ตอนที่แล้วบทที่ 29 ม้าและสุรา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 31 ทำไมไม่ไปสวรรค์

บทที่ 30 ม้าของข้าหายไป


บทที่ 30 ม้าของข้าหายไป

"จริงเหรอ?"

“สุรานี่...ท่านให้เราขายงั้นเหรอ?”

ทั้งสองคนไม่อยากจะเชื่อเลย

อู๋ฉียิ้มและพูดว่า "ข้า…อู๋ฉีพูดความจริงเสมอ เจ้าคิดว่า ข้าหลอกลวงเจ้างั้นเหรอ?"

“ข้าไม่กล้า!” “ข้าไม่กล้า!”

เตียวสิเผงถามอีกครั้งว่า "ท่านวางแผนที่จะขายให้เราเท่าไหร่?"

อู๋ฉีเหยียดนิ้วออกมาหนึ่งนิ้ว  "เท่านี้!"

เตียวสิเผง “หนึ่งขวด?”

อู๋ฉีส่ายหน้า

เตียวสิเผง "หนึ่ง...ลิตร(เซิง)?"

อู๋ฉีหัวเราะเสียงดัง  "ทำไมเจ้าถึงพูดน้อยไป! ข้าไม่ใช่คนขายของริมถนน ทำไมข้าถึงขายให้ลิตรเดียว?"

เตียวสิเผงยกมือคำนับแล้วถามว่า "ได้โปรดให้คำอธิบายที่ชัดเจนแก่ข้าด้วยเถอะ…อู๋จวงจู๊!"

อู๋ฉีไม่ได้อวดอีกต่อไป  “หนึ่งร้อยขวด!”

เล่าสง "อา! มันเยอะมาก!"

เขามองไปที่ไหสุราเล็กๆ ที่มันใหญ่เท่ากับหัวของเขาบนโต๊ะ และคิดกับตัวเองว่า ถ้าร้อยไหแบบนี้เขาแบ่งขายเป็นไหที่เล็กลงมาอีก เขาจะทำเงินได้มากมายอย่างแน่นอน!

แต่อู๋ฉีส่ายหน้าอีกครั้งหลังจากมองทั้งสองตามแนวสายตา หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา!

เตียวสิเผง “เอิ่ม…ทำไมท่านถึงหัวเราะ?”

อู๋ฉีอธิบายว่า  "โอ้ ข้าผิดเองที่ไม่อธิบายให้เจ้าฟัง มันไม่ใช่ขวดเล็กแบบนี้ แต่เป็นไหสุราใบใหญ่ที่ข้ากอดยังไม่รอบ!"

“อ๊า!” ทั้งคู่ตกใจมาก!

ต่อจากนั้นเตียวสิเผงตอบสนองเร็วขึ้นและโค้งคำนับอู๋ฉีทันที  "ขอบคุณท่านมาก ข้าไม่สามารถตอบแทนความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของท่านได้ ในอนาคตหากท่านต้องการสิ่งใด ถ้าสิ่งนั้นข้ามี ข้าจะไม่ขมวดคิ้วแม้แต่น้อย!"

เล่าสงก็โค้งคำนับเมื่อได้ยินสิ่งนี้ และพูดในสิ่งเดียวกัน

อู๋ฉียิ้มและช่วยประคองพวกเขาทั้งสอง โดยบอกว่าไม่มีอะไร มันก็แค่คบหาเพื่อนใหม่เท่านั้น

อู๋ฉีเริ่มผลิตสุรามหัศจรรย์นี้เมื่อครึ่งปีที่แล้ว และได้กลั่นสุราเป็นจำนวนมาก

เดิมทีเขาคาดหวังที่จะทำเงินจากสิ่งนี้ แต่ต่อมาเขาพบว่า...

ข้าขาดเงินเพียงเล็กน้อยนี้หรือเปล่า?

