ตอนที่แล้วบทที่ 9 เจ้าต้องการกี่อัน?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 11 ตบปากจักรพรรดิ

บทที่ 10 เตียวเหยียงคุกเข่าลง


บทที่ 10 เตียวเหยียงคุกเข่าลง

ความโกรธระเบิดออกมาจากดวงตาของเตียวเหยียง!

ที่ผ่านมา ตอนที่เขาอยู่ในวัง ผู้คนที่เขาพบมักทำตามคำสั่งของเขา ชายผู้นี้กล้ายอกย้อนกับเขาได้อย่างไร จริงๆ แล้วเขาต้องพยายามประจบประแจงเขาสิ แม้แต่ขุนนางที่ไม่ชอบเขา พวกนั้นก็ยังเพียงแต่ชอบใช้คำว่า "ชอบพูดเกินจริง" ในหนังสือกราบทูลของพวกเขาเท่านั้น มันไม่เคยมีใครหน้าไหนมาล้อเล่นกับเขาแบบนี้มาก่อน

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” อู๋เอ๋อหัวเราะเสียงดังอยู่ข้างๆ เขาหัวเราะหนักมากจนหายใจแทบไม่ออก

【คะแนนกิจกรรม +20】

หลังจากนั้นอู๋เอ๋อก็รีบเข้าไปหาอู๋ฉี และอยากพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับเตียวเหยียงว่า พวกเขาหยาบคายแค่ไหน: "นายท่าน พวกเขาน่ะ..."

อู๋ฉีโบกมือให้อู๋เอ๋อหยุด เขาครุ่นคิดกับตัวเองว่า มันเกิดอะไรขึ้น? ฉันตั้งใจจะมาที่นี่เพื่อโอ้อวด...ไม่ ไม่ ไม่ใช่ ฉันแค่อยากจะช่วยเหลือพวกเขาต่างหาก แต่ทันทีที่มาถึง ฉันได้ยินมาว่า พวกเขาจะฆ่าทุกคนงั้นเหรอ?

พวกเขาคือใคร?

พวกเขาหยิ่งยโสเกินไปหรือเปล่า?

เขาต้องการทำความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดก่อน... แน่นอนว่าเขาย่อมรู้จักนิสัยของอู๋เอ๋อผู้รับใช้หนุ่มของเขาดีอยู่แล้ว และรู้ว่าอู๋เอ๋อน่าจะเป็นผู้สร้างปัญหาขึ้นมาด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขาย่อมต้องพิจารณาเหตุการณ์นี้ให้ดีๆ ก่อน

ในฐานะหัวกิลด์ในชาติที่แล้ว อู๋ฉีมักจะเจอเรื่องทะเลาะวิวาทกันในหมู่สมาชิกบ่อยๆ เมื่อมีข้อพิพาทเขามักจะอธิบายเหตุผลให้ชัดเจน พออธิบายเหตุผลแล้ว มันก็เป็นเรื่องปกติที่อีกฝ่ายจะรับฟัง ถ้าไม่ฟัง...เขาจะไล่ให้ไปสงบสติอารมณ์ก่อน !

ดังนั้นอู๋ฉี จึงอธิบายให้เตียวเหยียงฟังว่า "ฤดูกาลนี้อากาศร้อนและผู้ป่วยควรนอนราบในที่ที่มีอากาศถ่ายเทเพื่อให้หายใจสะดวก การเคลื่อนย้ายเตียงในบ้านไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งมันจะทำให้การรักษาล่าช้า ดังนั้นข้าจึงใช้เสื่อฟางเพื่อให้เขานอนก่อน ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขาลำบากนะ...”

แต่เขาไม่คาดคิด เตียวเหยียงโกรธมากจนเสียสติและไม่สนใจสิ่งที่อู๋ฉีพูด หรือบางทีเขาไม่สนใจสิ่งที่อู๋ฉี ต้องการพูดเลย เขาแค่ตะโกนใส่ว่า "หุบปาก! เจ้าคนบ้านนอก" ! บ้านสกุลอู๋ใช่ไหม เฮอะ…ข้าจำได้ว่า ข้าจะทำลายคฤหาสน์ทั้งหมดของเจ้าให้ราบคาบ เมื่อข้ากลับมา! ข้าจะทำลายจนไม่เหลือแม้แต่ใบหญ้า! และ..."

อู๋ฉี  “……”

เขาหันกลับมาโดยตรง: "อู๋เอ๋อ…เชิญแขกกลับไป!"

หากเจ้ายังกล้าสร้างปัญหา ทหารถั่วจะสอนวิธีปฏิบัติตนให้เจ้าเอง!

