บทที่ 10 เตียวเหยียงคุกเข่าลง
บทที่ 10 เตียวเหยียงคุกเข่าลง
ความโกรธระเบิดออกมาจากดวงตาของเตียวเหยียง!
ที่ผ่านมา ตอนที่เขาอยู่ในวัง ผู้คนที่เขาพบมักทำตามคำสั่งของเขา ชายผู้นี้กล้ายอกย้อนกับเขาได้อย่างไร จริงๆ แล้วเขาต้องพยายามประจบประแจงเขาสิ แม้แต่ขุนนางที่ไม่ชอบเขา พวกนั้นก็ยังเพียงแต่ชอบใช้คำว่า "ชอบพูดเกินจริง" ในหนังสือกราบทูลของพวกเขาเท่านั้น มันไม่เคยมีใครหน้าไหนมาล้อเล่นกับเขาแบบนี้มาก่อน
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” อู๋เอ๋อหัวเราะเสียงดังอยู่ข้างๆ เขาหัวเราะหนักมากจนหายใจแทบไม่ออก
【คะแนนกิจกรรม +20】
หลังจากนั้นอู๋เอ๋อก็รีบเข้าไปหาอู๋ฉี และอยากพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับเตียวเหยียงว่า พวกเขาหยาบคายแค่ไหน: "นายท่าน พวกเขาน่ะ..."
อู๋ฉีโบกมือให้อู๋เอ๋อหยุด เขาครุ่นคิดกับตัวเองว่า มันเกิดอะไรขึ้น? ฉันตั้งใจจะมาที่นี่เพื่อโอ้อวด...ไม่ ไม่ ไม่ใช่ ฉันแค่อยากจะช่วยเหลือพวกเขาต่างหาก แต่ทันทีที่มาถึง ฉันได้ยินมาว่า พวกเขาจะฆ่าทุกคนงั้นเหรอ?
พวกเขาคือใคร?
พวกเขาหยิ่งยโสเกินไปหรือเปล่า?
เขาต้องการทำความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดก่อน... แน่นอนว่าเขาย่อมรู้จักนิสัยของอู๋เอ๋อผู้รับใช้หนุ่มของเขาดีอยู่แล้ว และรู้ว่าอู๋เอ๋อน่าจะเป็นผู้สร้างปัญหาขึ้นมาด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขาย่อมต้องพิจารณาเหตุการณ์นี้ให้ดีๆ ก่อน
ในฐานะหัวกิลด์ในชาติที่แล้ว อู๋ฉีมักจะเจอเรื่องทะเลาะวิวาทกันในหมู่สมาชิกบ่อยๆ เมื่อมีข้อพิพาทเขามักจะอธิบายเหตุผลให้ชัดเจน พออธิบายเหตุผลแล้ว มันก็เป็นเรื่องปกติที่อีกฝ่ายจะรับฟัง ถ้าไม่ฟัง...เขาจะไล่ให้ไปสงบสติอารมณ์ก่อน !
ดังนั้นอู๋ฉี จึงอธิบายให้เตียวเหยียงฟังว่า "ฤดูกาลนี้อากาศร้อนและผู้ป่วยควรนอนราบในที่ที่มีอากาศถ่ายเทเพื่อให้หายใจสะดวก การเคลื่อนย้ายเตียงในบ้านไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งมันจะทำให้การรักษาล่าช้า ดังนั้นข้าจึงใช้เสื่อฟางเพื่อให้เขานอนก่อน ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขาลำบากนะ...”
แต่เขาไม่คาดคิด เตียวเหยียงโกรธมากจนเสียสติและไม่สนใจสิ่งที่อู๋ฉีพูด หรือบางทีเขาไม่สนใจสิ่งที่อู๋ฉี ต้องการพูดเลย เขาแค่ตะโกนใส่ว่า "หุบปาก! เจ้าคนบ้านนอก" ! บ้านสกุลอู๋ใช่ไหม เฮอะ…ข้าจำได้ว่า ข้าจะทำลายคฤหาสน์ทั้งหมดของเจ้าให้ราบคาบ เมื่อข้ากลับมา! ข้าจะทำลายจนไม่เหลือแม้แต่ใบหญ้า! และ..."
อู๋ฉี “……”
เขาหันกลับมาโดยตรง: "อู๋เอ๋อ…เชิญแขกกลับไป!"
หากเจ้ายังกล้าสร้างปัญหา ทหารถั่วจะสอนวิธีปฏิบัติตนให้เจ้าเอง!
“ไอ้สารเลว เจ้ากล้าดียังไง ไอ้คนโง่!” เตียวเหยียงยิ่งโกรธมากขึ้น และเขาก็พ่นคำสาปแช่งออกมาราวกับอุจจาระร่วงใส่กางเกง “มารดามัน ไอ้เด็กโสโครก ไอ้ลูกเต่าหลานเต่า ไอ้สุนัข…”
อู๋ฉีเหลือบมองผู้ป่วยโคม่า และพูดด้วยน้ำเสียงที่สูงขึ้น "เนี้ยจี๋(มาลาเรีย)"
คำสองคำนี้วิเศษมาก มันทำให้เตียวเหยียงที่สาปแช่งครึ่งประโยคที่เหลือ ทำสีหน้าเหมือนเบ่งอึไม่ออก
…..
【คะแนนการแข่งขัน +300】
“เจ้า...เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” เตียวเหยียงถามอย่างว่างเปล่า
อู๋ฉีไม่ตอบ คิดว่าเขาควรทำตัวเท่ๆ ต่อหน้าคนนอกจะดีกว่า! เช็ดเข้…300 ในครั้งเดียว!
ถัดจากเขา อู๋เอ๋อตะโกนขึ้นว่า "เจ้าหูหนวกหรือไง? นายท่านของข้าพูดว่า…เนี้ยจี๋(มาลาเรีย)! เนี้ยจี๋ เนี้ยจี๋ เนี้ยจี๋! โรคที่เจ้านายหนุ่มของเจ้าเป็นคือเนี้ยจี๋ เจ้าต้องการให้ข้าพูดซ้ำอีกครั้งไหม?"
เตียวเหยียงเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาทันที
เขาตื่นจากความโกรธ ถูกต้อง! ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโกรธ ร่างกายของฝ่าบาทคือสิ่งที่สำคัญที่สุด!
ตอนที่เล่าหงล้มป่วยก่อนหน้านี้ เตียวเหยียงรู้แค่ว่าเล่าหงป่วย แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าป่วยเป็นโรคอะไร ซึ่งมันทำให้เขาวิตกกังวลอย่างยิ่ง
แต่ชายหนุ่มชื่ออู๋ฉีที่อยู่ตรงหน้า เขาสามารถตัดสินความเจ็บป่วยของฝ่าบาทได้เพียงแค่มองดูง่ายๆ
สิ่งนี้มันหมายความว่า?
มันหมายความว่า…ทักษะทางการแพทย์ของอู๋ฉีนั้นสูงมาก!
เจ้าควรรู้ว่า แม้ว่าเตียวเหยียงจะเป็นเพียงขันทีที่ให้บริการผู้คน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้ทักษะทางการแพทย์เลย เขามีบุตรบุญธรรมชื่อจางเฟิง ซึ่งปัจจุบันเป็นแพทย์ของจักรพรรดิในพระราชวัง ในวันธรรมดาเตียวเหยียง(จางร่าง)มักจะฟังจางเฟิงที่ให้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ยอดนิยมแก่เขา
กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้ว่าตัวเตียวเหยียงจะไม่สามารถรักษาโรคได้ แต่เขาสามารถตัดสินได้ว่าใครสามารถ!
ตอนนี้เขารู้เกี่ยวกับตัวตนของอู๋ฉีแล้ว!
【คะแนนการแข่งขัน +300】
อู๋ฉีวางมือไว้ด้านหลัง เขาเงยหน้าขึ้นและยกหน้าอกสูงด้วยสายตาที่เย่อหยิ่ง เขากล่าวว่า "ไม่มีใครในแผ่นดินนี้ ที่สามารถรักษาโรคเนี้ยจี๋ได้…ยกเว้นข้า!"
เขาไม่ได้คุยโว เพราะวิธีการรักษาต้องรอถึงราชวงศ์จิ้นที่เกอหงได้บันทึกการใช้Artemisia annua(โกฐจุฬาลัมพา) ในการรักษาโรคเนี้ยจี๋(มาลาเรีย)ใน "โจ่วโฮ้วเป้ยจี๋ฟาง(บันทึกใบสั่งยาฉุกเฉิน)"
(ราชวงค์จิ้น หนึ่งในราชวงศ์ที่ปกครองแผ่นดินจีน ซึ่งดำรงอยู่ตั้งแต่ ค.ศ. 266 ถึง ค.ศ. 420 ถูกก่อตั้งสถาปนาโดยซือหม่าหยานหรือสุมาเอี๋ยน เมื่อขึ้นครองราชย์ มีพระนามว่า พระเจ้าจิ้นอู่ตี้)
สำหรับปัจจุบันนี้... อาจมีแพทย์เป็นรายบุคคลที่สามารถคิดหาวิธีการรักษาได้ แต่ก็ไม่เป็นที่รู้จักของสาธารณชนทั่วไป
ดังนั้นอู๋ฉี จึงพูดได้อย่างภาคภูมิใจว่า: ไม่มีใครรู้จักโรคเนี้ยจี๋(มาลาเรีย)ได้ดีไปกว่าข้า!
【คะแนนกิจกรรม +1000】
เตียวเหยียงรู้สึกไม่ค่อยเชื่อคำพูดของอู๋ฉีเท่าไหร่นัก เท่าที่เขารู้ แพทย์ของจักรพรรดิในพระราชวังไม่สามารถรักษาโรคเนี้ยจี๋ให้หายขาดได้ แล้วคนบ้านนอกที่ร่ำรวยเช่นนี้ มันจะแน่ใจได้อย่างไรว่า เขาสามารถรักษามันได้?
แต่...ข้าสงสัยแล้วไงล่ะ?
ข้ามีทางเลือกไหม?
ตอนนี้อู๋ฉีคือความหวังเดียวของเขา และอู๋ฉีจะรักษาฝ่าบาทได้หรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับเขาแล้ว
เขาอดไม่ได้ที่จะเสียใจกับความหุนหันพลันแล่นก่อนหน้านี้ และทำให้อู๋ฉีขุ่นเคือง!
ที่ผ่านมาข้าจะเย่อหยิ่งในวังมันก็ไม่เป็นไร แต่นี่คือเวลาที่ข้าควรทำงั้นหรือ?
หากผู้ป่วยทำให้แพทย์ขุ่นเคือง เขายังสามารถได้รับสิ่งดีๆ จากแพทย์ได้หรือไม่?
โง่! บัดซบ! ทำไมข้าถึงโง่ได้ขนาดนี้!
อย่างไรก็ตาม ไม่มีที่ว่างสำหรับเรื่องที่ผ่านมา ในตอนนี้ เตียวเหยียงต้องใช้ทักษะลิ้นสุนัขของเขาในการทำให้อู๋ฉีหายโกรธเสียก่อน "อู๋จวงจู๊ เมื่อกี้นี้...เอ่อ คำพูดของข้าคงระคายหูท่านมาก ข้าหวังว่าท่านอู๋จวงจู๊จะยกโทษให้ข้า ได้โปรด ... โปรดช่วยเจ้านายของข้าด้วย! ท่านกรุณาช่วยข้าด้วยเถอะ!"
ก่อนที่อู๋ฉีจะพูดอะไร อู๋เอ๋อก็พูดออกมาด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง "โอ้…ตอนนี้เจ้ารู้วิธีพูดกับจวงจู๊ของเราแล้วงั้นหรือ ? เมื่อกี้เจ้ายังบอกอยู่เลยว่า เจ้าจะบุกบ้าน สังหารล้างทั้งตระกูลและทำลายคฤหาสน์ให้ราบคาบ! อะไร…ทำไม มันไม่มีการโจมตีอีกแล้ว? ไม่มีการทำลายล้างอีกต่อไป?”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เตียวเหยียงจ้องมองอู๋เอ๋อด้วยความเกลียดชัง และอยากจะสะบัดหัวเขาออกจากคอ แต่เมื่อเป็นเรื่องความปลอดภัยของจักรพรรดิ เขาก็ต้องอดทนและพูดต่อไปอย่างน่าสมเพช "ข้า... คือว่า ไม่ใช่คนโหดเหี้ยม..."
องครักษ์ทั้งสองที่อยู่ข้างหลังเขาอดไม่ได้ที่จะกระตุกใบหน้า และคิดว่า: ขันทีที่มีอำนาจมากที่สุดในพระราชวัง ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มสิบขันที ผู้ที่ฆ่าทุกคนที่ขัดแย้ง เขาเรียกตัวเองว่าไม่ใช่คนโหดเหี้ยมเนี้ยนะ?
เตียวกงกง…เจ้าชั่งยืดได้หดได้จริงๆ!
ข้าชื่นชมเจ้ายิ่งนัก!
“นี่คือวิธีที่เจ้าร้องของั้นเหรอ?” อู๋เอ๋อยังไม่ยอมปล่อยเขาไป “ถ้าเจ้าไม่คุกเข่าหรือโค้งคำนับ ข้าคิดว่า นายท่านย่อมไม่สนใจเจ้าแน่นอนอยู่แล้ว”
อู๋ฉีไม่ได้หยุดอู๋เอ๋อ เพราะเขาเองก็รู้สึกโกรธมากเช่นกัน - ไม่มีใครสบายใจที่ถูกด่าหรอกนะ!
สิ่งสำคัญกว่าคือ เมื่อดูเอวของเตียวเหยียงที่กล่าวว่า "ข้าขอโทษ" เอวของเขาตรงยิ่งกว่าใครๆ!
มันดูไม่จริงใจตั้งแต่แรกเห็น!
อู๋ฉีเป็นคนมีอายุแล้ว เขาจะถูกหลอกง่ายขนาดนี้ได้ยังไง!
แน่นอนว่าอู๋ฉีไม่ได้เรียกร้องอะไรมากนัก และเขาเคยไม่ขอให้คนอื่นคุกเข่าลง... เขายังไม่เคยให้คนในหมู่บ้านคุกเข่า คนรับใช้บ้านเขาจึงเพียงโค้งคำนับเมื่อเห็นเขาเท่านั้น
เป็นเช่นเดียวกัน ตราบใดที่เตียวเหยียงก้มหัวของเขาลงมา อู๋ฉีก็จะปล่อยเขาไป และช่วยรักษาเจ้านายของเขาให้
“คุกเข่าลง?” ดวงตาของเตียวเหยียงเบิกกว้าง “เจ้าขอให้ข้า...คุกเข่าลงงั้นเหรอ?”
เขาตกใจและโกรธมาก เขาพูดในใจว่า: ข้าคือเตียวเหยียง ข้ามีสถานะสูงส่งมากขนาดนี้ แม้ว่าข้าจะเคยคุกเข่ามาก่อน แต่ข้ามักจะคุกเข่าให้กับจักรพรรดิเท่านั้น และทุกครั้งที่ข้าคุกเข่าลง พระองค์จะเกรงใจข้ามาก แล้วจะรีบสั่งให้ข้าลุกขึ้นมาทันที เพราะพระองค์ไม่อยากให้ข้าคุกเข่า!
ตอนนี้ดีมาก …ดีจริงๆ สุนัขตัวจ้อยที่ราคาถูกราวกับผงธุลี เจ้าบอกให้ข้าคุกเข่า…คุกเข่าลงต่อหน้าไอ้สารเลวบ้านนอกอู๋ฉีเนี้ยนะ...?
ถ้าข้าคุกเข่าลง จวงจู๊บ้านนอกอย่างเจ้าจะจ่ายสำหรับราคานี้ไหวไหม?
เตียวเหยียงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น และเขากำลังจะสาปแช่ง
แต่ก่อนที่เขาจะสาบแช่งนั้น……
“แค็ก...” เล่าหงซึ่งยังอยู่ในอาการโคม่าไอออกมา
เสียงนี้เหมือนกับค้อนหนักๆ ที่กำลังทุบเข้าที่หัวใจของเตียวเหยียงอย่างแรง
ทันทีที่ความโกรธในอกของเตียวเหยียงมาถึงคอของเขา มันก็หมุนวนและถูกระงับลงไปอีกครั้ง…
เตียวเหยียงมองดูการท่าทางอันเจ็บปวดบนใบหน้าของเล่าหง มันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดมากกว่าตัวของเล่าหงเองเสียอีก
จักรพรรดิ...นั่นคือผู้สนับสนุนหลัก และเป็นกระดูกสันหลังของเขา…ของเตียวเหยียงกงกง!
เจ้าต้องรู้ว่า แม้ว่าเตียวเหยียงจะเข้ามาในวังในฐานะเสี่ยวหวงเหมิน(ขันทีรับใช้ทั่วไป) ตั้งแต่ในรัชสมัยของจักรพรรดิผู้ล่วงลับ แต่การเติบโตที่แท้จริงของเขานั้น เกิดจากการเลื่อนตำแหน่งของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน…เล่าหง อาจกล่าวได้ว่าหากไม่มีเล่าหง มันก็จะไม่มีเตียวเหยียงในวันนี้ และจะไม่มีอีกในอนาคต
ในช่วงนี้ มันมีวิกฤติที่เข้ามาและกระทบกับคณะกลุ่มสิบขันทีค่อนข้างมาก
กองกำลังภายนอกที่นำโดยโฮจิ๋น(เหอจิน) และตระกูลขุนนางที่นำโดยตระกูลอ้วน(หยวน) ล้วนเป็นศัตรูกับพวกเขา แน่นอนว่า โฮจิ๋นและตระกูลอ้วนได้สมรู้ร่วมคิดกันแล้ว!
สถานการณ์ในตอนนี้ มันไม่เอื้ออำนวยต่อเตียวเหยียงอย่างมาก!
อาจกล่าวได้ว่า ถ้าเล่าหงเสียชีวิต…ชีวิตของพวกเขาในฐานะกลุ่มสิบขันที มันจะต้องสิ้นสุดลง
เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ต้องพูดถึงการบุกทำลายบ้านของอู๋ฉี แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้!
เตียวเหยียงคิดเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า และในที่สุดเขาก็กัดฟัน...
ตุบ!