บทที่ 20 เตียวเอี๋ยน(จางหยาน)
บทที่ 20 เตียวเอี๋ยน(จางหยาน)
ไม่ไกลจากกำแพงเมืองฟางเฉิงพื้นที่ขนาดใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยสีเหลือง…นั่นคือศัตรู
เสื้อผ้าของพวกเขาขาดรุ่งริ่ง ซึ่งส่วนใหญ่บางมาก พวกเขาขาดสารอาหารอย่างเห็นได้ชัด กองทัพที่รุกคืบเข้ามาต่างกระจัดกระจายและไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย
สิ่งเดียวที่พวกเขามีเหมือนกันคือ…พวกเขาทุกคนสวมผ้าโพกผ้าสีเหลืองคลุมศีรษะ
นี่คือกองทัพโพกผ้าเหลือง!
ศัตรูถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกอยู่ใกล้กำแพงเมืองที่สุดแต่มีประมาณไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น ส่วนกลุ่มที่เหลืออยู่ไกลกว่าตรงปลายขอบฟ้าเป็นกลุ่มใหญ่
ในบรรดาศัตรูเหล่านี้ ธงขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยมีตัวอักษรตัวใหญ่ "褚(ฉู่)" เขียนอยู่
ชายคนหนึ่งที่สวมชุดเกราะคือผู้นำกองทัพ เขาสูงยาวแขนขาแข็งแรง ใบหน้าเหมือนลิงยักษ์ ถ้าเรามองแวบแรก…เขาคือคนที่ดุร้าย
อู๋ฉียืนอยู่ที่ด้านบนสุดของเมือง เขามองดูกองทหารศัตรูจากระยะไกลด้วยสีหน้าผิดหวัง "ทำไมข้าถึงคิดว่ามันจะเป็นแม่ทัพคนเก่งของโจรโพกผ้าเหลือไปได้นะ? แซ่ของโจรคือฉู่งั้นเหรอ อือ…ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน มันคงเป็นกุ้งตัวเล็ก เฮ้อ…ถึงข้าจะชนะ มันก็น่าเบื่อ!”
โดยไม่คาดคิด ผู้ที่มีสายตาเฉียบแหลมมองเห็นใบหน้าของผู้นำศัตรูได้ชัดเจนอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย…นั่นไม่ใช่ฉู่เฟยเอี๋ยนใช่ไหม!?”
“ฉู่เฟยเอี๋ยนจากหมู่บ้านเฮยเฟิง?”
“เพ่ย…ทำไมเขาถึงกลายเป็นโจรโพกผ้าเหลืองซะล่ะ?”
มีคนอธิบายว่า "ข้าได้ยินมาว่ากลุ่มโจรโพกผ้าเหลืองได้ดูดซับโจรท้องถิ่นจำนวนมาก ดังนั้นหมู่บ้านเฮยเฟิงจึงต้องถูกกลุ่มโจรดูดกลืน!"
“มารดามัน…หมู่บ้านเฮยเฟิงที่น่ารังเกียจ อู๋จวงจู๊ล้มเหลวในการฆ่าเขาครั้งที่แล้ว และปล่อยให้เขาหลบหนีรอดชีวิตไปได้ แต่วันนี้เขาใช้พลังของกลุ่มโจรเพื่อทำร้ายผู้คนในเมืองของเรา!”
【ติ๊ง! เนื้อหาของภารกิจจำกัดเวลาในการทำลายล้างหมู่บ้านเฮยเฟิงมีการเปลี่ยนแปลง เงื่อนไขเปลี่ยนแปลง โฮสต์ต้องเอาชนะฉู่เฟยเอี๋ยนของกองทัพโจรโพกผ้าเหลือง แต่รางวัลยังคงไม่เปลี่ยนแปลง! 】
อู๋ฉีฟังการสนทนาของพวกเขาแล้วเอามือจับคางครุ่นคิด...
“อือ…ผู้นำหมู่บ้านเฮยเฟิงชื่อฉู่เฟยเอี๋ยนงั้นเหรอ...เอ ทำไมมันฟังดูคุ้นๆ ล่ะ?”
เชี้ย!
อู๋ฉีรีบตะโกนใจว่า "ระบบ มีคนชื่อฉู่เฟยเอี๋ยนในสมัยสามก๊กหรือเปล่า?"
【ฉู่เฟยเอี๋ยน เดิมชื่อ…ฉู่เอี๋ยน ตามบันทึกของ "สามก๊ก" เขารวบรวมชายหนุ่มเพื่อจัดตั้งกลุ่มโจรและปล้นสะดมไปรอบๆ ภูเขา เนื่องจากกลุ่มโจรของเขามีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วมาก ดังนั้นฉายาของกองทัพเขาคือเฟยเอี๋ยน(นางแอ่นถลาลม) ต่อมาแซ่ของเขาถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเตียว(จาง) และผู้ติดตามของเขามีจำนวนมากถึงหนึ่งล้านคน เขาคือผู้นำของกองทัพเฮยซาน(ภูเขาทมิฬ) 】
อู๋ฉีตกตะลึงทันที "อะไรวะเนี่ย? นั่นคือเขาเอง! จอมโจรเฮยซาน เตียวเอี๋ยน(จางหยาน)!"
ให้ตายเถอะ…กลายเป็นว่า เขาต้องรับมือกับคนดังของสามก๊ก! "
ในกองทัพ…เตียวเอี๋ยน(จางหยาน) หรี่ตา และมองไปที่กำแพงเมือง แต่เนื่องจากมุมนี้ เขาจึงไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนนัก
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถามผู้ใต้บังคับบัญชาว่า "เจ้าสืบทราบชัดเจนหรือยัง? อู๋ครึ่งเมืองอยู่ในเขตอำเภอเฟิงเฉิงใช่ไหม?"
ผู้ใต้บังคับบัญชาตอบอย่างกระตือรือร้น: "ใช่แล้ว หัวหน้าใหญ่... อ่า ไม่ ไม่สิ…ผู้บัญชาการฉู่! ข้าน้อยได้ส่งสายสืบไปที่เมืองเพื่อตรวจสอบก่อนที่เราจะมาแล้วว่า อู๋ครึ่งเมือง นั้นเป็นผู้นำหมู่บ้านสกุลอู๋ ในอำเภอฟางเฉิง และตอนนี้เขาอยู่ในเทศมณฑล!”
เตียวเอี๋ยนพยักหน้ารับ "เยี่ยม…สถานการณ์การป้องกันในเมืองเป็นยังไงบ้าง?"
ผู้ใต้บังคับบัญชาตอบว่า “การป้องกันเมืองว่างเปล่ามาก ไม่เพียงแต่ไม่มีทหารเท่านั้น มีเพียงเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเท่านั้นที่คอยเฝ้าเมือง ยิ่งไปกว่านั้น ในเมืองไม่มีการเตรียมการป้องกันเลยแม้แต่น้อยแม้แต่สี่ชั่วยามที่แล้ว ผู้คนในเมืองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรากำลังมา!”
เตียวเอี๋ยนเป็นคนที่มีความสามารถมากจริงๆ…
ในประวัติศาสตร์ กบฏโพกผ้าเหลืองถูกโค่นล้มลงโดยราชสำนัก ผู้นำเตียวก๊ก(จางเจี่ยว) เสียชีวิต และแม่ทัพต่างๆ ก็พ่ายแพ้หรือถูกสังหารทีละคน อย่างไรก็ตาม เตียวเอี๋ยนยังคงสามารถยึดครองเทือกเขา ไท่หางและได้รับการยกย่องจากราชสำนักให้เป็น "ผิงหนานจงหลางเจี้ยน(ขุนพลสงบสันติ)" ซึ่งเพียงพอที่จะเป็นสักขีพยานในความสามารถของเขา
เมื่อโลกตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย และเหล่าผู้กล้ามารวมตัวกัน เขาก็ทำหน้าที่เป็นผู้กล้าเพื่อประลองกับพลังอันยิ่งใหญ่เช่น…อ้วนเสี้ยว(หยวนเซ่า)เช่นกัน
ทว่าสิ่งที่น่าเสียดายที่สุดคือ…เตียวเอี๋ยนสิ้นชีวิต!
หลังจากการตายของเตียวเอี๋ยน เขาได้รับตำแหน่ง"อันกั๋วถิงโหว" และทายาทของเขาจะได้รับตำแหน่งนี้สืบทอดต่อจากเตียวเอี๋ยนต่อไปอีกหลายรุ่น
(โหวถ้าเทียบกับไทยก็ประมาณเจ้าพระยานะครับ)
เมื่อก่อนนั้น โจรโพกผ้าเหลืองคนอื่นๆ เวลาโจมตีเมืองต่างๆ พวกเขาทั้งหมดจะอาศัยฝูงชนเพื่อเร่งรุดไปข้างหน้า และเอาชนะเจ้าหน้าที่หรือทหารด้วยจำนวนล้วนๆ โดยไม่มีกลยุทธ์ใดๆ เลยแม้แต่น้อย
แต่เตียวเอี๋ยนรู้วิธีส่งคนเข้าไปในเมืองล่วงหน้าเพื่อตรวจสอบ เพื่อจะได้รู้จักตัวเองและศัตรู มันเห็นได้ชัดว่าระดับของเขาสูงกว่าโจรผ้าโพกผ้าเหลืองกลุ่มอื่นๆ มาก!
ดังนั้น…คนประเภทนี้ไม่ควรประมาท!
ในตอนนี้ เตียวเอี๋ยนโบกมือทันที คนของเขาก็เข้าใจแล้วตะโกนไปทางเมืองว่า "ผู้คนในเมืองจงฟัง เปิดประตูเมืองทันทีและยอมจำนนซะ แล้วพวกข้าจะไว้ชีวิตของเจ้า ไม่เช่นนั้นเมื่อเมืองถูกทำลาย แม้แต่ไก่หรือสุนัข มันจะไม่มีเหลือ!"
ที่ด้านบนสุดของเมือง เฉิงเซี่ยนลิ่งกำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อตอบ แต่ยังไม่ทันที่เขากำลังจะก้าวออกไป "แย่แล้ว…เซี่ยนลิ่งกำลังตกอยู่ในอันตราย!"
“เซี่ยนลิ่งซึ่งมีปกครองเทศมณฑลจะเปิดเผยตัวเองในที่สาธารณะ และทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร?”
“รีบห้ามเร็วเข้า ข้าได้ยินมาว่าเซี่ยนลิ่งบางคนถูกพวกโจรยิงธนูใส่จนเสียชีวิต เพียงเพราะเขามาปรากฏตัวที่หน้าเมืองเพื่อตอบโต้พวกโจร!”
เมื่อได้ยินคนรอบข้างกล่าวออกมา เฉิงเซี่ยนลิ่งเริ่มรู้สึกหวาดกลัวในเวลานี้แล้ว "อา! นี่มัน..."
ตอนนี้เขาดูลังเลและกลัวตาย แต่เขาไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าเขามีภาพลักษณ์ "กลัวศัตรูจนหัวหด"
เมื่อเห็นฉากนี้ อู๋ฉีเข้ามาเพื่อช่วยเฉินเซี่ยนลิ่งจากสถานการณ์นี้ทันที "เซี่ยนลิ่ง! พวกมันเป็นแค่โจรกระจอกอันต่ำต้อย มันสมควรหรือไม่ที่ท่านจะตอบพวกมันด้วยตนเอง? พวกเขาไม่สมควรได้รับสิ่งนี้! ทำไมท่านไม่กลับเข้ามา แล้วให้ข้าออกไปแทนล่ะ?"
เมื่อได้ยินที่อู๋ฉีกล่าว มันทำให้เฉิงเซี่ยนลิ่งดีใจมาก "เอาล่ะ…ข้าจะทำตามอู๋จวงจู๊!"
【ติ๊ง! ภารกิจ 'ความอับอายของเฉิงเซี่ยนลิ่ง' เสร็จสิ้นแล้ว!
เหรียญห้างสรรพสินค้า +100 ความชื่นชอบของเฉิงเซี่ยนลิ่ง +10 มูลค่าผลงานทางการเมือง +50 และได้รับสิทธิ์จับรางวัลฟรี! 】
ฟังก์ชั่นลอตเตอรีมีอยู่ในระบบมานานแล้ว แต่อู๋ฉีไม่ค่อยได้ใช้…
มันต้องใช้ร้อยเหรียญห้างสรรพสินค้าต่อหนึ่งครั้ง และรางวัลจะเป็นแบบสุ่ม
ก่อนหน้านี้ อู๋ฉีเคยลองสองสามครั้ง ตามความรู้สึกส่วนตัวของเขา มีโอกาส 50% ที่จะ "ขอบคุณที่อุปถัมภ์" โอกาส 40% ที่จะเป็นสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันราคาถูก และโอกาสเพียง 10% เท่านั้นที่จะเป็นของดี
เฮ้อ…ข้าไม่ได้สูบบุหรี่มาตั้งนานแล้ว
【โฮสต์ต้องการจับรางวัลในตอนนี้หรือไม่? 】
อฺู๋ฉีตอบตกลงทันที “จับรางวัลได้!”
【เริ่มหมุนลอตเตอรี...
ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับรางวัลห่อขนม 'Crispy Beans'(ถั่วทอด)! 】
อู๋ฉี "...ฉันรู้อยู่แล้ว มันไม่มีอะไรดีเลย!"
แม่ง…ลืมมันไปซะ!
เขาเดินไปที่ช่องว่างในกำแพงเมืองและตะโกนกลับว่า "ฉู่เอี๋ยน เจ้ากล้ามาที่เมืองนี้เพื่อปล้นพวกข้างั้นเหรอ? เจ้าเหนื่อยที่จะใช้ชีวิตเป็นเต่าหัวหดอยู่ในหมู่บ้านเฮยเฟิงแล้วหรือไง?"
เมื่อได้ยินที่อู๋ฉีตะโกนด่า คนของเตียวเอี๋ยนโกรธมาก "สารเลว…เจ้ากล้าดียังไงมาด่าผู้บังคับบัญชาของพวกข้า!"
เตียวเอี๋ยนจับคนของเขาไว้และมองดูอู๋ฉีอย่างพิจารณา เขารู้สึกว่าคนผู้นี้ดูคุ้นเคย แต่เขาไม่ได้สนใจมัน เขาตะโกนกลับว่า "คำตอบของเจ้าคือไม่ยอมแพ้ใช่ไหม? "
อู๋ฉีด่ากลับทันที "ไอ้เวรเอ๊ย! เจ้าควรยอมจำนนต่อข้าตอนนี้ซะ แล้วข้าจะให้โอกาสเจ้า เจ้าควรยอมรับการยอมแพ้ มันจะช่วยเจ้าให้รอดพ้นจากความตาย!"
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เตียวเอี๋ยนไม่เพียงแต่ไม่โกรธเท่านั้น แต่เขายังหัวเราะออกมาอีกด้วย "ฮ่าฮ่าฮ่า…เจ้าช่างเป็นคนหยิ่งผยองยิ่งนัก! ดี เอาล่ะ..."
แสงอันชาญฉลาดแวบเข้ามาในดวงตาของเตียวเอี๋ยน และเขาก็ตะโกนว่า "ฟังนะ ชาวเมืองฟางเฉิง ข้าคือผู้บัญชาการฉู่ และตอนนี้ข้าจะให้ทางเลือกแก่พวกเจ้า ตราบใดที่อู๋ฉีผู้นำหมู่บ้านสกุลอู๋...และคนที่ตะโกนตอบข้าเมื้อกี้สองคนนี้ถูกส่งมอบมาให้ข้า ข้าจะถอนทหารทันที และจะไม่ทำอะไรเมืองนี้เลย!"
“อะไรนะ?” “เรื่องจริง?” “จริงหรือเท็จ?” มีการถกเถียงกันมากมายบนจุดสูงสุดของเมือง
คนของเตียวเอี๋ยนที่อยู่ด้านล่างของเมืองดูงุนงง "ผู้บัญชาการฉู่ เราจะทิ้งเมืองฟางเฉิงจริงๆ งั้นเหรอ? มันมีทั้งเงิน อาหารและสมบัติมากมายในเมืองนี้นะ!"
เตียวเอี๋ยนส่ายหัว เขายิ้มและกระซิบบอกว่า "ไม่ต้องห่วง ข้าต้องการเมืองฟางเฉิง! แน่นอน ข้าเองก็อยากได้หัวของอู๋ฉีด้วย!"
ผู้ใต้บังคับบัญชายังคงรู้สึกงงอยู่ดี "แล้วทำไมผู้บัญชาการฉู่ถึงพูดแบบนั้นล่ะ?"
เตียวเอี๋ยนอธิบายว่า "เจ้าคิดว่าเมืองฟางเฉิงแห่งนี้มีความแข็งแกร่งในการต่อต้านหรือไม่?"
ผู้ใต้บังคับบัญชาตอบว่า "เจ้าหน้าที่สุนัขเหล่านั้นไม่มีอะไรที่ต้องกลัว สิ่งที่น่ากลัวคือทหารถั่วของอู๋จวงจุู๊...อา ใช่แล้ว ผู้บัญชาการฉู่ ข้าเข้าใจแล้ว!"
เตียวเอี๋ยนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ แล้วกล่าวว่า "ถูกต้องแล้ว! คนเดียวของเมืองฟางเฉิงที่สามารถต่อสู้ได้คือทหารถั่วของหมู่บ้านสกุลอู๋ ข้าทำสิ่งนี้เพื่อกระตุ้นความขัดแย้งภายในเมืองฟางเฉิง แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำตามข้อเสนอ แต่มันก็จะสร้างความร้าวฉานภายใน หลังจากด้านในแตกแยกกันแล้ว พวกเราก็จะเข้ายึดเมืองได้อย่างง่ายดาย!”
ผู้ใต้บังคับบัญชาต่างชื่นชมเขา "เยี่ยม! ผู้บัญชาการฉู่ฉลาดมาก!"
เตียวเอี๋ยนมองไปที่เมืองอีกครั้งและคิดกับตัวเองว่า: อู๋ฉี! ข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างสาสม ตอบแทนที่เจ้าเผาหมู่บ้านของข้า!
ในขณะที่พวกเขากำลังรอให้เมืองตอบกลับ มีบางสิ่งที่เหนือความคาดหมายของพวกเขาเกิดขึ้น!
ประตูเมืองอำเภอฟางเฉิง...
เปิดออกแล้ว!
จากข้างใน มีชายหนุ่มเดินออกมา เขาสูงประมาณแปดเซี๊ย(184 cm) ไหล่กว้างและแขนยาว เขาสวมชุดผ้าไหมสีขาวขลิบทอง เขาดูหล่อเหลาและพิเศษอย่างยิ่ง
มีผู้ติดตามสองคนยืนอยู่ข้างหลังเขา แต่ทั้งสองไม่ได้เตรียมที่จะต่อสู้ พวกเขาแค่ถือดาบที่ดูหนักมากเท่านั้น
เตียวเอี๋ยนได้ยินชายหนุ่มหล่อเหลาผู้นี้พูดด้วยรอยยิ้มว่า "ฉู่เอี๊ยน เจ้ากล้าประลองตัวต่อตัวกับข้าไหม?"