ตอนที่แล้วบทที่ 17  ได้รับฉายา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 19 เจ๋ยเฉาอู๋ฉี

บทที่ 18 โจรโพกผ้าเหลือง


บทที่ 18 โจรโพกผ้าเหลือง

อู๋ฉีไม่ค่อยได้เข้าไปในเมือง ปกติแล้วเขาจะพักอยู่ในคฤหาสน์ชนบทซึ่งห่างไกลจากเมืองในเทศมณฑลมาก

ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีเงินซื้อบ้านในเทศมณฑล แต่มันเพราะ...

บ้าน…

มันจะดีสักแค่ไหนหากได้อยู่บ้านของตนเอง หาเลี้ยงตนเอง มีอาหาร มีเครื่องดื่ม และมีเมียได้!

นอกจากนี้ ผู้คนที่อยู่ใกล้หมู่บ้านตระกูลอู๋ พวกเขายังเป็นผู้เช่าของอู๋ฉีหรือชาวบ้านที่ต้องพึ่งพาอู๋ฉีและพวกเขาก็ปฏิบัติต่ออู๋ฉีด้วยความเคารพ

เมื่ออู๋ฉีอยู่ที่นี่แล้ว เขารู้สึกเหมือนเป็นจักรพรรดิท้องถิ่น และเขารู้สึกดีมาก!

แผนการของอู๋ฉีในการไปที่สำนักงานปกครองประจำเทศมณฑลในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เพื่อดูว่าเฉิงเซี่ยนลิ่ง(นายอำเภอเฉิง) ต้องการทำอะไร แต่เขายังไปหาผลประโยชน์บางอย่างอีกด้วย...

อู๋ฉีตัดสินใจที่จะทำลายหมู่บ้านเฮยเฟิง(สายลมทมิฬ) การปราบโจรถือเป็นส่วนช่วยในการรักษาความมั่นคงในท้องถิ่น แน่นอนว่าต้องแสดงให้สำนักงานปกครองประจำเทศมณฑลมองเห็น คุณไม่สามารถทำมันได้โดยเปล่าประโยชน์!

ในตอนนี้ รถม้ากำลังขับอยู่บนถนน ในตอนแรกไม่มีอะไร ทว่าเมื่อเข้าใกล้เมืองมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนก็เริ่มพูดคุยกันทั้งสองข้างถนนมากขึ้นเรื่อยๆ

“ดูสิ นั่นอู๋ครึ่งเมืองนี่!”

“ใช่แล้ว ข้าจำรถม้าของเขาได้!”

“พี่น้อง ข้ามาจากนอกเมือง ทำไมเจ้าถึงเรียกเขาว่าอู๋กครึ่งเมือง...อา อย่างนั้นเหรอ? เขารวยมาก!”

“ว่ากันว่าอู๋ครึ่งเมือง…อู๋ฉี เขามาจากตระกูลอู๋เมืองหยางโจว เขามาที่สถานที่ของเราเพื่อเริ่มต้นการค้าเพียงลำพัง และเขาสามารถสร้างการค้าขนาดใหญ่ได้ด้วยมือของเขาเอง!”

“ใครๆ ก็ชื่นชมเขา!”

“ถูกต้อง! อู๋ครึ่งเมืองของมณฑลของเรา แม้แต่ซื่อฉือ(ผู้ตรวจการมณฑล) และไท่โจว(ผู้ว่าการเทศมณฑล) ต่างก็ให้ความเคารพอยู่สามส่วน!”

ที่ประตูเข้าเมือง ทหารรักษาเมืองที่ยืนเฝ้าทุกคน พวกเขาจำคนขับรถม้าของอู๋ฉีได้ ทุกคนพยักหน้าและโค้งคำนับแล้วปล่อยเขาผ่านไป

เมื่อเขาเข้ามาในเมือง ผู้คนมากมายมารวมตัวกันรอบๆ รถม้าของอู๋ฉี...

“อู๋ครึ่งเมือง!”

“อู๋ครึ่งเมือง!”

“อู๋ครึ่งเมือง!”

แฟนๆ อู๋ฉีที่คลั่งไคล้นับไม่ถ้วนต่างวิ่งเข้ามา หากคนขับไม่มีประสบการณ์มากและพยายามขับไล่พวกเขาออกไป เหล่าแฟนๆ คงปิดถนนไปแล้ว!

“รีบขับไป!” คนขับเร่งความเร็วขึ้นและขับออกไปจากที่นี่ด้วยความเร็วสูง เหลือเพียงฝุ่นผงทิ้งไว้เบื้องหลัง

แฟนๆ เหล่านี้ยังตื่นเต้นกันมาก หากมองใกล้ๆ มันจะต้องแปลกใจที่พบว่าแฟนๆ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้หญิง!

เด็กสาวและแม่ม่ายข้างทางต่างมองดูอู๋ฉี... เหมือนหมาป่าที่มองเหยื่อ!

“อู๋ครึ่งเมืองช่างหล่อมากจริงๆ!”

“ถ้าข้าสามารถแต่งงานกับเขาได้…”

“อีบ้า! เจ้าอย่าฝัน ที่รักของข้าไม่มองเจ้าอยู่แล้ว!”

“อีร่านไร้ยางอาย เจ้ากล้าดียังไงมาเรียกสามีข้าแบบนั้น!”

“เจ้าสิร่าน เจ้ากล้าดียังไงมาขโมยผู้ชายไปจากข้า!”

อู๋ฉีลดม่านรถลงอย่างรวดเร็วและจับหน้าผากของเขา  "โอ้…การมีชื่อเสียงมากเกินไปก็มีปัญหาเช่นนี้ด้วย! นี่คือสาเหตุที่ข้าไม่ชอบมาที่เมือง"

อีกสาเหตุหนึ่งที่เขาไม่ชอบมาในตัวเมืองก็คือ…พื้นดินในเมืองมีถนนลูกรังปกคลุม ในตอนกลางวัน มีคนเดินถนนและม้าจำนวนมาก มันมีควันและฝุ่นเต็มไปหมด เมื่อผู้มีอำนาจเดินทางก็จะส่งคนข้างหน้าขับไล่ฝูงชนและพรมน้ำบนถนนหน้ารถม้าเพื่อหลีกเลี่ยงฝุ่น

หมู่บ้านตระกูลอู๋ของอู๋ฉีไม่มีปัญหานี้ ประการแรก มีผู้คนเพียงไม่กี่คน และประการที่สอง เขาใช้เงินเพื่อปูถนนหินในหมู่บ้านตั้งแต่ทางเข้า แม้แต่บนถนนใกล้เคียงบางสายที่ไม่ใช่ของเขา อู๋ฉีก็ยังสร้างถนนให้กับหมู่บ้านด้วยค่าใช้จ่ายของเขาเอง

ไม่เพียงแต่เพื่อหลีกเลี่ยงฝุ่นเท่านั้น แต่มันยังช่วยปรับปรุงสภาพถนนเป็นโคลนหลังฝนตกอีกด้วย การเคลื่อนไหวนี้ทำให้ชาวบ้านรู้สึกขอบคุณและยกย่องอู๋ฉีเป็นผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่

น่าเสียดายที่คนอื่นเรียกเขาว่าอู๋ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ระบบสุนัขไม่นับเขาชื่อนี้เป็นฉายา

อู๋ฉีคุยกับระบบว่า "เคยมีชาวบ้านที่ยากจนและบิดาของพวกเขาป่วยหนักและไม่มีเงินรักษาพยาบาล ฉันรักษาโรคและให้เงินเขา ชาวบ้านเรียกฉันว่า 'อู๋ใจบุญ' แกบอกว่านี่ไม่ใช่ฉายาที่ระบบมี สมัยนั้นฉันชักนำผู้คนให้ติดตาม  แถมฉันเคยยกหอคอยหินด้วยมือข้างหนึ่งได้ แล้วชาวบ้านเรียกฉันว่า 'ราชาแห่งเจดีย์' แต่แกก็บอกว่าในระบบไม่มีฉายานี้ มาตรฐานของฉายาระบบของแกคืออะไร?”

(ราชาแห่งเจดีย์ คือแม่ทัพหลี่จิ้งนะครับ ที่เป็นพ่อของนาจา มีเจดีย์เป็นอาวุธถือในมือไว้ข้างหนึ่ง)

【'ผู้ยิ่งใหญ่', 'ผู้ใจบุญ' และ 'ราชาแห่งเจดีย์' ล้วนเป็นฉายาที่มอบให้โดยระบบระดับต่ำ โบนัสคุณสมบัติมันต่ำเกินไป ดังนั้นมันจึงไม่รวมอยู่ในระบบกองทัพถั่ว]

อู๋ฉี  “โอเค๊!! แล้วแต่แกเลย”

เมื่ออู๋ฉีไปถึงสำนักงานก็มีคนมารอต้อนรับแล้ว หนึ่งในนั้นคือชายที่มีท่าทางน่ากลัว เขาเข้ามาหาอู๋ฉีแล้วพูดด้วยรอยยิ้มประจบประแจงว่า "อู๋จวงจู๊ มันนานมากแล้วที่ไม่ได้พบกัน! ชื่อของอู๋ครึ่งเมืองได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองแล้ว!”

อู๋ฉีพยักหน้าเล็กน้อย  "อู๋หยง เจ้ารู้ไหมว่าทำไมเซี่ยนลิ่งจึงตามหาข้าในครั้งนี้"

ถูกต้อง ชายคนนี้ชื่ออู๋หยง เขาเป็นเสมียนในสำนักงานนี้ เนื่องจากเขามีแซ่เดียวกับอู๋ฉี และอู๋ฉีมักจะเรียกเขาว่าซือตงจินอย่างติดตลก อู๋หยงจึงสนิทกับอู๋ฉีมาก

(智多星 ซือตงจิน แปลว่าดาวแห่งปัญญา เป็นฉายาของอู๋หยงหรือโงวหยง ผู้กล้าอันดับที่ 3 ของเขาเหลียงซานในเรื่องซ้องกั๋งหรือ108 ผู้กล้าเขาเหลียงซาน พระเอกเห็นคนนี้ชื่อเดียวกันเลยเรียกแบบตลกนะครับ)

แน่นอนว่าเป็นอู๋หยงที่ประจบประแจงอู๋ฉีเพียงฝ่ายเดียว

  

ท้ายที่สุดแล้ว ในสมัยโบราณผู้ที่มีอำนาจในท้องถิ่นไม่จำเป็นต้องเป็นเซี่ยนลิ่งเท่านั้น แต่ตระกูลร่ำรวยในชนบท มักจะกลายเป็นผู้มีอำนาจได้เช่นกัน

หากเจ้าหน้าที่ประจำเทศมณฑลมีภูมิหลังทางตระกูลที่เข้มแข็ง มันสามารถทำให้เขาไม่จำเป็นต้องไว้หน้าตระกูลร่ำรวยเลย

แต่เมื่อภูมิหลังของเจ้าหน้าที่เทศมณฑลอยู่ในระดับปานกลางถึงล่าง คุณจะสามารถดูการแสดงออกของอู๋ฉีได้

ใช่แล้ว ในตอนนี้อู๋ฉีเย่อหยิ่งมาก

เฉิงเซี่ยนลิ่งเกิดที่เมืองซูโจว(เผิงเฉิง) แม้ว่าตระกูลเฉิงจะมีอิทธิพลอย่างมากในพื้นที่ท้องถิ่น แต่ก็ไม่สามารถมีอิทธิพลต่อมณฑลโยวโจว(อิวจิ๋ว)ทางตอนเหนือได้ เมื่อมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในเทศมณฑล เฉิงเซี่ยนลิ่งมักจะปรึกษากับผู้มีอำนาจอยู่เสมอ

อู๋หยงมองไปรอบๆ และลดเสียงของเขาลง "ข้าจะบอกท่านล่วงหน้า มันเกี่ยวกับ...โจรโพกผ้าเหลือง! "

“อะไรนะ!” อู๋ฉีตกใจ

กบฏโพกผ้าเหลืองงั้นเหรอ?

นี่คือจุดเริ่มต้นใช่ไหม?

เมื่อมองย้อนกลับไปตอนแรกที่อู๋ฉีได้ระบบมา เนื่องจากเตงเมายังคงเป็นโจรตัวน้อยที่ "จัดการได้ง่ายมาก" เมื่อครึ่งปีที่แล้ว มันจึงต้องใช้เวลาหลายเดือนก่อนที่กบฏโพกผ้าเหลืองเหลืองจะปะทุขึ้น

นอกจากนี้เขายังอาศัยอยู่ในชนบทห่างไกล นอกเหนือจากความรู้สึกว่ามีผู้ลี้ภัยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เขายังไม่เห็นความผิดปกติอื่นๆ อีกเลย อู๋ฉีถือว่า "เอ๋อเซ่ย(ผีเสื้อกลางคืน)" ของผู้ลี้ภัยเป็นเพียงเรื่องธรรมดาของโจรรากหญ้า

(蛾贼 ผีเสื้อกลางคืน หมายถึงชื่อที่ดูถูกเหยียดหยามของกลุ่มกบฏชาวนาในยุคศักดินา)

แต่เขาไม่รู้ว่าเอ๋อเซ่ย(ผีเสื้อกลางคืน) เป็นอีกชื่อหนึ่งของโจรโพกผ้าเหลือง!

“ชู่…เงียบ——” อู๋หยงกล่าวอย่างรวดเร็ว “เรื่องนี้ไม่ควรเปิดเผยต่อสาธารณะ มันจะทำให้เกิดความตื่นตระหนกในมณฑล!”

อู๋ฉีพยักหน้าเพื่อแสดงความเข้าใจ

ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีข่าวลือว่าชนเผ่าเซียนเป่ยได้ข้ามกำแพงเมืองจีน แล้วบุกเข้ามาภายในเป็นวงกว้าง และกำลังจะไปถึงเมืองฟางเจิ้งแล้ว

เป็นผลให้ตระกูลใหญ่ทั้งหมดในเมืองฟางเจิ้งหวาดกลัวและหลบหนีไป  แน่นอนว่า ผู้คนย่อมไม่มีความตั้งใจที่จะทำการเกษตร ดังนั้นพวกเขาจึงอพยพครอบครัวและหนีลงมาทางใต้เพื่อหลบหนี

อู๋ฉีใช้ประโยชน์จากความจริงที่ว่าเขามีทหารถั่วและเขาไม่กลัวเลย เขานั่งอยู่ในหมู่บ้านตระกูลอู๋และใช้ชีวิตเหมือนสุนัขเฒ่า

แน่นอน เขายังใช้โอกาสในการซื้อที่ดินจำนวนมาก…

แต่เรื่องนี้ปรากฏทีหลังว่า มันคือเรื่องโกหก จริงๆ แล้วมันเป็นกลุ่มโจรจากเทือกเขาไท่หานที่แกล้งทำเป็นชนเผ่าเซียนเป่ยต่างหาก

อย่างไรก็ตาม เรื่องตลกนี้มีผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริงต่อเมือง และหลายครอบครัวก็ถูกทำลาย ทำให้ผู้คนจำนวนมากหันไปเป็นโจรโพกผ้าเหลืองเป็นจำนวนมาก

หลังจากนั้นอู๋ฉี ซึ่งนำโดยอู๋หยง ทั้งสองได้เข้าไปในสำนักงานปกครอง ซึ่งมีทั้งปราชญ์และชนชั้นสูงในชนบทจำนวนมากมารวมตัวกันที่นี่แล้ว พวกเขาทักทายกันทีละคนและพูดคำสุภาพที่เสแสร้งออกมา

หลังจากนั้นเซี่ยนลิ่ง(นายอำเภอ) เซี่ยนเฉิง (ปลัดอำเภอ)และเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ก็มาถึง และประกาศข่าวล่าสุดที่มีประสิทธิภาพจากราชสำนักจักรพรรดิทันที

พูดง่ายๆ ก็คือ การจลาจลโพกผ้าเหลืองเกิดขึ้นแล้ว และผู้บัญชาการภายใต้พี่น้องเตียวก๊ก(จางเจียว) ตอนนี้ทั้งสามคนกำลังโจมตีเขตการปกครองและเทศมณฑลทั่วประเทศ ราชสำนักจักรพรรดิสั่งให้ทุกท้องถิ่นปกป้องและปัดเป่ากลุ่มโจรโพกผ้าเหลืองอย่างแข็งขัน

สำหรับกลยุทธ์การต่อต้าน หลังจากที่ทุกคนในปัจจุบันพูดคุยกัน มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่ตระกูลร่ำรวยต้องจัดหาเงิน อาหารและให้ความช่วยเหลือ

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเก่าๆ เหตุผลหลักที่ทำให้ตระกูลร่ำรวยมีสถานะสูงเช่นนี้ก็คือ เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นในเทศมณฑล ตระกูลร่ำรวยคือผู้ที่มีส่วนร่วมมากที่สุด ไม่ใช่สำนักงานเทศมณฑล

สำนักงานเทศมณฑลไม่มีเงิน...มันถูกหนอนข้างในขโมยไป ที่สำคัญคือ…พวกเขาไม่มีทหาร!

ใช่แล้ว…ในสมัยโบราณไม่มีทหารอยู่ในเทศมณฑลนั่นเอง

ไม่ว่าจะเป็นการปกป้องเมือง ลาดตระเวนตามท้องถนน จับกุมอาชญากร หรือรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อย ล้วนเป็นหน้าที่ของสำนักงานเทศมณฑล

เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเทศมณฑลเหล่านี้ไม่มีทั้งชุดเกราะและอาวุธ ส่วนมากจะมีดาบรูปวงแหวนซึ่งสามารถใช้เพื่อจัดการกับโจรตัวน้อยที่ไร้ความสามารถได้ ตราบใดที่เป็นโจรพร้อมกองกำลัง พวกเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่สำนักงานเทศมณฑลจะจัดการได้

โดยธรรมชาติแล้ว อู๋ฉีไม่ได้คัดค้านผลการสนทนาของพวกเขาและไม่มีความตั้งใจที่จะพูด อย่างไรก็ตาม พวกเขาริเริ่มที่จะถามอู๋ฉีว่า

“อู๋จวงจู๊ ข้าได้ยินมาว่า หมู่บ้านของท่านมีทหารสามพันคนที่กล้าหาญและเก่งในการต่อสู้ ข้าสงสัยว่าพวกเขาจะต้านทานโจรโพกผ้าเหลืองได้หรือไม่?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด