12 ท่านชอบเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญเหรอ?
เด็กสาวพลิกตัวหงายลุกขึ้นมานั่งบิดขี้เกียจนึกย้อนเหตุการณ์ไปก่อนหน้านี้ หลังจากที่นายหัวเขียวเอากล่องข้าวมาให้มันก็คอยกวนใจเธอเป็นพัก ๆ จนเธอขัดทำความสะอาดโซ่ที่โกดังไม่เสร็จสักทีเพราะเหม่อลอยคิดเรื่องนี้
การกระทำของเขามันดูย้อนแย้งแปลกพิกลแล้วเธอต้องเอากล่องข้าวไปคืนด้วยไหม หลังจากเธอกินเสร็จก็เอาไปล้างทำความสะอาดเรียบร้อยเพราะประเมินด้วยสายตาน่าจะมีราคาพอสมควรแม้จะเป็นแค่ภาชนะใส่อาหาร
ไม่คืนวันนี้ก็เป็นพรุ่งนี้เช้าเธอจะเอามันไปคืนเจ้าของ มันไม่ใช่ของเธอซึ่งเธอก็คงไม่หน้าด้านเก็บไว้กับตนเองหรอกฉะนั้นคืน ๆ ไปแล้วกล่าวขอบคุณเขาอีกรอบที่มีน้ำใจเอาอาหารมาให้เธอกิน
เกรเทลนอนพักได้ประมาณ 10 นาทีก็ลุกขึ้นเตรียมไปช่วยงานครัวตามคำสั่งวอลล็อคที่เธอให้สัญญาไว้ว่าจะช่วยทำงานเป็นสองเท่า พอนึกถึงปริมาณงานที่เขาจะเตรียมให้เธอทำก็ทำเอาน้ำตาซึม
ระหว่างทางไปโรงครัวเธอแวะไปเอาลังผักผลไม้จากคนสวนที่มาส่งให้ตามออเดอร์ ซึ่งก็มีคนมาช่วยขนก่อนหน้านี้แล้วสองสามคน พวกเขาเป็นคนในครัวนั่นแหละช่วย ๆ กันทำงาน เธอจึงขอฝากเนื้อฝากตัวว่าจะมาช่วยงานที่นี่ทุกวัน มีอะไรก็บอกเธอทำได้ทุกอย่างไม่เกี่ยงงาน
คนในครัวมีประมาณห้าถึงเจ็ดคนมีการแบ่งหน้าที่ชัดเจน คนหนึ่งล้างส่วนผสม คนหนึ่งหั่นสับ คนหนึ่งปรุงอาหาร คนหนึ่งล้างอุปกรณ์ และงานอื่น ๆ ยิบย่อยภายในครัวแห่งนี้ซึ่งมันทำให้เธอตื่นเต้นมากเพราะเธอไม่เคยทำอหารในปริมาณมาก ๆ แบบนี้
สิ่งแรกที่เธอได้ทำหลังจากขนลังผักทั้งหมดมายังห้องครัวคือช่วยปลอกหัวมันฝรั่งเป็นกิโล โดยคุณบาสเตียนหัวหน้าพ่อครัวที่นี่อยากเห็นทักษะการทำอาหารเบื้องต้นของเธอก่อนว่ามีเยอะแค่ไหน เขาจะได้ให้งานกับเธอได้ถูกตามความสามารถ
บาสเตียนแอบมองเกรเทลปอกเปลือกมันฝรั่งอย่างเงียบ ๆ ส่วนเขาก็ปรุงซุปไปด้วย สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกทึ่งคือเกรเทลทำมันได้อย่างคล่องแคล่วแถมเวลาปอกก็ไม่กินโดนเนื้อมันฝรั่งเลย ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินมาบอกเขาว่าปอกหมดเรียบร้อยแล้วสามารถเช็กดูงานได้เลย
ร่างหนาหัวหน้าพ่อครัวเดินมาหยุดยืนหน้ากองมันฝรั่งที่ถูกปอกไว้อย่างสวยงาม เขาพยักหน้ากับผลงานของเด็กใหม่ หายากคนที่จะพิถีพิถันในการปอกแค่เปลือกมันฝรั่งเพราะถ้าปอกแรงไปมีดก็อาจปาดไปโดนเนื้อมันฝรั่งด้านในจนทำให้ต้องเสียเนื้อส่วนดีทิ้งไป เปลือกมันฝรั่งมันบางมากจึงต้องวางน้ำหนักมือให้เบา
“ดีมากเกรเทลงั้นถัดไปเจ้าไปช่วยป้ากันนาร์เตรียมวัตถุดิบแล้วกัน”
ร่างเล็กขานรับแล้วเดินไปจุดที่ป้ากันนาร์กำลังลงมือทุบตีเนื้อสัตว์ต่าง ๆ เตรียมหมักซอสรสเด็ดของคนที่นี่
เกือบ 3 ชั่วโมงที่พวกเธอคลุกตัวอยู่ภายในครัว เกรเทลรู้สึกมีความสุขที่ได้กลับมาทำอาหารให้คนอื่นได้ทานแม้ว่าจะเป็นคนงานที่นี่ก็เถอะ เธอยังเหลือหน้าที่สุดท้ายที่ต้องทำให้เสร็จก่อนจะไปกินข้าว คือยืนแจกอาหารให้กับคนงานที่มาทานข้าว
โชคดีที่บาสเตียนบอกว่าพวกเขามีการแบ่งอาหารเผื่อไว้ให้กับคนครัวทุกคนอยู่แล้วไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีให้กิน แถมก่อนหน้านี้ก็เพิ่งมีการจัดระเบียบระบบการทำงานใหม่ไปเมื่อช่วงบ่าย แต่เดิมในครัวนี้จะมีคนทำงานมากถึง 15 คน
แต่อยู่ดี ๆ ก็มีคำสั่งเด้งคนออกไปเกือบครึ่ง หนึ่งในนั้นรวมไปถึงหัวหน้าครัวคนเก่าด้วย ซึ่งเขาเป็นเพียงรองหัวหน้าเซฟก็ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาแบบงง ๆ แต่ทว่าตำแหน่งไม่ใช่ประเด็นสำคัญในการใช้ชีวิตของเขา ปณิธานแรกเริ่มที่ก้าวเข้ามาทำงานตรงนี้คือตั้งใจทำอาหารแบบนี้ต่อไป
ระหว่างที่ตนเองทยอยแจกอาหารให้กับคนงานในค่ายตลายก็ได้เจอกับไรเดอร์และอารอล์ฟพอดี
“อ้าว! เกรเทลไหงมายืนแจกอาหารตรงนี้ได้งานใหม่ของเจ้าหรือ?”
ไรเดอร์เป็นคนเปิดบททสนทนาคนแรกตัดหน้าอารอล์ฟที่กำลังอ้าปากจะถามคนตัวเล็ก
“อืมนั่นสิ ข้าก็นึกว่าเจ้าจะแวะมาถามงานจากข้าเสียอีก”
ชายหนุ่มยืนขมวดคิ้วงงกับพฤติกรรมรูมเมตใหม่คนนี้ แม้จะเพิ่งผ่านมาได้แค่วันสองวันแต่ดูอีกฝ่ายมีงานให้ทำไม่หยุดหย่อนจนงงว่าไปเอางานมาทำจากไหนเยอะแยะ
“ก็นายไง นายสั่งมา”
เกรเทลตอบอุบอิบไม่กล้าพูดเสียงดัง
“อ่อ แบบนี้นี่เองมิน่าล่ะเจ้าถึงไม่มาถามงานจากข้าสักที ถ้างั้นเจ้าก็ตั้งใจทำนะอย่าขี้เกียจ”
ไรเดอร์ได้ฟังประโยคที่เจ้าเพื่อนตัวดีพูดเมื่อกี้ถึงกับเบิกตากว้าง เขาไม่อยากจะโม้ไม่อยากจะคุยมัน ณ ตรงนี้ไปเลยว่าเจ้าเด็กนี้มันขยันกว่าพวกเราตั้งหลายเท่า นายสั่งให้มันทำอะไรมันก็ทำแถมยังโดนแกล้งรับน้องไปเมื่อช่วงสายยังมีแรงไปขัดโซ่ที่โกดังต่อ
เด็กสาวพยักหน้ารับสิ่งที่อารอล์ฟบอก เธอไม่คิดมากหรอกแค่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาก็พอแล้ว การแจกจ่ายอาหารเย็นทำเอาเธอปวดแขนคิดว่าผลพ่วงคงรวม ๆ จากการทำงานตั้งแต่เช้านั่นแหละ เวลาพักก็แทบไม่มีเธออยากจะเอนหลังพักแล้วแต่ท้องยังร้องหิวอยู่จึงเดินไปหหลังครัวหยิบส่วนของตนเองออกมา
เธอไม่ได้นั่งกินภายในโรงอาหารแต่เลือกที่จะเดินหลบไปนั่งกินตรงม้านั่งแถวทางเดินกลับบ้านพักแทน เธอเพิ่งสังเกตเห็นว่าแถวนั้นมีธารน้ำเล็ก ๆ ไหลผ่านอยู่ด้วย เธอเลยอยากไปนั่งฟังเสียงธรรมชาติเพื่อผ่อนคลายสภาพจิตใจบ้าง ซึ่งจุดนี้ไม่มีแสงไฟคบเพลิงเธอจึงถือวิสาสะแอบยกมาตั้งไว้ใกล้ ๆ ประมาณ 2 จุด
บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ ไม่มียุงหรือแมลงมากวนใจ เธอรู้สึกว่าเวลาเย็นของที่นี่มืดเร็วทำให้ตอนนี้พระจันทร์ได้โผล่หน้าออกมาให้เห็นแล้ว สายลมเย็น ๆ พัดผ่านไม่ร้อนอบอ้าว เด็กสาวยกยิ้มเล็กน้อยซึมซับบรรยากาศอย่างเงียบเชียบจนพอใจ
ร่างเล็กจึงเตรียมเปิดกล่องอาหารที่หยิบออกมาเพื่อกินทดแทนพลังงานที่ถูกใช้ไปทั้งวัน
“ข้าขอนั่งด้วยคนได้ไหมไอ้หนู?”
เกรเทลค่อย ๆ เงยหน้าหันไปทางต้นเสียง ซึ่งนางคิดไว้แล้วแหละว่าอีกฝ่ายเป็นใครไม่ได้นอกเสียจากเจ้านายของเธอที่ชอบโผล่ไปไหนมาไหนตามใจชอบ
…อีตาหัวผัก…
ทำไมเขาขยันมาหาเธอจังเลยชักสงสัยแล้วสิว่าเขาเป็นเกย์หรือเปล่า จากที่สังเกตพฤติกรรมดูเขาไม่ค่อยจะสุงสิงกับใครมากนักหรือเธอะเข้าใจผิดไปเอง?
“ถ้าท่านจะนั่งก็นั่งเถอะ”
เธอก็ไม่ใช่คนใจร้ายที่ใครมาขอนั่งด้วยจะรังเกียจ ร่างบางจึงเขยิบก้นไปด้านข้างเล็กน้อยให้เขาเบียดได้ วอลล็อคค่อย ๆ นั่งลงแล้วมองสิ่งที่เกรเทลถืออยู่มันคือกล่องอาหารที่คนครัวมักแบ่งแยกเอาไว้กันเอง
“ข้าไม่เข้าใจว่าท่านชอบเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญเหรอ?”
เด็กสาวขอพูดเหน็บเขาบ้าง เธอมั่นใจว่าไม่ได้รู้สึกไปเองคนเดียวเพราะหลายครั้งที่เขาไม่ยืนอยู่ก็มักมามีส่วนร่วมในวงสนทนาเสมอ เหมือนเขาวาปไปได้ทุกที่ที่อยากไปอย่างไรอย่างนั้น
ใบหน้าหล่อยกยิ้มน้อย ๆ แต่เลือกที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแทน
“ดูสิเจ้าไม่ได้ขโมยอาหารแล้ว”
ร่างเล็กหันขวับตาโตเจ้าหมอนี่มันจะแซวไม่เลิกเลยหรือไงกันว่างนักเหรอ
“ข้าก็ไม่ได้ขโมยแล้วไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าเขาจะเข้าใจข้าผิดไปใหญ่”
ชายหนุ่มยิ้มขำกับคำพูดคำจาของเด็กทาสคนนี้ จังหวะเสี้ยววินาทีที่เขากำลังจะพูดตอบกลับไปอีกฝ่ายก็พูดตัดหน้าเขา
“อ่อจริงสิข้าจะคืนสิ่งนี้ให้ท่าน”
เกรเทลก้มลงไปหยิบถุงผ้าที่เฟียซเคยให้เธอไว้ตั้งแต่แรก เธอเปลี่ยนมันมาเป็นกระเป๋าบรรจุข้าวของต่าง ๆ เพื่อที่เวลาไปไหนมาไหนจะได้หยิบใส่ไปได้ทุกที่ มือเรียวเปิดถุงออกแล้วล้วงลงไปหยิบเอากล่องอาหารที่ทำจากไม้เมื่อกลางวัน ส่งคืนให้วอลล็อคผู้เป็นเจ้าของ
คนผมสีเขียวเอียงคอมองเล็กน้อยแล้วยื่นมือออกไปรับมา
“ขอบคุณท่านด้วย…ที่แบ่งอาหารมาให้ข้า”
แม้ว่ามันจะดูไม่เหมือนของเหลือตามที่เขาพูดเลยก็ตาม แต่ถ้าไม่มีอาหารมื้อนั้นเธอคงไม่มีแรงไปนั่งขัดโซ่แน่ ๆ เพราะใช้พลังงานหมดไปกับจัดระเบียบกรงเหล็กหมดแล้ว
ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำขอบคุณ เขารู้สึกเอ็นดูความถ่อมตนแปลก ๆ ของมัน ในบางครั้งก็ดูนอบน้อม บางครั้งก็ดูดื้อรั้น บางครั้งก็ดูไม่ยอมคน จากวันแรกที่เขาเจอมันนั่งแห้งอยู่ในกรงทาส หน้าตามันดูเหม่อยากลอยเหมือนคนไร้วิญญาณแต่จากนั้นไม่นานแววตาก็เปลี่ยนไปราวคนละคน
เกรเทลเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไรต่อเธอก็หันมาเปิดกล่องข้าวที่เป็นมื้อเย็นของตนเอง ทว่าตอนที่กำลังจะตักข้าวคำแรกเข้าปากเธอก็ชะงักกลางอากาศ หางตาเหลือบมองไปยังอีกฝ่ายว่าทำไมยังนั่งมองเธออยู่
“นาย…มองข้าทำไม”
เกรเทลรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่มีคนจ้องตอนทานข้าวจึงเอ่ยปากถามออกไปด้วยความสงสัย
“หื้ม? เปล่านิข้าก็มองไปเรื่อย”
คำตอบของวอลล็อคทำเอาเธอขมวดคิ้วมุ่นเป็นโบ ไม่เข้าใจว่าเขาตอบแบบนั้นจริง ๆ หรือแค่อยากกวนตีนเธอเล่น เพราะถ้าเป็นอย่างหลังเธอจะไม่ทนนั่งอยู่ตรงนี้แล้ว อยากนั่งก็นั่งไปคนเดียวคนเขาจะกินข้าวเงียบ ๆ ยังจะมากวนใจอยู่ได้
“เฮ้อ…แล้วท่านทานข้าวหรือยัง”
แม้ว่าเธอจะเหนื่อยใจกับผู้เป็นเจ้านายแค่ไหนแต่ก็เพื่อไม่ให้บรรยากาศมันอึดอัดไปมากกว่านี้ เธอเลือกถามไถ่สารทุกข์สุกดิบแทนเขาคงจะไม่กัดเธอตอบหรอกนะ
“ยัง”
“อ้าวทำไม…”
เกรเทลตกใจกับคำตอบที่ได้ยินจากเขาพอสมควร เป็นถึงนายใหญ่ของที่นี่แต่ทำไมไม่กินข้าวให้ตรงเวลา คนงานที่นี่ทุกคนพอเวลาพักก็พักกันตรงเวลาเป๊ะ ๆ ไม่มีขาดไม่มีเกินเสมือนกลัวโดนเอารัดเอาเปรียบ
“เพราะกล่องข้าวของข้าอยู่ที่เจ้าไง”
“ห๊ะ?”
ประโยคต่อมายิ่งทำให้เธอตกใจหนักยิ่งกว่าเดิม เขามุ่ยหน้าพยักพเยิดไปทางกล่องเปล่าในมือตนเอง นั้นหมายความว่าที่เขาไม่ได้กินข้าวเย็นเพราะไม่มีกล่องข้าวใช่ไหม? แล้วทำไมถึงไม่ใช้จานที่ครัวหรือหากล่องอื่นมาใส่แทนอ่ะ
“ข้าแค่ไม่ชอบใช้ของร่วมกับใครนักถ้ามันไม่จำเป็น”
แต่ดันให้เธอยืมกล่องข้าวกลางวันเนี่ยนะ นายเป็นบ้าหรือสติไม่ดีกันแน่เนี่ย เธอเชื่อแล้วว่าเจ้านายคนนี้แปลกคนสุด ๆ คนหนึ่ง
“ข้าขอโทษด้วยที่ทำให้ท่านไม่ได้ทานข้าวเย็น ถ้าไม่เกรงใจเอาส่วนของข้าไปแทนไหม”
เกรเทลแสดงความมีน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่าที่เธอจะทำได้ถือเสียว่าชดเชยที่เขาอุตส่าห์เสียสละกล่องข้าวกลางวันให้เธอยืมไป
“ไม่ต้องหรอกเจ้ากินไปเถอะ ข้ากลัวเจ้าหิวแล้วไปขโมยอาหารอีก”
ปฏิเสธแบบปกติไม่ได้ต้องพูดจาเหน็บแนมคืนเป็นคำสร้อยหรือไง ท่าทางเขาจะอยากเปิดศึกน้ำลายกับเธอเข้าสักวัน ถ้าเขาไม่กินเธอก็ไม่มีความจำเป็นต้องเซ้าซี้อีกฝ่าย ดีเหมือนกันเธอจะได้อิ่ม ๆ ท้องตึงคนเดียวปล่อยให้เขาหิวไปเถอะหมั่นไส้
จากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมพวกเขาทั้งสองคน คนหนึ่งตักข้าวกินเคี้ยวจนแก้มตุ่ย ส่วนอีกคนเงยหน้ามองท้องฟ้าหูฟังเสียงน้ำลำธารไหลไปอย่างเงียบ ๆ ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาสักประโยคเหมือนต่างฝ่ายต่างปล่อยให้เวลาเดินผ่านไป มีเพียงเสียงจากเจ้าจิ้งหรีดเรไรดังรอบบริเวณ
“พรุ่งนี้เจ้าก็อย่าลืมงานที่ข้าสั่งเชียวล่ะ มิฉะนั้นข้าจะเป็นคนไปลากเจ้าที่บ้านพักด้วยตนเอง”
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเตือนเด็กหนุ่มข้างตัวพร้อมลากสายตามามองใบหน้าหวานที่กำลังเคี้ยวข้าวไม่หยุด
…มองไปมองมาคล้ายกระรอกเหมือนกันแฮะ…
เกรเทลกลืนข้าวคำสุดท้ายก่อนขานตอบรับ ไม่บอกเธอก็จำได้หรอกก็สัญญาไว้ว่าจะทำงานให้หนักกว่าเดิมสองเท่าใครจะไปลืมได้ลง หรือว่าการที่เขาโผล่มาให้เธอเห็นหน้าบ่อย ๆ แบบนี้จะเป็นสัญญาเตือนว่า…ห้ามลืมหน้าที่หรือเปล่านะ
“ขอรับ แต่ว่าบ้านพักของนายท่านอยู่ไหน”
“ถัดจากลานส่วนกลางไปทางขวาประมาณ 500 เมตร บ้านพักที่ทำจากไม้สน ส่วนหน้าบ้านจะมีต้นวิลโลว์ต้นใหญ่ขึ้นอยู่สังเกตเห็นง่ายเจ้าหนู”
เมื่อวอลล็อคเห็นเด็กหนุ่มพยักหน้าเข้าใจเขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงคว้าเอากล่องไม้ติดมือไปด้วยเตรียมกลับที่พัก
“ข้าไปล่ะ คืนนี้เจ้าก็พักผ่อนให้เยอะ ๆ พรุ่งนี้ยังมีงานอีกมากให้เจ้าทำ”
กล่าวเสร็จเจ้านายผมสีเขียวเข้มโดดเด่นก็เดินหายไปในความมืด ทิ้งให้เด็กสาวนั่งมึนงงกับพฤติกรรมอยากจะมาก็มาอยากจะไปก็ไปของอีกฝ่าย จนเธออดบ่นพึมพำขึ้นมาคนเดียวไม่ได้
“อะไรของหมอนี่กันนะ”
------
คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ได้นะคะ
หากพบคำผิด แก้ไขติชมโปรดคอมเมนต์อย่างสุภาพไรท์ยินดีปรับปรุงแก้ไขค่ะ
***
Talk with writer
รี้ดคิดว่านังวอลดี้เหงามากไหมให้ลองทายเล่น ๆ แต่ไรท์ว่านางเหงาแหละเพราะไม่มีลูกน้องคนไหนยอมเล่นด้วย555
****
แวะมาพูดคุยเล่นหรือดูอัพเดตเกี่ยวกับนิยายไรท์ได้ที่
Facebook : C.T.Tiana
X (Twitter) : @Ccttiana