บทที่ 27 ฝึกฝนทหาร
บทที่ 27 ฝึกฝนทหาร
อู๋ฉีมาถึงคุกที่ฉู่เอี๋ยนอยู่ และเขารู้สึกตลกมากเมื่อเห็นว่าฉู่เอี๋ยนถูกห่อด้วยผ้าเหมือนมัมมี่
หมอที่อยู่ใกล้ๆ บอกอู๋ฉีว่า กระดูกเกือบทั้งหมดในร่างกายของฉู่เอี๋ยนหัก เหลือมีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์
กล่าวคือ…ฉู่เอี๋ยนช่างมีโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่มาก ไม่เช่นนั้นเขาคงตายไปนานแล้ว
ถึงกระนั้น หากฉู่เอี๋ยนไม่ได้นอนอยู่บนเตียงเป็นเวลาหนึ่งปี เขาก็ไม่มีทางที่จะสามารถฟื้นตัวได้!
อู๋ฉียิ้มและพูดว่า "ฉู่เอี๋ยน…ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้เ เจ้าจะหักกระดูกของข้าทีละท่อน ทำไมกระดูกของเจ้าถึงหักดองล่ะ? เป็นไปได้ไหมว่า...ข้าได้ยินไม่ชัด? สิ่งที่เจ้าหมายถึงจริงๆ คือ เจ้าต้องการหักกระดูกของเจ้าเองทั้งหมดใช่ไหม?”
“ฮึ่ม!” ฉู่เอี๋ยนโกรธมากจนเขาหันหลังกลับและไม่สนใจอู๋ฉีอีกต่อไป
อู๋ฉีกอดอกแล้วกล่าวว่า "เอาล่ะ! ในฐานะลูกผู้ชาย เจ้าต้องรักษาคำพูด เจ้าจะไม่ปฏิเสธการเดิมพันที่เราเคยทำไว้ก่อนหน้านี้ใช่ไหม? "
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนน่ารังเกียจเหมือนเจ้าหรือเปล่าล่ะ?” ในที่สุดฉู่เอี๋ยนก็เพิกเฉยต่ออู๋ฉี “ข้าผู้แซ่ฉู่ย่อมเห็นด้วยกับเดิมพัน!”
สิ่งแรกที่เขาต้องการคือการไม่บอกข้อมูลแก่อู๋ฉี แต่... ตามสถานการณ์ปัจจุบัน เขาจำต้องบอกเพราะเขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เขาจำเป็นต้องพึ่งพาอู๋ฉีต่อจากนี้จริงๆ
ที่สำคัญ…เขาจะต้องอยู่บนเตียงเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี
แถมระยะเวลาพักฟื้นหลังการบาดเจ็บ การฝึกกล้ามเนื้อ ฯลฯ ในภายหลังมันจะใช้เวลาอีกนานมาก
เพื่อไม่ให้อู๋ฉีจัดการกับเขา เขาจึงต้องบอกข้อมูลเกี่ยวกับกองทัพโพกผ้าเหลืองอยู่ดี
ตามที่เขาพูด กองทัพโพกผ้าเหลืองมีทั้งหมดมีสามสิบหกฝ่าย โดยมีมากกว่าหนึ่งหมื่นคนในฝ่ายใหญ่ และมีหกถึงเจ็ดพันคนในฝ่ายเล็ก โดยแต่ละฝ่ายมีผู้บังคับบัญชาของตนเอง ตัวฉู่เอี๋ยนยังได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด เนื่องจากมีคนจำนวนมากภายใต้การบังคับบัญชาของเขา อย่างไรก็ตาม ภารกิจดั้งเดิมที่กองทัพโพกผ้าเหลืองมอบให้เขาคือการยึดเมืองและดินแดนในพื้นที่ฉางซานและจงซาน ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของมณฑลจี้โจว (กิจิ๋ว)
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอู๋ฉีนำทหารถั่วไปเผาฐานที่มั่นหมู่บ้านเฮยเฟิงของเขาก่อนหน้านี้ เพื่อแก้แค้นส่วนตัว เขาจึงไม่ได้ไปที่มณฑลจี้โจว (กิจิ๋ว) แต่มาที่เมืองเฟิงเฉินของมณฑลโหยวโจว (อิวจิ๋ว) ก่อน
ที่ฝั่งโหยวโจว มีผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบอีกคนหนึ่งคือ ผู้นำเทียอ้วนจี้ (เฉิงหยวนจื่อ)
(ผู้นำนี้ จีนใช้คำว่า 渠帅 Qú shuài ซึ่งหมายถึงผู้นำพวกกบฎหรือกองโจรนะครับ)
อู๋ฉีพยักหน้ารับ "ข้ารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว"
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่มอบให้โดยเตียวเอี๋ยนนั้นแตกต่างเล็กน้อยจากสิ่งที่อู๋ฉีรู้ นั่นคือกองกำลังของเทียอ้วนจี้ (เฉิงหยวนจื่อ) ในเวลานี้ มีจำนวนน้อยกว่าหนึ่งหมื่นคนเท่านั้น และขณะนี้เขาปฏิบัติการในมณฑล กวงหยางซึ่งอยู่ทางเหนือ และเขาจะไม่สามารถกลับมาได้สักระยะหนึ่ง
กล่าวอีกนัยหนึ่งอู๋ฉียังมีเวลาอีกมากในการเตรียมตัว
สุดท้ายแล้ว กองทัพโพกผ้าเหลืองก็มีความสามารถในการต่อสู้
ผู้ประสานงานที่ส่งมาโดยกองทัพโพกผ้าเหลืองพยายามอย่างดีที่สุดที่จะแสดงพลังของกองทัพโพกผ้าเหลืองเพื่อนำฉู่เอี๋ยนเข้าร่วมกองทัพ และเชิญฉู่เอี๋ยนไปเยี่ยมชมกองทัพของพวกเขา
ในเรื่องนี้ ฉู่เอี๋ยนเคยไปดูมันครั้งหนึ่ง เขาพบว่ากองทัพมีความเรียบร้อยและได้รับการฝึกมาอย่างดี พวกเขามีหน่วยทหารม้าที่สามารถขี่ม้าและยิงธนูได้
ว่ากันว่าคนเหล่านี้เคยรับราชการในกองทัพของราชวงศ์ฮั่นมาก่อน และเข้าร่วมกับกองทัพโพกผ้าเหลือง เนื่องจากความเชื่อในลัทธิไท่ผิงเต้า (หนทางมหาสันติ)
แน่นอนว่า ฉู่เอี๋ยนก็รู้ดีว่าสิ่งที่ผู้ประสานงานแสดงให้เขาเห็นนั้นต้องเป็นชนชั้นสูงของกลุ่มโพกผ้าเหลืองอยู่แล้ว พวกชนชั้นสูงนี้คิดเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของกองทัพเท่านั้น และส่วนใหญ่ที่เหลือจะต้องเป็นพวกโจรเหมือนพวกเขาจากหมู่บ้านเฮยเฟิงอย่างแน่นอน
ส่วนคนอื่นๆ ฉู่เอี๋ยนไม่รู้จัก…
หลังจากพูดทุกอย่างแล้ว อู๋ฉีพยักหน้าและเตรียมที่จะออกไปพบเฉิงเซี่ยนลิ่ง
ทันใดนั้น เขาก็จำอะไรบางอย่างได้ และหันกลับมาอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนใบหน้าของเขา
ฉู่เอี๋ยนสั่นไปทั้งตัวหลังจากมองเห็นอู๋ฉีหันกลับมา "เจ้า... เจ้าจะทำอะไร? "
อู๋ฉีตระโกนออกมา “เจ้าหน้าที่ เอาพู่กันและหมึกมา!”
ฉู่เอี๋ยน “???”
หลังจากนั้นไม่นานอู๋ฉีก็จากไป แต่ผู้คุมที่อยู่ด้านหลังก็มองดูแถบผ้าที่พันรอบร่างของเตียวเอี๋ยนและรู้สึกงุนงงกับข้อความที่เขียนไว้:
“อู๋ฉีมาที่นี่เพื่อเยี่ยมชม”, “อู๋ฉีรักเตียวเสี้ยน”, “ห้ามถ่ายอุจจาระที่นี่”, “ทุกคนมีความรับผิดชอบในการปกป้องโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมและมัมมี่”...
…
อู๋ฉีกลับไปพบเฉิงเซี่ยนลิ่ง ซึ่งเขาย่อมเห็นด้วยกับคำขอก่อนหน้าของอู๋ฉีโดยธรรมชาติ
นี่คือสิ่งที่อู๋ฉีคาดหวัง ท้ายที่สุด เขาได้ให้ความดีความชอบของเขามากมาย ดังนั้นเฉิงเซี่ยนลิ่งจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่เห็นด้วย
นี่คือสิ่งที่อู๋ฉีต้องการ…
เฉิงเซี่ยนลิ่งกล่าวว่า อู๋ฉีสามารถเรียกใช้ช่างตีเหล็กครึ่งหนึ่งในเมืองฟางเฉิงได้...
นอกเหนือจากการทำอาวุธยุทโธปกรณ์แล้ว ผู้คนในเมืองยังต้องใช้ช่างตีเหล็กเพื่อทำเครื่องมือในฟาร์มและทำเครื่องมือการผลิตเกษตรกรรม พวกเขาไม่สามารถหยุดทำการเพาะปลูกได้เพียงเพราะสงคราม
การที่อู๋ฉีไม่สามารถเรียกช่างตีเหล็กทั้งเมืองมารับใช้เขาได้นั้น เหตุผลคือการตอบรับจากผู้บังคับบัญชานั่นเอง มีมณฑลที่อยู่เหนือเทศมณฑล และมีขุนนางที่อยู่เหนือเทศมณฑลที่ราชสำนักอาจส่งมา
หากพวกเขามาที่เมืองฟางเฉิง และต้องการรับสมัครช่างตีเหล็ก หากพวกเขารู้ว่าช่างตีเหล็กทั้งหมดถูกย้ายออกไปโดยอู๋ฉี มันจะส่งผลเสียต่อตำแหน่งของเฉิงเซี่ยนลิ่ง
ตอนนี้อู๋ฉีสามารถขอได้ครึ่งหนึ่ง มันก็ถือว่าเป็นความสะดวกที่ดีมากสำหรับเขาแล้ว
เฉิงเซี่ยนลิ่งยิ้มและพูดว่า "อู๋ครึ่งเมือง ท่านสมควรที่จะได้รับแบ่งครึ่งหนึ่ง!"
ส่วนม้านั้น เฉิงเซี่ยนลิ่งไม่มีอำนาจในเรื่องนี้ เพราะดังที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าสำนักงานเทศมณฑลไม่มีทหารและเงิน ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจะไม่มีม้า พวกเขามีเพียงม้าเร็วสองสามตัวเท่านั้นเพื่อส่งข้อความ
แต่เฉิงเซี่ยนลิ่งไม่ได้พูดอะไร แต่เขาแสดงความตั้งใจที่จะแนะนำกลุ่มพ่อค้าลักลอบขายม้าให้รู้จักกับอู๋ฉี ส่วนอู๋ฉีจะจัดการกับพวกพ่อค้าอย่างไร สำนักงานเทศมณฑลจะเมินเฉย
ในความเป็นจริง สำนักงานประจำเทศมณฑลไม่มีความสามารถพอที่จะจัดการกับพ่อค้าเหล่านี้อยู่แล้ว แต่เขาแจ้งเรื่องนี้ให้อู๋ฉีเพื่อเป็นบุญคุณไม่ดีกว่าหรือ?
แน่นอนว่า อู๋ฉีย่อมไม่คัดค้านในเรื่องนี้…
หลังจากนั้นอู๋ฉีออกจากสำนักงานเทศมณฑล และกลับไปที่หมู่บ้านสกุลอู๋โดยรถม้า
แน่นอน ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น เขายังนำเจ้าหน้าที่เทศมณฑลอย่างอู๋หยงกลับมาด้วย
ประการแรก จำเป็นต้องมีใครสักคนเป็นตัวกลางระหว่างอู๋ฉีและสำนักงานเทศมณฑล ประการที่สองอู๋หยงมักถูกเรียกว่า "ซือตงจิน" โดยอู๋ฉี นอกจากนี้เขายังถือว่าตัวเองเป็นคนฉลาดและแสดงความตั้งใจที่จะเป็นที่ปรึกษาของอู๋ฉี
(智多星 ซือตงจิน แปลว่าดาวแห่งปัญญา เป็นฉายาของอู๋หยงหรือโงวหยง ผู้กล้าอันดับที่ 3 ของเขาเหลียงซานในเรื่องซ้องกั๋งหรือ108 ผู้กล้าเขาเหลียงซาน พระเอกเห็นคนนี้ชื่อเดียวกันเลยเรียกแบบตลกนะครับ)
แน่นอนว่า อู๋จี้ก็อยู่ข้างๆ เขาเช่นกัน
หลังจากมาถึง เขาได้มอบเมล็ดพริกไทยที่ได้รับรางวัลจากภารกิจก่อนหน้านี้ให้กับผู้ดูแล และขอให้เขาปลูกมัน
เรื่องนี้สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด!
เอาล่ะ…มาถึงการเตรียมพร้อมสำหรับสงครามที่จะมาถึงแล้ว
【ภารกิจจำกัดเวลา: เตรียมทหารเข้าสู่สงคราม
กองทัพโพกผ้าเหลืองจะโจมตีเร็วๆ นี้ โปรดเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับสงครามครั้งต่อไป
เป้าหมายภารกิจ: มีทหารที่มีคุณสมบัติหนึ่งพันคน
เกณฑ์คุณสมบัติ: มีอุปกรณ์ทางทหารขั้นพื้นฐานและผ่านการฝึกอบรมขั้นพื้นฐาน การเดินทัพ และการฝึกการต่อสู้
รางวัลภารกิจ: เหรียญห้างสรรพสินค้า +1,000 , ชื่อเสียง +1,000 ทักษะโปรยถั่วสร้างทหารจะได้รับการอัปเกรดเป็น Lv2 】
อู๋ฉี "โอ้! ในที่สุดฉันก็สามารถอัพเกรดทักษะโปรยถั่วสร้างทหารของฉันได้ซะที! ฉันเคยถามแกแล้วว่าจะอัพเกรดทักษะนี้ได้อย่างไร? แต่แกก็มักจะบอกว่าให้สำรวจด้วยตัวเองเสมอ"
【ถูกต้อง】
อู๋ฉีกลอกตา "...แกยังกล้าที่จะยอมรับมัน? ช่างแม่ง…ลืมไปซะ ฉันจะไม่เถียงกับแก ระบบ…แกช่วยแนะนำความแตกต่างระหว่างระดับหนึ่งและระดับสองให้หน่อย!"
【ทักษะโปรยถั่วสร้างทหาร Lv2: โฮสต์สามารถเรียกทหารที่แข็งแกร่งกว่าได้ด้วยการขว้างถั่ว】
อู๋ฉี “...แล้วไงต่อ?”
【มีแค่นี้】
อู๋ฉีสบถทันที “ไอ้เวร!”
ลืมไปซะ ข้าจะลองด้วยตัวเองเมื่อถึงเวลา!
อู๋ฉีจึงเริ่มรวบรวมคนจากหมู่บ้านเพื่อเตรียมฝึกฝนกองทัพ
ตอนนี้เขาได้รับทักษะเสริม "ทักษะฝึกอบรมทหารระดับ 1" จากระบบแล้ว และเขารู้วิธีฝึกทหาร ดังนั้นเขาจึงไม่ตาบอดและไม่สามารถทำอะไรได้
ดังนั้นการฝึกทหารจึงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับเขา
แต่มันก็มีความยากลำบากเช่นกัน…
มันคือทหารถั่วพวกนั้น
ตอนนี้อู๋ฉีมีทหารถั่วห้าร้อยคนอยู่ในมือ... ม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการทำเพิ่ม แต่ทหารถั่วมีข้อบกพร่อง
ฉู่เอี๋ยนเพียงอิจฉาทหารถั่วสำหรับความกล้าหาญและไม่กลัวตายของพวกเขาเท่านั้น แต่เขาไม่รู้ว่าทหารถั่วของอู๋ฉีซึ่งเป็นทหารกองหนุนรุ่นเยาว์เหล่านั้นช่างโง่เขลาขนาดไหน!
พวกเขาสามารถเข้าใจได้เฉพาะคำสั่ง 'ง่ายๆ' เท่านั้น เช่น โจมตี XX ไปทางซ้าย ถอย ฯลฯ พวกเขาไม่เข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อนกว่านี้เล็กน้อย ข้าต้องแยกคำสั่งที่ซับซ้อนนี้ออกเป็นคำสั่งง่ายๆ หลายคำสั่ง
ถ้ามีคนไม่กี่คนก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีคนมากกว่านี้ อู๋ฉีจะไม่สามารถสั่งการพวกเขาได้
วิธีแก้ปัญหาชั่วคราวคือมอบคำสั่งให้กับทหารสำรองอาวุโส โดยทหารสำรองอาวุโสแต่ละคนนำกลุ่มทหารกองหนุนรุ่นเยาว์ ซึ่งมันจะดีกว่ามาก
มันก็แค่ทหารสำรองอาวุโสเหล่านั้นที่ได้เปิดความฉลาดทางจิตวิญญาณของพวกเขา...
อู๋ฉีมีอยู่เพียง...เก้าสิบเก้าคนเท่านั้น
ใช่แล้ว เขาใช้ยาจิตวิญญาณทั้งหมดเก้าสิบเก้าเม็ดที่เป็นรางวัลวีไอพีจนหมด
เขาคิดว่าสิ่งนี้สามารถซื้อได้ทั่วไปในห้างสรรพสินค้า แน่นอนว่า เขาพบว่ามันมีอยู่แล้วในห้างสรรพสินค้า และราคาก็ไม่แพงจนเกินไป แต่ทว่า...
ไอคอนเป็นสีเทาและไม่มีการตอบสนองเมื่อข้าคลิก!
เขาถามเรื่องนี้กับระบบ และยังคงเป็นประโยคเดิม:
【โฮสต์ต้องสำรวจด้วยตัวเอง】
ดังนั้น หากเขาต้องการบรรลุจำนวนทหารที่มีคุณสมบัติครบหนึ่งพันนายที่จำเป็นสำหรับภารกิจ เขาจะต้องหาทหารทางจากช่องทางอื่น
มีผู้เช่าที่นาหลายพันคนในหมู่บ้านของอู๋ฉี และชาวบ้านอีกหลายคนที่ต้องพึ่งพาเขา คนเหล่านี้ฉลาดโดยธรรมชาติและสามารถเข้าสู่สนามรบได้ด้วยการฝึกฝนเพียงเล็กน้อย
ตอนที่อู๋ฉีกำลังจะเริ่มฝึกทหารนั้น...
【ติ๊ง! คะแนนสำหรับการแข่งขันโอ้อวดหรือโชว์ออฟได้ตัดสินแล้ว!
ต้องการตรวจสอบผลของกิจกรรมหรือไม่? 】