ดังนั้นแรงจูงใจในการผลิตสุราเพื่อจำหน่ายจึงหมดไปทันที

สุราเหล่านี้ให้แขกได้ลิ้มลองเฉพาะเมื่อให้ความบันเทิงแก่ผู้คนเป็นครั้งคราวเท่านั้น หลังจากนั้นก็มีนักพ่อค้าที่มาเสนอเพื่อซื้อสุรามหัศจรรย์เหล่านี้

แต่อู๋ฉีไม่เคยเห็นด้วย…

เดิมทีอู๋ฉีรู้สึกรำคาญพ่อค้าเล็กน้อยในช่วงนี้ ดังนั้นเขาจึงตกลงอย่างไม่เต็มใจที่จะขายบางส่วน แต่มันถูกเลื่อนออกไปในตอนที่กลุ่มโพกผ้าเหลืองโผล่ออกมาก่อน

ตอนนี้ดูเหมือนว่าแทนที่จะขายเพื่อเงิน ควรใช้มันเพื่อสร้างคนที่มีประโยชน์กับเขาจะดีกว่า

เหมือนกับที่เตียวสิเผงและเล่าวงที่อยู่ตรงหน้าข้า

ตราบใดที่อู๋ฉีสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขา แหล่งที่มาของม้าจะได้รับการแก้ไขในอนาคต!

หลังจากนั้นอู๋ฉีอยู่กับเตียวสิเผงและเล่าสงเพื่อทานอาหารเย็นด้วยกัน และหลังจากพูดคุยกันมากขึ้น อู็ฉีก็ส่งพวกเขากลับไป

แน่นอนว่า ม้าไม่ได้อยู่กับพวกเขา ท้ายที่สุด มันยังอยู่ในความสับสนวุ่นวายของสงคราม การเดินขบวนพร้อมกับม้าจำนวนมากมักจะดึงดูดความสนใจและก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นอย่างแน่นอน

ดังนั้นม้าของพวกเขาจึงถูกแบ่งออกเป็นหลายๆ ชุด แต่ละชุดมีจำนวนน้อยและพวกเขาจะขายพวกมันอย่างลับๆ

หลังจากการเจรจากับอู๋ฉีสิ้นสุดลงในวันนี้ พวกเข่จะส่งม้ามาให้ในภายหลัง

ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าอู๋ฉียังคงยุ่งอยู่กับการฝึกทหาร ในบางครั้ง ม้าจะถูกส่งมาที่หมู่บ้านและผู้ดูแลจะรับผิดชอบในการรับม้าเหล่านั้น

วันหนึ่งอู๋ฉีกำลังคุยกับอู๋หยง

  

อู๋ฉี  "ตอนนี้ข้าฝึกทหารทุกวัน ไม่รู้ว่าพวกโจรโพกผ้าเหลืองจะมาเมื่อไร มันคงไม่เร็วๆ นี้หรอกนะ!"

อู๋หยงชมเชยเขาว่า "ท่านไม่ต้องกังวล อู๋จวงจู๊มีพลังมากอยู่แล้ว ครั้งล่าสุดที่ท่านเอาชนะพวกฉู๋เอี๋ยน พวกโจรโพกผ้าเหลืองเหล่านั้นล้วนหวาดกลัวท่าน พวกเขาไม่ควรกล้ามาที่นี่ในเวลาอันสั้นเช่นนี้!"

อู๋ฉียิ้มและส่ายหน้า "มันพูดยาก! ที่จริงแล้วการต่อต้านพวกโจรยังคงขึ้นอยู่กับราชสำนัก ข้ามีทหารเพียงหนึ่งพันเท่านั้น ข้าไม่สามารถต่อกรกับเหล่าโจรโพกผ้าเหลืองนับแสนได้"

อู๋หยงปลอบใจเขาและพูดว่า "ท่านอย่ากังวลเลย! ราชสำนักได้แต่งตั้งโฮจิ๋น(เหอจิ้น) เป็นแม่ทัพใหญ่เพื่อปกป้องเมืองหลวง นอกจากนี้เรายังมีแม่ทัพเหนือโลติด(หลูจื๋อ)  แม่ทัพซ้ายฮองฮูสง(หวงฟู่ซ่ง) และแม่ทัพขวาจูฮี(ซู่จุ้น) แม่ทัพใหญ่ได้แบ่งพวกเขาออกเป็นสามกลุ่มเพื่อปราบปรามเหล่าโจรโพกผ้าเหลือง ในไม่ช้าพวกโจรเหล่านั้นย่อมแพ้พ่ายออย่างแน่นอน!”

อู๋ฉีรู้ว่าอู๋หยงมาจากสำนักงานประจำเทศมณฑล และเขามีข้อมูลที่ดีกว่าที่นั่น อู๋ฉีจึงถามต่อว่า

“แล้วราชสำนักมีการเตรียมการใด ๆ สำหรับที่นี่ในมณฑลโหยวโจว(อิวจิ๋ว) หรือไม่?”

  

อู๋หยงตอบว่า "ราชสำนักบอกว่าจะส่งเสี่ยวเว่ย(ผู้บัญชาการกองทัพ) มาช่วย"

อู๋ฉีถามต่อว่า “เมื่อไหร่ถึงจะมา?”

อู๋หย่ง  "อือ…ข้าไม่สามารถบอกได้อย่างแน่นอน! แต่ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ ทุกเมืองในมณฑลโหยวโจวได้ผ่อนคลายข้อจำกัด และคนจำนวนมากเช่นอู๊จวงจู๊ก็กำลังรับสมัครและฝึกทหาร แต่อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้มันจะไม่เหมือนครั้งที่แล้วที่พวกเขาโดนโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว!”

อู๋ฉีพยักหน้า  "ถูกต้อง!"

ในขณะที่เขากำลังจะพูดต่อ จู่ๆ อู๋เอ๋อก็เหงื่อออกอย่างล้นหลาม เข้ามาหาอู๋ฉีด้วยสีหน้ากังวล  "ไม่ดีแล้วนายท่าน มันแย่แล้ว!"

อู๋ฉีถอนหายใจ  "เกิดอะไรขึ้น โจรโพกผ้าเหลืองมาแล้วงั้นเหรอ?"

“ไม่ ไม่ใช่โจรโพกผ้าเหลือง!” อู๋เอ๋อส่ายหัว

หลังจากนั้น เขาก็พูดอะไรบางอย่างที่อู๋ฉีคาดไม่ถึงออกมา

"นายท่าน... ม้าของเราที่ซื้อมาถูกปล้น!"

อู๋ฉีลุกขึ้นยืนทันที  “เจ้าว่าอะไรนะ!?”

  

【ภารกิจ: จับม้าคืน! ม้าที่โฮสต์จำเป็นต้องเลี้ยงดูถูกปล้น...]

อู๋ฉีขัดจังหวะ  "เดี๋ยวนะ ทำไมคำเหล่านี้ฟังดูแปลกๆ สำหรับข้า"

ระบบเพิกเฉยต่อคำพูดของเขาและรายงานต่อไป:

  

【ม้าของโฮสต์หายไปแล้ว เรื่องนี้ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด หากโฮสต์ไม่อยากเป็นคนไร้ม้า โปรดไปยังสถานที่ที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุดและนำม้าของโฮสต์กลับมา!

รางวัลภารกิจ: เงินห้างสรรพสินค้า +5,000 ฉายา 'ม้าฮู' 】

(马户 Mǎ hù ครัวเรือนม้าหมายถึงเกษตรกรที่เลี้ยงม้า)

ระบบสุนัขนี้มีเจตนาชั่วร้ายอย่างยิ่ง!

แค่ใช้ "ม้าของเจ้า" สั้นๆก็เพียงพอแล้ว ทำไมต้องมีข้าเลี้ยงดูด้วยล่ะ?

มันน่ารังเกียจจริงๆ!

แต่ว่า……

มีบางอย่างผิดปกติกับรางวัลนี้!

ขโมยคงไม่ได้เอาไปแค่ตัวสองตัวใช่ไหม? ทำไมต้องให้รางวัลถึงห้าพันเหรียญด้วย?

มันมากกว่ารางวัลในการดวลกับเตียวเอี๋ยนซะอีก!?

งานนี้มันต้องยากมากใช่ไหม?

ดังนั้นอู๋ฉีจึงตัดสินใจถามอย่างชัดเจนก่อนว่า "อู๋เอ๋อ…บอกข้าให้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายคือใคร และทำไมพวกเขาถึงปล้นม้าของข้าไป"

อู๋เอ๋อจึงอธิบายโดยละเอียดว่า…

ปรากฎว่าในบรรดาม้าที่เตียวสิเผงและเล่าสงวางแผนที่จะส่งมอบให้กับอู๋ฉีนั้น บางส่วนถูกเก็บไว้นอกเมืองฟางเฉิง

พื้นที่นั้นอยู่นอกเขตอำนาจของเฉิงเซี่ยนลิ่ง

ผู้ดูแลที่รับผิดชอบเรื่องการส่งมอบจึงตัดสินใจส่งคนจากหมู่บ้านสกุลอู๋ไปรับมันด้วยกันเพื่อความปลอดภัย แต่ไม่ว่ายังไง ปัจจุบันอู๋ครึ่งเมืองเป็นที่รู้จักกันดีในมณฑลและเทศมณฑล แม้แต่ผู้ตรวจการมณฑลถ้าได้พบกับอู๋ฉี เขาก็ยังให้ความเคารพต่ออู๋ฉีเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มันไม่น่ามีปัญหาอย่างแน่นอน

โดยไม่คาดคิด กระบวนการรับม้าดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่มีบางอย่างผิดพลาดเกิดขึ้นระหว่างทางกลับมาที่หมู่บ้านสกุลอู๋

จู่ๆ คนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นและเริ่มโต้เถียงกับเตียวสิเผงโดยพูดว่า "ทำไมม้าของข้าถึงแย่ขนาดนี้ ทำไมม้าพวกนี้ถึงดีขนาดนี้"

หลังจากนั้นพวกเขาก็จับม้าไปด้วยกำลัง…

ผู้คนในหมู่บ้านสกุลอู๋ไม่รู้จักคนกลุ่มนั้น พวกเขาได้ยินเพียงเตียวสิเผงเรียกเขาว่า "จางจวงจู๊" และดูเหมือนเขาจะเป็นผู้นำหมู่บ้านที่นั่น

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ อู๋เอ๋อจึงรีบกลับมารายงานข่าวทันที

อู๋ฉีขมวดคิ้วหลังจากได้ยินสิ่งนี้ และคิดกับตัวเองว่าเตียวสิเผงนั้นไม่น่าเชื่อถือเกินไป หากเจ้ามีข้อพิพาทกับคนอื่นๆ เจ้าไม่รู้หรือไงว่ามันส่งผลกระทบข้ายังไง?

จางจวงจู๊?

ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ข้าคิดว่าเขาคงเป็นเพียงพ่อค้าตัวน้อย! เขาอาจมีชื่อเสียงในหมู่บ้าน แต่ชื่อเสียงของเขาไม่สามารถแพร่กระจายออกไปเกินระดับเขตได้

เพราะไม่มีใครเทียบได้อย่างสิ้นเชิงกับคนที่ทรงพลังอย่างข้า

อีกฝ่ายน่าจะเคยได้ยินชื่อของข้า เพราะยังไงข้าก็เป็นที่รู้จักในมณฑลและเทศมณฑล ดังนั้นเขาไม่น่าจะดูหมิ่นข้าได้มากขนาดนี้

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า...

อู๋ฉีหยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และยืนขึ้นทันที  "พาข้าไปที่นั่น! ข้าอยากรู้ว่าสุนัขตัวไหนมันกล้าปล้นม้าของอู๋ครึ่งเมือง!"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด