บทที่ 15 ไก่ต้มเผือก
บทที่ 15 ไก่ต้มเผือก
เมื่อทั้งสองออกมา เล่าหงก็ตระหนักว่าอู๋ฉีมีความคิดที่ไม่ดี เขาจึงรีบกล่าว่า เพราะพื้นมันลื่น เขาจึงผลัก เตียวเหยียงจนล้มลง
เอิ่ม…นั่นแหละคือสิ่งที่พวกเขาอธิบาย
ในตอนนี้นี้ คนรับใช้เข้ามาและบอกอู๋ฉีว่า "นายท่าน อาหารกลางวันพร้อมแล้ว"
อู๋ฉีเชิญเล่าหงอย่างอบอุ่นเพื่อมาทานอาหารกลางวันกับเขา
ในสมัยโบราณ คนร่ำรวยจะแบ่งปันอาหารกัน ซึ่งหมายความว่าทุกคนจะมีส่วนแบ่งอาหารเป็นของตัวเอง ทว่าระบบการรับประทานอาหารร่วมกันสมัยใหม่ที่ทุกคนกินกันโดยมีกับข้างอยู่ตรงกลาง โดยทั่วไปสงวนไว้สำหรับคนยากจนในสมัยโบราณ
เมื่อทุกคนมาถึงโต๊ะอาหาร พวกเขาก็นั่งคุยกันและคนรับใช้ก็เริ่มเสิร์ฟอาหาร อู๋ฉีจึงแนะนำเมนูต่างๆต่อเล่าหง "พี่ฝหญ่…วันนี้ท่านมาถูกเวลาแล้ว เพราะอาหารจานหลักของวันนี้คือหม้อไฟไก่ต้มเผือก(อวี้เอ่อจี) ที่ข้าชอบกิน ท่านต้องลอง!”
เล่าหงย่อมเห็นด้วยตามธรรมชาติ แต่เตียวเหยียงซึ่งตอนนี้เป็นคนรับใช้ทำได้แค่ยืนรอ และย่อมไม่กินข้าวร่วมกับเล่าหง
เตียวเหยียงเหลือบมองหม้อไฟและรู้สึกค่อนข้างเหยียดหยาม:เฮอะ! ข้าคิดว่ามันเป็นอาหารอันโอชมาจากไหนซะอีก?
ในสมัยก่อน หม้อไฟถูกเรียกว่า "กู่ต่งเกิง(ซุปโบราณ)" โดยได้ชื่อมาจากเสียง "ต่ง" ที่เกิดขึ้นเมื่อใส่อาหารลงในน้ำเดือด เป็นรูปแบบการปรุงอาหารที่เกิดขึ้นมานานมากและไม่ทราบวันที่ปรากฏเร็วที่สุด แต่มีการค้นพบอุปกรณ์หม้อไฟจากสมัยราชวงศ์ฮั่นแล้ว
อาหารนี้จึงไม่ใช่ของแปลก…
และหัวเผือกหรือที่รู้จักกันในชื่อมันเผือกนั้น เตียวเหยียงดูถูกเหยียดหยามยิ่งกว่าในสายตาของเขา
เนื่องจากสภาพการเจริญเติบโตของพืชชนิดนี้ไม่สูงเท่ากับพืชหลักเช่นข้าวสาลีและลูกเดือย มันจึงไม่จำเป็นต้องปลูกในพื้นที่เกษตรกรรมที่อุดมสมบูรณ์ โดยปกติแล้ว มันจะปลูกเฉพาะในพื้นที่ภูเขาและแห้งแล้งเท่านั้น และรสชาติยังด้อยกว่าข้าวสาลีและลูกเดือยอยู่มาก ดังนั้นมันจึงเป็น 'อาหารของคนจน' โดยทั่วไปในสมัยโบราณ
ดังนั้นในความเห็นของเตียวเหยียง อู๋ฉีจึงเป็นชาวบ้านที่แท้จริง และสิ่งที่เขาชอบกินมากที่สุดก็คืออาหารคุณภาพต่ำประเภทนี้
เมื่อเห็นว่าเล่าหงจ้องมองไก่เผือกแต่ไม่ขยับตะเกียบ เขาก็โน้มตัวไปชักชวนด้วยเสียงแผ่วเบาว่า "ฝ่าบาท อาหารในชนบทที่ห่างไกลเช่นนี้...คงไม่ถูกใจพระองค์ แต่ฝ่าบาทเพิ่งหายจากอาการป่วย ดังนั้นควรกินให้มากเข้าไว้"
แต่เมื่อเตียวเหยียงเอนตัวลงมากระซิบ...
“หืม?”
เตียวเหยียงรู้สึกตกตะลึง "จริงๆ แล้ว มัน...มันมีกลิ่นหอมมาก!"
ใช่แล้ว หม้อไฟไก่ต้มเผือกมีกลิ่นที่หอมเย้ายวนใจอย่างมาก!
เตียวเหยียงได้สัมผัสกับอาหารเลิศรสหลายประเภทในพระราชวัง และเนื่องจากมีช่วงที่ต้องชิมอาหาร เขาจึงได้ชิมอาหารทั้งหมดด้วย
แต่ไม่เคยมีอาหารจานใดมีกลิ่นหอมเท่ากับหม้อไฟที่อยู่ตรงหน้าข้าเลย!
【คะแนนกิจกรรม +1,000】
เมื่อได้ยินที่เตียวเหยียงบอก เล่าหงจึงพยักหน้า แต่เขายังคงจ้องมองหม้อไฟไก่ต้มเผือกอยู่
เมื่อเห็นฉากนี้ เตียวเหยียงตระหนักได้ทันทีว่า ที่เล่าหงไม่ได้ใช้ตะเกียบของเขา ไม่ใช่เพราะเขาไม่ชอบ แต่มันเป็นเพราะเขาสนใจมันมากต่างหาก!
ดวงตาคู่นั้นแน่วแน่มาก!
อู๋ฉีมองดูแล้วก็รู้สึกภูมิใจมาก: หม้อไฟแบ่งออกเป็นสองภูมิถาคในยุคปัจจุบัน: มีทางเหนือและทางใต้ หม้อไฟทางเหนือส่วนใหญ่เป็นซุปใส อาหารจานหลักคือเนื้อวัวและเนื้อแกะชิ้น ส่วนรสชาติขึ้นอยู่กับน้ำจิ้มเป็นหลัก
และหม้อไฟที่อู๋ฉีนำมาเป็นหม้อไฟทางใต้ประเภทหนึ่ง หม้อไฟทางใต้มีส่วนผสมที่เข้มข้นและหลากหลายและให้ความสำคัญกับน้ำซุปในหม้อมากกว่าน้ำซุปในหม้อมักจะผสมเครื่องเทศและเครื่องปรุงรสต่างๆ อย่างระมัดระวัง ส่วนผสมต่างๆ ได้รับการปรุงแต่งแล้วใส่ลงในหม้อที่เดือดพล่าน ทำให้มันมีกลิ่นหอมอย่างมากโชยออกมา
อู๋ฉียิ้มและเชิญชวนว่า "ท่านอย่ามัวแต่มอง รีบกินมันเข้าไปเถอะ!"
ขณะที่พูด เขาก็หยิบเผือกชิ้นหนึ่งยัดเข้าปาก ขณะเดียวกัน เขาก็หลับตาแสดงสีหน้ามึนเมา: "มันอร่อยมาก! ไม่ว่ากินกี่ครั้งก็รสชาติดีเช่นเดิม!"
หลังจากถูกกระตุ้นแล้ว เล่าหงก็รีบหยิบเผือกขึ้นมาหนึ่งชิ้น...
“อือ…มีรสหวานและรสชาติของไก่ก็แทรกซึม ข้าไม่คิดว่าเผือกมันจะอร่อยได้ขนาดนี้!”เล่าหงก็ทำตามตัวอย่างของอู๋ฉี และหลับตาลงเพื่อรู้สึกถึงเผือกที่กำลังละลายอยู่ในปากของเขา.
【คะแนนกิจกรรม +5,000】
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...” อู๋ฉีหัวเราะออกมา “ข้าพูดถูกใช่ไหม? ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านต้องชอบ มา มา ท่านลองไก่ในนั้นดูสิ!”
เล่าหงทำตามคำพูดของอู๋ฉีและกินไก่ไปชิ้นหนึ่ง อือ…เนื้อไก่ช่างนุ่มและละมุน ซึ่งกระตุ้นความอยากอาหารของเล่าหงมากจริงๆ หลังจากนั้นเขากินไก่ต้มเผือกไปครึ่งหม้อในระยะเวลาอันสั้น!
เมื่อเห้นสิ่งนี้ เตียวเหยียงรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น…
ในอดีต ตอนที่เล่าหงอยู่ในวัง เขากินอาหารทุกประเภทอย่างสบายๆ เขามักจะหยุดกินอาหารครึ่งหนึ่งและไปเล่นในศาลา มันทำให้เตียวเหยียงรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยชอบรับประทานอาหาร
ข้าไม่ได้คาดหวังว่าวันนี้ ในสถานที่ห่างไกลในชนบทที่ยากจนแห่งนี้ ข้าจะโชคดีที่ได้เห็นด้านที่ 'ตะกละ' ของจักรพรรดอ!
โอ้สวรรค์า!
ทันใดนั้น อู๋ฉีก็ตระโกนว่า "อู๋เฉิงเกิน! อู๋เฉิงเกินมานี่สิ!"
คนรับใช้ที่ดูเหมือนลิงวิ่งเข้ามาแล้วพูดว่า "ขอรับนายท่าน ผู้น้อยอู๋เฉิงเกิน อยู่ที่นี่แล้ว! อิอิอิ!"
อู๋เฉิงเกินคือพ่อครัวของที่นี่ เขารู้สึกขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของอู๋ฉีที่รับเขาเข้ามา ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น อู๋เฉิงเกิน
อู๋ฉีไม่ได้ตั้งใจจะล้อเล่นกับอู๋เฉิงเกิน และพูดกับเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ "ทำไมวันนี้รสชาติเพี้ยนไป เจ้าไม่ได้ใสพริกลงไปใช่ไหม"
อู๋เฉิงเกินมองดูและเห็นว่าสีแดงหายไปจากหม้อจริงๆ เขาจึงรีบขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่า
หลังจากนั้นเขาได้รับแจ้งทันทีว่าพริกในครัวหมด
พริกไม่มีจำหน่ายในจีน มันมีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกา และไม่ได้รับการแนะนำให้รู้จักในจีนจนกระทั่งสิ้นราชวงศ์หมิง ดังนั้นแม้ว่าอู๋ฉีจะมีเงิน แต่เขาก็ไม่สามารถหาซื้อมันได้
แต่ทว่า……
เขามีระบบ!
ระบบมอบผลิตภัณฑ์พริกบางอย่างให้เขา เช่น ซอสพริกและผงพริกเป็นของขวัญในระหว่างการเช็คอินครั้งก่อน
แน่นอนสำหรับผู้ที่ชอบอาหารรสเผ็ด นี่คือความจำเป็นที่เร่งด่วนมาก
อู๋ฉี "ไอ้ระบบสุนัข แกให้เมล็ดพริกไทยให้ฉันไม่ได้เหรอ? แค่ให้พริกที่ทำสำเร็จแล้ว แกมันตระหนี่เกินไป!"
【ติ๊ง! ภารกิจจำกัดเวลา: ทำลายหมู่บ้านเฮยเฟิง(สายลมทมิฬ)
หมู่บ้านเฮยเฟิง(สายลมทมิฬ) อยู่ห่างจากโฮสต์ 50 ลี้ พวกเขาคือกองกำลังโจรที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณใกล้เคียง การกำจัดพวกเขาสามารถปรับปรุงระดับความปลอดภัยของพื้นที่ได้เป็นอย่างมากและได้รับความเคารพจากทั้งตัวเมือง
รางวัลภารกิจ: ถุงเมล็ดพริกไทย เหรียญห้างสรรพสินค้า +100 ค่าชื่อเสียง +5,000 เจินปิ่ง(เค้กทองคำ)สามพันชิ้น มูลค่าผลงานทางการเมือง +100 (มูลค่าผลงานทางการเมืองสามารถแลกเปลี่ยนเป็นตำแหน่งอย่างเป็นทางการได้หากถึงมูลค่าที่กำหนด)
โฮสต์จะยอมรับภารกิจหรือไม่? 】
อู๋ฉี "เดี๋ยว...เดี๋ยว ขอฉันคิดดูก่อน!"
อู๋ฉีปวดหัวทันทีที่เขาได้ยินชื่อเฮยเฟิง
พวกโจรมันเจ้าเลห์มาก!
ก่อนหน้านี้ เขานำกลุ่มทหารถั่วออกไปด้วยท่าทางที่แข็งแกร่ง แต่เขาประเมินศัตรูของเขาต่ำไป หลังจากเผชิญหน้ากับการซุ่มโจมตีและกับดักต่างๆ ระหว่างทาง แถมยังต้องทนทุกข์ทรมานกับความสูญเสียมากมาย ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงหมู่บ้านโจร แต่กลับพบว่าหมู่บ้านนั้นถูกทิ้งร้างไปนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เส้นผมแม้แต่เส้นเดียว... โอ้ ไม่สิ มันยังคงมีเส้นผมอยู่บ้าง
ทว่าเมื่อเขาถอนทหาร พวกโจรก็กลับมาอีกครั้ง และหมู่บ้านที่ถูกอู๋ฉีเผาก็ถูกสร้างขึ้นใหม่โดยแทบไม่มีการสูญเสียเลย!
โจรกลุ่มนี้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว โจมตีผู้ที่อ่อนแอทั่วไป แต่ผู้แข็งแกร่งได้แต่กระโจนเข้าสู่เทือกเขาไท่เหิงที่มีความยาวหลายพันลี้ และจะไม่พบพวกโจรเลย ชื่อของผู้นำดูเหมือนจะชื่อ...อือ เฟยหยานหรือเปล่านะ? น่าจะเป็นชื่อที่อู๋ฉีไม่สนใจที่จะจำมัน
ไม่ใช่ว่าอู๋ฉีไม่เคยคิดที่จะปราบปรามมันอีก แต่ในเวลานั้น เขายังมีพริกอยู่ในมือเพียงพอแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่รีบร้อน
แต่วันนี้พริกมันหายไปอย่างไม่คาดคิด!
อู๋ฉี "ไอ้บ้าเอ้ย…หมู่บ้านเฮยเฟิงใช่ไหม ได้ ได้…ฉันจะไปที่นั่นอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ และคราวนี้ฉันจะจัดการกับพวกมันให้หมดอย่างแน่นอน!"
แต่วันนี้…
ไม่มีพริกให้กินอะ!
มันช่างเจ็บปวดจริงๆ โว้ย!
อู๋ฉีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิด แต่เตียวเสี้ยนก็เข้ามาช่วยเหลือและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "สามี ข้าไม่อยากกินพริกที่ท่านให้ข้าครั้งที่แล้ว ดังนั้นข้าจะเอามาให้ท่าน!"
อู๋ฉีมีความสุขมาก และไม่สนว่าจะมีคนนอกอยู่ด้วยหรือไม่ เขาก็กอดเตียวเสี้ยนและจูบนางพลางกล่าวว่า "ภรรยาช้า เจ้าใจดีมากจริงๆ!"
เมื่ออู๋ฉีจูบนางต่อหน้าคนมากมาย เตียวเสี้ยนก็หน้าแดงและีบวิ่งหนีไป
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ซอสพริกขวดเล็กก็ถูกนำมาให้ทันที
อู๋ฉีรีบหยิบไก่ชิ้นหนึ่ง เขาจุ่มซอสพริกแล้วกินเข้าไปในปากของเขา
ทันใดนั้น สีหน้าเคลิบเคลิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอู๋ฉีทันที
“เยี่ยมจริงๆ นี่คือชีวิตข้า นี่คือความเพลิดเพลินของข้า!”
เตีนวเสี้ยนยิ้มและพูดว่า "สามีกินเผ็ดเสร็จแล้ว ข้าจะเดินไปบอกให้ทางครัวเตรียมเครื่องดื่มเย็นๆ ไว้ให้ท่านนะ..."
แต่เมื่อนางกลับมาอีกครั้ง นางเห็นฉากหนึ่งที่ทำให้นางต้องตะลึง!
“เอามาให้ข้าเถอะ ข้าอยากมีสุขภาพที่แข็งแรง!”