“ไอ้สารเลว เจ้ากล้าดียังไง ไอ้คนโง่!” เตียวเหยียงยิ่งโกรธมากขึ้น และเขาก็พ่นคำสาปแช่งออกมาราวกับอุจจาระร่วงใส่กางเกง  “มารดามัน ไอ้เด็กโสโครก ไอ้ลูกเต่าหลานเต่า ไอ้สุนัข…”

อู๋ฉีเหลือบมองผู้ป่วยโคม่า และพูดด้วยน้ำเสียงที่สูงขึ้น  "เนี้ยจี๋(มาลาเรีย)"

คำสองคำนี้วิเศษมาก มันทำให้เตียวเหยียงที่สาปแช่งครึ่งประโยคที่เหลือ ทำสีหน้าเหมือนเบ่งอึไม่ออก

…..

【คะแนนการแข่งขัน +300】

“เจ้า...เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” เตียวเหยียงถามอย่างว่างเปล่า

อู๋ฉีไม่ตอบ คิดว่าเขาควรทำตัวเท่ๆ ต่อหน้าคนนอกจะดีกว่า! เช็ดเข้…300 ในครั้งเดียว!

ถัดจากเขา อู๋เอ๋อตะโกนขึ้นว่า "เจ้าหูหนวกหรือไง? นายท่านของข้าพูดว่า…เนี้ยจี๋(มาลาเรีย)! เนี้ยจี๋ เนี้ยจี๋ เนี้ยจี๋! โรคที่เจ้านายหนุ่มของเจ้าเป็นคือเนี้ยจี๋ เจ้าต้องการให้ข้าพูดซ้ำอีกครั้งไหม?"

เตียวเหยียงเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาทันที

เขาตื่นจากความโกรธ ถูกต้อง! ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโกรธ ร่างกายของฝ่าบาทคือสิ่งที่สำคัญที่สุด!

  

ตอนที่เล่าหงล้มป่วยก่อนหน้านี้ เตียวเหยียงรู้แค่ว่าเล่าหงป่วย แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าป่วยเป็นโรคอะไร ซึ่งมันทำให้เขาวิตกกังวลอย่างยิ่ง

แต่ชายหนุ่มชื่ออู๋ฉีที่อยู่ตรงหน้า เขาสามารถตัดสินความเจ็บป่วยของฝ่าบาทได้เพียงแค่มองดูง่ายๆ

สิ่งนี้มันหมายความว่า?

มันหมายความว่า…ทักษะทางการแพทย์ของอู๋ฉีนั้นสูงมาก!

เจ้าควรรู้ว่า แม้ว่าเตียวเหยียงจะเป็นเพียงขันทีที่ให้บริการผู้คน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้ทักษะทางการแพทย์เลย เขามีบุตรบุญธรรมชื่อจางเฟิง ซึ่งปัจจุบันเป็นแพทย์ของจักรพรรดิในพระราชวัง ในวันธรรมดาเตียวเหยียง(จางร่าง)มักจะฟังจางเฟิงที่ให้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ยอดนิยมแก่เขา

กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้ว่าตัวเตียวเหยียงจะไม่สามารถรักษาโรคได้ แต่เขาสามารถตัดสินได้ว่าใครสามารถ!

ตอนนี้เขารู้เกี่ยวกับตัวตนของอู๋ฉีแล้ว!

【คะแนนการแข่งขัน +300】

อู๋ฉีวางมือไว้ด้านหลัง เขาเงยหน้าขึ้นและยกหน้าอกสูงด้วยสายตาที่เย่อหยิ่ง เขากล่าวว่า "ไม่มีใครในแผ่นดินนี้ ที่สามารถรักษาโรคเนี้ยจี๋ได้…ยกเว้นข้า!"

เขาไม่ได้คุยโว เพราะวิธีการรักษาต้องรอถึงราชวงศ์จิ้นที่เกอหงได้บันทึกการใช้Artemisia annua(โกฐจุฬาลัมพา) ในการรักษาโรคเนี้ยจี๋(มาลาเรีย)ใน "โจ่วโฮ้วเป้ยจี๋ฟาง(บันทึกใบสั่งยาฉุกเฉิน)"

(ราชวงค์จิ้น หนึ่งในราชวงศ์ที่ปกครองแผ่นดินจีน ซึ่งดำรงอยู่ตั้งแต่ ค.ศ. 266 ถึง ค.ศ. 420 ถูกก่อตั้งสถาปนาโดยซือหม่าหยานหรือสุมาเอี๋ยน เมื่อขึ้นครองราชย์ มีพระนามว่า พระเจ้าจิ้นอู่ตี้)

สำหรับปัจจุบันนี้... อาจมีแพทย์เป็นรายบุคคลที่สามารถคิดหาวิธีการรักษาได้ แต่ก็ไม่เป็นที่รู้จักของสาธารณชนทั่วไป

ดังนั้นอู๋ฉี จึงพูดได้อย่างภาคภูมิใจว่า: ไม่มีใครรู้จักโรคเนี้ยจี๋(มาลาเรีย)ได้ดีไปกว่าข้า!

  

【คะแนนกิจกรรม +1000】

เตียวเหยียงรู้สึกไม่ค่อยเชื่อคำพูดของอู๋ฉีเท่าไหร่นัก เท่าที่เขารู้ แพทย์ของจักรพรรดิในพระราชวังไม่สามารถรักษาโรคเนี้ยจี๋ให้หายขาดได้ แล้วคนบ้านนอกที่ร่ำรวยเช่นนี้ มันจะแน่ใจได้อย่างไรว่า เขาสามารถรักษามันได้?

แต่...ข้าสงสัยแล้วไงล่ะ?

ข้ามีทางเลือกไหม?

ตอนนี้อู๋ฉีคือความหวังเดียวของเขา และอู๋ฉีจะรักษาฝ่าบาทได้หรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับเขาแล้ว

เขาอดไม่ได้ที่จะเสียใจกับความหุนหันพลันแล่นก่อนหน้านี้ และทำให้อู๋ฉีขุ่นเคือง!

ที่ผ่านมาข้าจะเย่อหยิ่งในวังมันก็ไม่เป็นไร แต่นี่คือเวลาที่ข้าควรทำงั้นหรือ?

หากผู้ป่วยทำให้แพทย์ขุ่นเคือง เขายังสามารถได้รับสิ่งดีๆ จากแพทย์ได้หรือไม่?

โง่! บัดซบ! ทำไมข้าถึงโง่ได้ขนาดนี้!

อย่างไรก็ตาม ไม่มีที่ว่างสำหรับเรื่องที่ผ่านมา ในตอนนี้ เตียวเหยียงต้องใช้ทักษะลิ้นสุนัขของเขาในการทำให้อู๋ฉีหายโกรธเสียก่อน "อู๋จวงจู๊ เมื่อกี้นี้...เอ่อ คำพูดของข้าคงระคายหูท่านมาก ข้าหวังว่าท่านอู๋จวงจู๊จะยกโทษให้ข้า ได้โปรด ... โปรดช่วยเจ้านายของข้าด้วย! ท่านกรุณาช่วยข้าด้วยเถอะ!"

ก่อนที่อู๋ฉีจะพูดอะไร อู๋เอ๋อก็พูดออกมาด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง  "โอ้…ตอนนี้เจ้ารู้วิธีพูดกับจวงจู๊ของเราแล้วงั้นหรือ ? เมื่อกี้เจ้ายังบอกอยู่เลยว่า เจ้าจะบุกบ้าน สังหารล้างทั้งตระกูลและทำลายคฤหาสน์ให้ราบคาบ! อะไร…ทำไม มันไม่มีการโจมตีอีกแล้ว? ไม่มีการทำลายล้างอีกต่อไป?”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เตียวเหยียงจ้องมองอู๋เอ๋อด้วยความเกลียดชัง และอยากจะสะบัดหัวเขาออกจากคอ แต่เมื่อเป็นเรื่องความปลอดภัยของจักรพรรดิ เขาก็ต้องอดทนและพูดต่อไปอย่างน่าสมเพช  "ข้า... คือว่า ไม่ใช่คนโหดเหี้ยม..."

องครักษ์ทั้งสองที่อยู่ข้างหลังเขาอดไม่ได้ที่จะกระตุกใบหน้า และคิดว่า: ขันทีที่มีอำนาจมากที่สุดในพระราชวัง ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มสิบขันที ผู้ที่ฆ่าทุกคนที่ขัดแย้ง เขาเรียกตัวเองว่าไม่ใช่คนโหดเหี้ยมเนี้ยนะ?

เตียวกงกง…เจ้าชั่งยืดได้หดได้จริงๆ!

ข้าชื่นชมเจ้ายิ่งนัก!

“นี่คือวิธีที่เจ้าร้องของั้นเหรอ?” อู๋เอ๋อยังไม่ยอมปล่อยเขาไป “ถ้าเจ้าไม่คุกเข่าหรือโค้งคำนับ ข้าคิดว่า นายท่านย่อมไม่สนใจเจ้าแน่นอนอยู่แล้ว”

อู๋ฉีไม่ได้หยุดอู๋เอ๋อ เพราะเขาเองก็รู้สึกโกรธมากเช่นกัน - ไม่มีใครสบายใจที่ถูกด่าหรอกนะ!

สิ่งสำคัญกว่าคือ เมื่อดูเอวของเตียวเหยียงที่กล่าวว่า "ข้าขอโทษ" เอวของเขาตรงยิ่งกว่าใครๆ!

มันดูไม่จริงใจตั้งแต่แรกเห็น!

อู๋ฉีเป็นคนมีอายุแล้ว เขาจะถูกหลอกง่ายขนาดนี้ได้ยังไง!

แน่นอนว่าอู๋ฉีไม่ได้เรียกร้องอะไรมากนัก และเขาเคยไม่ขอให้คนอื่นคุกเข่าลง... เขายังไม่เคยให้คนในหมู่บ้านคุกเข่า คนรับใช้บ้านเขาจึงเพียงโค้งคำนับเมื่อเห็นเขาเท่านั้น

เป็นเช่นเดียวกัน ตราบใดที่เตียวเหยียงก้มหัวของเขาลงมา อู๋ฉีก็จะปล่อยเขาไป และช่วยรักษาเจ้านายของเขาให้

“คุกเข่าลง?” ดวงตาของเตียวเหยียงเบิกกว้าง “เจ้าขอให้ข้า...คุกเข่าลงงั้นเหรอ?”

เขาตกใจและโกรธมาก เขาพูดในใจว่า: ข้าคือเตียวเหยียง ข้ามีสถานะสูงส่งมากขนาดนี้ แม้ว่าข้าจะเคยคุกเข่ามาก่อน แต่ข้ามักจะคุกเข่าให้กับจักรพรรดิเท่านั้น และทุกครั้งที่ข้าคุกเข่าลง พระองค์จะเกรงใจข้ามาก แล้วจะรีบสั่งให้ข้าลุกขึ้นมาทันที เพราะพระองค์ไม่อยากให้ข้าคุกเข่า!

ตอนนี้ดีมาก …ดีจริงๆ สุนัขตัวจ้อยที่ราคาถูกราวกับผงธุลี เจ้าบอกให้ข้าคุกเข่า…คุกเข่าลงต่อหน้าไอ้สารเลวบ้านนอกอู๋ฉีเนี้ยนะ...?

ถ้าข้าคุกเข่าลง จวงจู๊บ้านนอกอย่างเจ้าจะจ่ายสำหรับราคานี้ไหวไหม?

เตียวเหยียงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น และเขากำลังจะสาปแช่ง

แต่ก่อนที่เขาจะสาบแช่งนั้น……

“แค็ก...” เล่าหงซึ่งยังอยู่ในอาการโคม่าไอออกมา

เสียงนี้เหมือนกับค้อนหนักๆ ที่กำลังทุบเข้าที่หัวใจของเตียวเหยียงอย่างแรง

ทันทีที่ความโกรธในอกของเตียวเหยียงมาถึงคอของเขา มันก็หมุนวนและถูกระงับลงไปอีกครั้ง…

เตียวเหยียงมองดูการท่าทางอันเจ็บปวดบนใบหน้าของเล่าหง มันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดมากกว่าตัวของเล่าหงเองเสียอีก

จักรพรรดิ...นั่นคือผู้สนับสนุนหลัก และเป็นกระดูกสันหลังของเขา…ของเตียวเหยียงกงกง!

เจ้าต้องรู้ว่า แม้ว่าเตียวเหยียงจะเข้ามาในวังในฐานะเสี่ยวหวงเหมิน(ขันทีรับใช้ทั่วไป) ตั้งแต่ในรัชสมัยของจักรพรรดิผู้ล่วงลับ แต่การเติบโตที่แท้จริงของเขานั้น เกิดจากการเลื่อนตำแหน่งของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน…เล่าหง อาจกล่าวได้ว่าหากไม่มีเล่าหง มันก็จะไม่มีเตียวเหยียงในวันนี้ และจะไม่มีอีกในอนาคต

ในช่วงนี้ มันมีวิกฤติที่เข้ามาและกระทบกับคณะกลุ่มสิบขันทีค่อนข้างมาก

กองกำลังภายนอกที่นำโดยโฮจิ๋น(เหอจิน) และตระกูลขุนนางที่นำโดยตระกูลอ้วน(หยวน) ล้วนเป็นศัตรูกับพวกเขา แน่นอนว่า โฮจิ๋นและตระกูลอ้วนได้สมรู้ร่วมคิดกันแล้ว!

สถานการณ์ในตอนนี้ มันไม่เอื้ออำนวยต่อเตียวเหยียงอย่างมาก!

อาจกล่าวได้ว่า ถ้าเล่าหงเสียชีวิต…ชีวิตของพวกเขาในฐานะกลุ่มสิบขันที มันจะต้องสิ้นสุดลง

เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ต้องพูดถึงการบุกทำลายบ้านของอู๋ฉี แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้!

เตียวเหยียงคิดเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า และในที่สุดเขาก็กัดฟัน...

ตุบ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด