บทที่ 30 ม้าของข้าหายไป
บทที่ 30 ม้าของข้าหายไป
"จริงเหรอ?"
“สุรานี่...ท่านให้เราขายงั้นเหรอ?”
ทั้งสองคนไม่อยากจะเชื่อเลย
อู๋ฉียิ้มและพูดว่า "ข้า…อู๋ฉีพูดความจริงเสมอ เจ้าคิดว่า ข้าหลอกลวงเจ้างั้นเหรอ?"
“ข้าไม่กล้า!” “ข้าไม่กล้า!”
เตียวสิเผงถามอีกครั้งว่า "ท่านวางแผนที่จะขายให้เราเท่าไหร่?"
อู๋ฉีเหยียดนิ้วออกมาหนึ่งนิ้ว "เท่านี้!"
เตียวสิเผง “หนึ่งขวด?”
อู๋ฉีส่ายหน้า
เตียวสิเผง "หนึ่ง...ลิตร(เซิง)?"
อู๋ฉีหัวเราะเสียงดัง "ทำไมเจ้าถึงพูดน้อยไป! ข้าไม่ใช่คนขายของริมถนน ทำไมข้าถึงขายให้ลิตรเดียว?"
เตียวสิเผงยกมือคำนับแล้วถามว่า "ได้โปรดให้คำอธิบายที่ชัดเจนแก่ข้าด้วยเถอะ…อู๋จวงจู๊!"
อู๋ฉีไม่ได้อวดอีกต่อไป “หนึ่งร้อยขวด!”
เล่าสง "อา! มันเยอะมาก!"
เขามองไปที่ไหสุราเล็กๆ ที่มันใหญ่เท่ากับหัวของเขาบนโต๊ะ และคิดกับตัวเองว่า ถ้าร้อยไหแบบนี้เขาแบ่งขายเป็นไหที่เล็กลงมาอีก เขาจะทำเงินได้มากมายอย่างแน่นอน!
แต่อู๋ฉีส่ายหน้าอีกครั้งหลังจากมองทั้งสองตามแนวสายตา หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา!
เตียวสิเผง “เอิ่ม…ทำไมท่านถึงหัวเราะ?”
อู๋ฉีอธิบายว่า "โอ้ ข้าผิดเองที่ไม่อธิบายให้เจ้าฟัง มันไม่ใช่ขวดเล็กแบบนี้ แต่เป็นไหสุราใบใหญ่ที่ข้ากอดยังไม่รอบ!"
“อ๊า!” ทั้งคู่ตกใจมาก!
ต่อจากนั้นเตียวสิเผงตอบสนองเร็วขึ้นและโค้งคำนับอู๋ฉีทันที "ขอบคุณท่านมาก ข้าไม่สามารถตอบแทนความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของท่านได้ ในอนาคตหากท่านต้องการสิ่งใด ถ้าสิ่งนั้นข้ามี ข้าจะไม่ขมวดคิ้วแม้แต่น้อย!"
เล่าสงก็โค้งคำนับเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และพูดในสิ่งเดียวกัน
อู๋ฉียิ้มและช่วยประคองพวกเขาทั้งสอง โดยบอกว่าไม่มีอะไร มันก็แค่คบหาเพื่อนใหม่เท่านั้น
อู๋ฉีเริ่มผลิตสุรามหัศจรรย์นี้เมื่อครึ่งปีที่แล้ว และได้กลั่นสุราเป็นจำนวนมาก
เดิมทีเขาคาดหวังที่จะทำเงินจากสิ่งนี้ แต่ต่อมาเขาพบว่า...
ข้าขาดเงินเพียงเล็กน้อยนี้หรือเปล่า?
ดังนั้นแรงจูงใจในการผลิตสุราเพื่อจำหน่ายจึงหมดไปทันที
สุราเหล่านี้ให้แขกได้ลิ้มลองเฉพาะเมื่อให้ความบันเทิงแก่ผู้คนเป็นครั้งคราวเท่านั้น หลังจากนั้นก็มีนักพ่อค้าที่มาเสนอเพื่อซื้อสุรามหัศจรรย์เหล่านี้
แต่อู๋ฉีไม่เคยเห็นด้วย…
เดิมทีอู๋ฉีรู้สึกรำคาญพ่อค้าเล็กน้อยในช่วงนี้ ดังนั้นเขาจึงตกลงอย่างไม่เต็มใจที่จะขายบางส่วน แต่มันถูกเลื่อนออกไปในตอนที่กลุ่มโพกผ้าเหลืองโผล่ออกมาก่อน
ตอนนี้ดูเหมือนว่าแทนที่จะขายเพื่อเงิน ควรใช้มันเพื่อสร้างคนที่มีประโยชน์กับเขาจะดีกว่า
เหมือนกับที่เตียวสิเผงและเล่าวงที่อยู่ตรงหน้าข้า
ตราบใดที่อู๋ฉีสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขา แหล่งที่มาของม้าจะได้รับการแก้ไขในอนาคต!
หลังจากนั้นอู๋ฉีอยู่กับเตียวสิเผงและเล่าสงเพื่อทานอาหารเย็นด้วยกัน และหลังจากพูดคุยกันมากขึ้น อู็ฉีก็ส่งพวกเขากลับไป
แน่นอนว่า ม้าไม่ได้อยู่กับพวกเขา ท้ายที่สุด มันยังอยู่ในความสับสนวุ่นวายของสงคราม การเดินขบวนพร้อมกับม้าจำนวนมากมักจะดึงดูดความสนใจและก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นอย่างแน่นอน
ดังนั้นม้าของพวกเขาจึงถูกแบ่งออกเป็นหลายๆ ชุด แต่ละชุดมีจำนวนน้อยและพวกเขาจะขายพวกมันอย่างลับๆ
หลังจากการเจรจากับอู๋ฉีสิ้นสุดลงในวันนี้ พวกเข่จะส่งม้ามาให้ในภายหลัง
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าอู๋ฉียังคงยุ่งอยู่กับการฝึกทหาร ในบางครั้ง ม้าจะถูกส่งมาที่หมู่บ้านและผู้ดูแลจะรับผิดชอบในการรับม้าเหล่านั้น
วันหนึ่งอู๋ฉีกำลังคุยกับอู๋หยง
อู๋ฉี "ตอนนี้ข้าฝึกทหารทุกวัน ไม่รู้ว่าพวกโจรโพกผ้าเหลืองจะมาเมื่อไร มันคงไม่เร็วๆ นี้หรอกนะ!"
อู๋หยงชมเชยเขาว่า "ท่านไม่ต้องกังวล อู๋จวงจู๊มีพลังมากอยู่แล้ว ครั้งล่าสุดที่ท่านเอาชนะพวกฉู๋เอี๋ยน พวกโจรโพกผ้าเหลืองเหล่านั้นล้วนหวาดกลัวท่าน พวกเขาไม่ควรกล้ามาที่นี่ในเวลาอันสั้นเช่นนี้!"
อู๋ฉียิ้มและส่ายหน้า "มันพูดยาก! ที่จริงแล้วการต่อต้านพวกโจรยังคงขึ้นอยู่กับราชสำนัก ข้ามีทหารเพียงหนึ่งพันเท่านั้น ข้าไม่สามารถต่อกรกับเหล่าโจรโพกผ้าเหลืองนับแสนได้"
อู๋หยงปลอบใจเขาและพูดว่า "ท่านอย่ากังวลเลย! ราชสำนักได้แต่งตั้งโฮจิ๋น(เหอจิ้น) เป็นแม่ทัพใหญ่เพื่อปกป้องเมืองหลวง นอกจากนี้เรายังมีแม่ทัพเหนือโลติด(หลูจื๋อ) แม่ทัพซ้ายฮองฮูสง(หวงฟู่ซ่ง) และแม่ทัพขวาจูฮี(ซู่จุ้น) แม่ทัพใหญ่ได้แบ่งพวกเขาออกเป็นสามกลุ่มเพื่อปราบปรามเหล่าโจรโพกผ้าเหลือง ในไม่ช้าพวกโจรเหล่านั้นย่อมแพ้พ่ายออย่างแน่นอน!”
อู๋ฉีรู้ว่าอู๋หยงมาจากสำนักงานประจำเทศมณฑล และเขามีข้อมูลที่ดีกว่าที่นั่น อู๋ฉีจึงถามต่อว่า
“แล้วราชสำนักมีการเตรียมการใด ๆ สำหรับที่นี่ในมณฑลโหยวโจว(อิวจิ๋ว) หรือไม่?”
อู๋หยงตอบว่า "ราชสำนักบอกว่าจะส่งเสี่ยวเว่ย(ผู้บัญชาการกองทัพ) มาช่วย"
อู๋ฉีถามต่อว่า “เมื่อไหร่ถึงจะมา?”
อู๋หย่ง "อือ…ข้าไม่สามารถบอกได้อย่างแน่นอน! แต่ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ ทุกเมืองในมณฑลโหยวโจวได้ผ่อนคลายข้อจำกัด และคนจำนวนมากเช่นอู๊จวงจู๊ก็กำลังรับสมัครและฝึกทหาร แต่อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้มันจะไม่เหมือนครั้งที่แล้วที่พวกเขาโดนโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว!”
อู๋ฉีพยักหน้า "ถูกต้อง!"
ในขณะที่เขากำลังจะพูดต่อ จู่ๆ อู๋เอ๋อก็เหงื่อออกอย่างล้นหลาม เข้ามาหาอู๋ฉีด้วยสีหน้ากังวล "ไม่ดีแล้วนายท่าน มันแย่แล้ว!"
อู๋ฉีถอนหายใจ "เกิดอะไรขึ้น โจรโพกผ้าเหลืองมาแล้วงั้นเหรอ?"
“ไม่ ไม่ใช่โจรโพกผ้าเหลือง!” อู๋เอ๋อส่ายหัว
หลังจากนั้น เขาก็พูดอะไรบางอย่างที่อู๋ฉีคาดไม่ถึงออกมา
"นายท่าน... ม้าของเราที่ซื้อมาถูกปล้น!"
อู๋ฉีลุกขึ้นยืนทันที “เจ้าว่าอะไรนะ!?”
【ภารกิจ: จับม้าคืน! ม้าที่โฮสต์จำเป็นต้องเลี้ยงดูถูกปล้น...]
อู๋ฉีขัดจังหวะ "เดี๋ยวนะ ทำไมคำเหล่านี้ฟังดูแปลกๆ สำหรับข้า"
ระบบเพิกเฉยต่อคำพูดของเขาและรายงานต่อไป:
【ม้าของโฮสต์หายไปแล้ว เรื่องนี้ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด หากโฮสต์ไม่อยากเป็นคนไร้ม้า โปรดไปยังสถานที่ที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุดและนำม้าของโฮสต์กลับมา!
รางวัลภารกิจ: เงินห้างสรรพสินค้า +5,000 ฉายา 'ม้าฮู' 】
(马户 Mǎ hù ครัวเรือนม้าหมายถึงเกษตรกรที่เลี้ยงม้า)
ระบบสุนัขนี้มีเจตนาชั่วร้ายอย่างยิ่ง!
แค่ใช้ "ม้าของเจ้า" สั้นๆก็เพียงพอแล้ว ทำไมต้องมีข้าเลี้ยงดูด้วยล่ะ?
มันน่ารังเกียจจริงๆ!
แต่ว่า……
มีบางอย่างผิดปกติกับรางวัลนี้!
ขโมยคงไม่ได้เอาไปแค่ตัวสองตัวใช่ไหม? ทำไมต้องให้รางวัลถึงห้าพันเหรียญด้วย?
มันมากกว่ารางวัลในการดวลกับเตียวเอี๋ยนซะอีก!?
งานนี้มันต้องยากมากใช่ไหม?
ดังนั้นอู๋ฉีจึงตัดสินใจถามอย่างชัดเจนก่อนว่า "อู๋เอ๋อ…บอกข้าให้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายคือใคร และทำไมพวกเขาถึงปล้นม้าของข้าไป"
อู๋เอ๋อจึงอธิบายโดยละเอียดว่า…
ปรากฎว่าในบรรดาม้าที่เตียวสิเผงและเล่าสงวางแผนที่จะส่งมอบให้กับอู๋ฉีนั้น บางส่วนถูกเก็บไว้นอกเมืองฟางเฉิง
พื้นที่นั้นอยู่นอกเขตอำนาจของเฉิงเซี่ยนลิ่ง
ผู้ดูแลที่รับผิดชอบเรื่องการส่งมอบจึงตัดสินใจส่งคนจากหมู่บ้านสกุลอู๋ไปรับมันด้วยกันเพื่อความปลอดภัย แต่ไม่ว่ายังไง ปัจจุบันอู๋ครึ่งเมืองเป็นที่รู้จักกันดีในมณฑลและเทศมณฑล แม้แต่ผู้ตรวจการมณฑลถ้าได้พบกับอู๋ฉี เขาก็ยังให้ความเคารพต่ออู๋ฉีเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มันไม่น่ามีปัญหาอย่างแน่นอน
โดยไม่คาดคิด กระบวนการรับม้าดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่มีบางอย่างผิดพลาดเกิดขึ้นระหว่างทางกลับมาที่หมู่บ้านสกุลอู๋
จู่ๆ คนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นและเริ่มโต้เถียงกับเตียวสิเผงโดยพูดว่า "ทำไมม้าของข้าถึงแย่ขนาดนี้ ทำไมม้าพวกนี้ถึงดีขนาดนี้"
หลังจากนั้นพวกเขาก็จับม้าไปด้วยกำลัง…
ผู้คนในหมู่บ้านสกุลอู๋ไม่รู้จักคนกลุ่มนั้น พวกเขาได้ยินเพียงเตียวสิเผงเรียกเขาว่า "จางจวงจู๊" และดูเหมือนเขาจะเป็นผู้นำหมู่บ้านที่นั่น
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ อู๋เอ๋อจึงรีบกลับมารายงานข่าวทันที
อู๋ฉีขมวดคิ้วหลังจากได้ยินสิ่งนี้ และคิดกับตัวเองว่าเตียวสิเผงนั้นไม่น่าเชื่อถือเกินไป หากเจ้ามีข้อพิพาทกับคนอื่นๆ เจ้าไม่รู้หรือไงว่ามันส่งผลกระทบข้ายังไง?
จางจวงจู๊?
ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ข้าคิดว่าเขาคงเป็นเพียงพ่อค้าตัวน้อย! เขาอาจมีชื่อเสียงในหมู่บ้าน แต่ชื่อเสียงของเขาไม่สามารถแพร่กระจายออกไปเกินระดับเขตได้
เพราะไม่มีใครเทียบได้อย่างสิ้นเชิงกับคนที่ทรงพลังอย่างข้า
อีกฝ่ายน่าจะเคยได้ยินชื่อของข้า เพราะยังไงข้าก็เป็นที่รู้จักในมณฑลและเทศมณฑล ดังนั้นเขาไม่น่าจะดูหมิ่นข้าได้มากขนาดนี้
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า...
อู๋ฉีหยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และยืนขึ้นทันที "พาข้าไปที่นั่น! ข้าอยากรู้ว่าสุนัขตัวไหนมันกล้าปล้นม้าของอู๋ครึ่งเมือง!"