมาถือไว้ในมือ เดินเข้าหาผู้หญิงคนนั้นด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้ายที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา
“มาเลยนังตัวดี มาดูสิว่าแกจะวิ่งหนีต่อไปอีกยังไง และตอนนี้ ฉันจะสอนบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ ให้กับแกก่อนเลย!”
ผู้หญิงคนนั้นใช้มือค้ำยันพื้น แล้วถอยออกไปอย่างเร่งรีบ ชายที่ถือเข็มขัดเดินเข้ามาใกล้อย่างต่อเนื่อง ชายอีกคนหนึ่งถือโทรศัพท์มือถือติดตามมาด้วย และเปิดกล้องไปพลางเตรียมจะถ่ายคลิปไว้
เมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีทางให้หลบหนีอีกแล้ว ทั้งยังเห็นว่าผู้ชายที่ถือเข็มขัดได้เดินเข้ามาใกล้ผู้หญิงคนนี้
ทันใดนั้นชายที่ถือโทรศัพท์ก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมาด้วยความตกใจว่า : “เชี้ย!”
เขากรีดร้องพลางถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัวไปหลายก้าว และเกือบจะถือโทรศัพท์ไว้ไม่แน่น
ผู้ชายที่ถือเข็มขัดกลับตกใจ และถามว่า : “แกทําบ้าอะไร!?”
ผู้ชายที่ถือโทรศัพท์เอื้อมมือชี้ไปข้างหน้า : “มีคน.. ที่ตรงนั่นมีคนอยู่!”
อาศัยแสงไฟจากชายคนนั้น ชายที่ถือเข็มขัดเดินเข้ามาใกล้อีกสองก้าว แล้วมองไป จากนั้นเขาก็แทบตกใจในทันที เห็นเพียงแต่ชายชุดขาวกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ฐานพระพุทธรูป
“แมร่งง!”
ผู้ชายที่ถือเข็มขัดก็เกิดอาการตกใจ ในสถานที่แบบนี้ จู่ๆ ก็เห็นคน ..นี่มันเป็นเรื่องยากที่จะไม่ตกใจ เพราะสิ่งแรกที่คิดก็คืออีกฝ่ายต้องไม่ใช่คน แต่เป็นผี
เมื่อเห็นชายสองคนนั้นตกใจ ผู้หญิงคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหันศีรษะไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพราะเธอนอนอยู่บนพื้น และในมุมมองจากสายตาของเธอ ชายในชุดขาวก็เหมือนกับพระพุทธรูปที่ดูสูงส่ง
ผู้หญิงคนนั้น.. เธอกลับไม่ได้กลัวแต่แค่รู้สึกประหลาดใจมากที่มีคนอยู่ในที่นี่ด้วย!
“ช่วยฉันด้วย ได้โปรด ช่วยฉันด้วยคะ!” ผู้หญิงคนนั้นได้รีบขอความช่วยเหลือจากชายชุดขาว
ในเวลานี้ ชายสองคนก็ยืนยันได้แล้วว่าชายชุดขาวที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ผี แต่เป็นคนที่มีชีวิต และเมื่อนั้นพวกเขาก็สงบลงทันที
หากอีกฝ่ายเป็นมนุษย์ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว!
ชายทั้งสองคิด..
“แมร่งเป็นโรคจิตเหรอไงวะ! ดึกดื่นขนาดนี้ยังมานั่งเป็นผีอยู่ในที่นี้ได้ เกรงว่าแมร่งจะเป็นคนโง่ กล้าที่จะหลอก เล่าจื๊อ ให้ตกใจกลัว นี่มันนับว่าแกโชคร้ายแล้ว!”
“โอ้.. มันน่ากลัวจริงๆ น่ากลัวมาก แกช่างทําให้เราตกใจกลัวได้สุดๆ หยุด หยุดอย่าได้หลอกเราอีกเลย เรากลัวแล้ว! เหอะตลกสิ้นดี!”
ชายสองคนมองหน้ากัน และตัดสินใจเหมือนกัน พวกเขาต้องการจะหาเรื่องชายชุดขาวคนนี้!
“เฮ้.. แกมันเป็นใครวะ?” ชายที่ถือเข็มขัดจ้องมองชายชุดขาว และถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม
ผู้หญิงคนนั้นกําลังขอความช่วยเหลือ ผู้ชายสองคนนี้กับกําลังมองหาเรื่องอีกฝ่าย แต่ชายชุดขาวยังคงหลับตานั่งสมาธิอยู่อย่างเฉยเมย
ชายทั้งสองมองหน้ากัน..
“นี่หรือ.. แกตายไปแล้วเหรอไงวะ?!” ชายที่ถือเข็มขัด คิดแปลกๆ แล้วถามอย่างสงสัย
ผู้ชายที่ถือโทรศัพท์ดูมีสีหน้าเครียดขึ้นเล็กน้อยทันที : “ไม่ใช่มั้ง.. ที่นี่มันจะไปมีคนตายได้อย่างไร แถมยังเป็นท่านั่งนี้อีก นี่มันจะแปลกเกินไปแล้ว!”
ชั่วขณะหนึ่ง รวมถึงผู้หญิงคนนั้น ทั้งสามคนดูเหมือนจะลืมเรื่องเดิมๆ ของตัวเอง ความสนใจทั้งหมดตกไปอยู่ที่ชายชุดขาวที่อยู่ตรงหน้า..
“..พี่ พี่ใหญ่ พี่ไปดูที่สิ ตกลงว่ามันเป็นคนเป็นหรือคนตาย?” ชายที่ถือโทรศัพท์ กล่าวออกมา
ชายที่ถือเข็มขัดก็พูดว่า : “ให้ตาย.. ถ้านี่คือคนตาย ฉันไม่โชคร้ายเกินไปหรือไง แกไปดูเอาเองสิ!”
ผู้ชายที่ถือโทรศัพท์พูดว่า : “พี่ใหญ่ ฉันไม่กล้าเข้าไปดูหรอก!”
ชายที่ถือเข็มขัดก็พูดขึ้นว่า : “แกนี่มันยังเป็นผู้ชายอยู่ไหมหะ ขี้ขลาดจริง ไปดูสิไป!”
ผู้ชายที่ถือโทรศัพท์ได้แต่ทำเป็นใจแข็งเดินเข้าไปหาชายชุดขาว ในใจก็บ่นด่าออกไป ..กล้ามาก ทําไมไม่เข้าไปดูเองว่ะ!
ขณะที่ชายที่ถือโทรศัพท์เดินเข้าไปนั้นเขาก็มีอาการเกร็งๆ เล็กน้อยเมื่อเริ่มจะเข้าใกล้ชายชุดขาว
ดวงตาทั้งสองข้างของชายชุดขาวที่ปิดสนิทอยู่ จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นมา
ชายชุดขาวมองอย่างเย็นชา คายคําพูดเดียวออกมาว่า : “ไสหัวไปซะ!”
“โอ้.. แมร่งสวรรค์!”
ชายที่ถือโทรศัพท์ยังคิดว่า ‘ศพ’ ได้ข่มขู่ออกมา เขาเกิดกลัวจนรีบหันหลัง และวิ่งหนีไปจนเกือบทำโทรศัพท์ตก
“ไอ้บ้าเอ้ย ใจเย็นๆ หน่อย ตื่นตระหนกทำบ้าอะไร นี่มันคน!” ชายที่ถือเข็มขัด กล่าว
จากนั้นชายที่ถือเข็มขัดก็จ้องมองชายชุดขาว แล้วพูดว่า : “ทำบ้าอะไรวะ หรือนี่คือแกกำลังแกล้งทำเป็นหลอกใคร ปลอมเป็นผีงั้นเหรอ? คิดว่า เล่าจื๊อ เข้ามาแล้วจะกลัว? เล่าจื๊อกับ พี่น้องจะทำธุระในที่นี่ แล้วมันก็เป็นแกที่ต้องออกไป เฮ้ย.. ฉันกำลังพูดอยู่กับแก แกได้ยินไหมวะ!?”
ชายในชุดขาวยังคงเงียบ..
ผู้ชายที่ถือเข็มขัด คิดว่า ..ชายชุดขาว ตกใจ ยิ่งหยิ่งผยองขึ้นมา พูดไปว่า : “เป็นอะไรไปทำไมแกถึงไม่รีบขยับ เล่าจื๊อ กำลังบอกให้แกช่วยรีบๆ กลิ้งออกไป ทำไมไม่รีบกลิ้งออกไปวะ ไม่ไปใช่ไหม? ดี ดี เหมือนกัน พอดีเมื่อกี้แกมันทําให้ เล่าจื๊อ ตกใจ งั้นได้ฉันจะสั่งสอนแกก่อนเลย!”
ครั้นพูดไปเช่นนั้น ชายที่ถือเข็มขัด ก็เข้าใกล้ชายชุดขาว และทำท่าว่าจะเอาเข็มขัดฟาดชายชุดขาว
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่มือของเขายกขึ้น และยังไม่ทันได้ตีลงไป ทันใดนั้น ก็เห็นแสงสีเงินวาววับปรากฏขึ้นมาแวบหนึ่ง ในโถงบรรพบุรุษอันอึมครึม ชายชุดขาวที่ลึกลับคนนี้ มีแสงดาบสีเงินวาววับบนร่างกาย ซึ่งจู่ๆ มันก็ปรากฏขึ้นมาในชั่วพริบตา และแวบแรกหายไปราวกับแสงแฟลช
ชายที่ถือเข็มขัดตัวแข็งทื่อในที่เกิดเหตุ ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นถึงสีหน้าที่ไม่อาจอธิบายได้.. ตามมาด้วยรอยเลือดที่บริเวณคอของเขา และรอยเลือดนี้เหมือนกับปลอกคอที่ล้อมรอบคอของเขา
จากนั้นศีรษะมนุษย์คนหนึ่งก็ตกลงไปบนพื้นทันที และศีรษะได้กลิ้งไปตามแรงกระแทกเข้าที่เท้าของชายที่ถือโทรศัพท์ ..ดวงตาของศีรษะที่กลิ้งเข้ามาโดนเขานั้นเบิกกว้างเหมือนราวกับยังมีชีวิต ทันใดนั้นร่างที่ไร้ศีรษะก็มีเลือดสาดกระเซ็นออกมาทันที ผู้ชายที่ถือโทรศัพท์มีใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด…