นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 485 - ล่า!
“ศิษย์พี่ลืมไปแล้วหรือยังไงว่าพวกเราต้องจับเป็น!” เสียงที่ดังขึ้นของหมิงซูแสดงอาการไม่พอใจออกมาเล็กน้อย
แต่ลู่เซิงเพียงแค่โบกมือให้เธอเบา ๆ เท่านั้น “ไม่ต้องเป็นกังวลไป ฉันรู้อยู่ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ ร่างกายของเจ้าหมอนั่นแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาด และถ้าดูจากการที่พวกเรายังไม่ได้ตัวมันกลับมา ดีไม่ดี! เจ้านั่นอาจจะไม่ได้หมดสติไปอย่างที่ฉันคิดเสียด้วยซ้ำ!”
สีหน้าของหมิงซูเคร่งขรึมขึ้นมาทันที เสียงที่เอ่ยตามออกมานั้นเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก “ที่ศิษย์พี่พูดมาก็ไม่ผิด ฉันจะตามไปช่วยพวกเขาอีกแรงก็แล้วกัน ศิษย์พี่อยู่ที่นี่คนเดียวได้ใช่มั้ย? อาการบาดเจ็บดูเหมือนจะไม่เบาเลย!”
ชายหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่เป็นไรหรอก! ไม่มีอะไรร้ายแรงมากนัก ฉันยังป้องกันตัวเองได้อย่างสบาย เธอนั่นแหละต้องระวังตัวเอาไว้ พลังยังฟื้นฟูได้ไม่สมบูรณ์แบบนี้ อย่าประมาทเป็นอันขาด!”
ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะไม่ได้ฟังคำเตือนเลยแม้แต่นิดเดียว คิ้วของเธอขมวดแน่นเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรที่สำคัญบางอย่างอยู่
“เอาตามนี้ก็แล้วกัน ฉันจะฟื้นฟูร่างกายอยู่ที่นี่ หวังว่าพวกเธอจะกลับมาพร้อมกับข่าวดีในเวลาไม่นานนัก” ลู่เซิงสรุปพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบา ๆ
หมิงซูเหมือนจะได้สติ เธอหันมาพยักหน้าให้เขาพร้อมกับมือที่เริ่มเคลื่อนไหว หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของหญิงสาวก็ค่อย ๆ พร่าเลือนจนหายไปในที่สุด
ประกายอันแปลกประหลาดทอขึ้นในดวงตาของลู่เซิงแวบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะหลับตาเพื่อทำสมาธิต่อไป
..........
ฟุ่บ!!
ร่างของชายหนุ่ม 5 คนพุ่งผ่านป่าทึบมาอย่างรวดเร็ว สายตาของพวกเขาสอดส่ายตรวจสอบไปรอบบริเวณอย่างละเอียดตลอดเส้นทางที่ผ่านมา คลื่นสมองถูกรวบรวมเอาไว้ที่ดวงตาของทุกคน เป้าหมายที่พวกเขาต้องการเสาะหาไม่สามารถเล็ดรอดจากสายตาไปได้อย่างแน่นอน
ตอนนี้พวกเขาหยุดตัวลงตรงจุดที่มีร่องรอยถูกกระแทกอย่างแรงอยู่บนพื้น และกระจายตัวออกหันมองไปรอบข้างด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม พยายามอย่างเต็มที่ในการมองหาร่างที่นอนหมดสติอยู่ หรือแม้แต่ร่องรอยการเคลื่อนไหวที่เป้าหมายทิ้งเอาไว้
“ให้ตายสิ! เจ้านั่นหายไปได้อย่างไร? หรือว่ามันจะไม่บาดเจ็บหนักอย่างที่คิด เป็นไปได้มั้ยว่ามันจะหนีออกไปแล้ว” หลังจากที่ใช้เวลาตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่ง เสียงที่ลังเลเป็นอย่างมากก็ดังขึ้นแบบต้องการความคิดเห็น
“เป็นไปไม่ได้! นายก็เห็นพลังของการโจมตีนั่นกับตา แค่หัวหน้าบอกว่ามันยังไม่ตายฉันก็แทบจะไม่เชื่อแล้ว ถ้าจะบอกว่ามันยังมีสติและเหลือแรงอยู่พอที่จะหนีไป! ไม่มีทางเป็นไปได้แน่ เจ้านั่นยังเป็นแค่ผู้ก่อพลังอยู่เท่านั้นนะ การโจมตีของหัวหน้าแม้แต่ผู้ก่อปฐพีระดับสมบูรณ์ก็ไม่รอดหรอก” เสียงของอีกคนคำรามปฏิเสธออกมา
“แต่! เจ้านั่นดูเหมือนจะไม่ธรรมดาเลยนะ! นายไม่เห็นทักษะระดับปฐพีที่อีกฝ่ายใช้ออกมาหรือยังไง? แล้วหมัดที่ทำร้ายศิษย์น้องหญิงนั่นอีก ดูเหมือนว่าร่างกายของเจ้าเด็กนั่นจะแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกฝนคลื่นสมองส่วนใหญ่อยู่ไม่น้อย ดาบของศิษย์พี่ฟันใส่หลังของมันเต็ม ๆ ถ้าเป็นคนอื่นคงขาดเป็น 2 ท่อนไปแล้ว แต่เจ้านั้นแทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย!” ชายคนแรกโต้เถียงออกมาอย่างไม่ลดละ
“พอได้แล้วทั้งคู่! ไม่ต้องเถียงกัน หน้าที่ของพวกเราคือหาตัวมันให้เจอ ไม่ใช่มาทะเลาะเถียงกันว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งแค่ไหน รีบตรวจให้ไกลออกไปอีกหน่อยดีกว่า ต่อให้อีกฝ่ายไม่หมดสติ! อาการบาดเจ็บก็คงไม่เบาแน่ เท่าที่เห็นตอนนี้ ถ้าไม่ได้กระเด็นไปไกลกว่านี้ ก็คงคลานหนีไปได้ไกลนักหรอก” เสียงของอีกคนดังห้ามขึ้นมา สายตาของเขาก็แสดงความกังวลออกมาเล็กน้อยแล้วเช่นกัน
“ทางนี้!!” เสียงตะโกนดังลั่นออกมาจากชายคนหนึ่งที่เดินสำรวจอยู่ห่างออกไปไกลที่สุด อีก 4 คนที่เหลือเลิกโต้เถียงกันและพุ่งเข้าไปรวมตัวกันอยู่ที่เขาทันที
“นายเจออะไร?” แต่ละคนรีบถามออกมาอย่างเร่งร้อน
“รอยเลือดกับกิ่งไม้หักเป็นทาง แต่ไม่มีรอยเท้าของมนุษย์ที่ชัดเจน!” ชายหนุ่มที่เจอร่องรอยเบาะแสตอบกลับมาเบา ๆ สายตาของเขายังสอดส่ายมองพื้นที่รอบ ๆ อยู่อย่างละเอียด
“เจ้าหมอนั่นไม่หมดสติ! แถมยังหนีออกมาได้ไกลถึงขนาดนี้เลยหรือ? เป็นไปไม่ได้แน่!” เสียงของอีกคนกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น สายตาของเขาก็เริ่มสอดส่ายมองหารอยเลือดอื่นอย่างขะมักเขม้นแล้วเช่นกัน
“ไม่! ดูเหมือนว่าเจ้านั่นจะไม่ได้เดินมาด้วยตัวเอง ไม่มีรอยเท้ามนุษย์เลยอย่างที่บอกจริง ๆ บางทีอาจจะถูกสัตว์อสูรคาบมาก็ได้!” เสียงอีกคนออกความเห็น ก่อนจะเสนอแนะต่อ
“พวกเรากระจายตัวออกจากจุดนี้ ลองดูว่ามีร่องรอยของสัตว์อสูรหรือรอยเลือดอะไรเพิ่มเติมอีกมั้ย ระบุทิศทางให้ได้ก่อนว่าเจ้านั่นถูกพาไปทางไหน?”
“เป็นไปได้มั้ยว่าจะมีกลุ่มอื่นฉวยโอกาสมาพาตัวเจ้าเด็กนั่นไปแล้ว” เมื่อคำคาดเดานี้ดังขึ้น สีหน้าของทุกคนก็กลายเป็นดำมืดอย่างช่วยไม่ได้ ความเป็นไปได้มันสูงกว่าการโดนสัตว์อสูรคาบแบบเทียบกันไม่ติด
ท่าทางของทุกคนเปลี่ยนเป็นเตรียมพร้อมสูงสุด และขยับตัวเข้ามารวมกลุ่มกันตามสัญชาตญาณ สายตาถูกสอดส่ายไปทั่วบริเวณ มันไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงพื้นดินเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ตามยอดไม้ที่หนาทึบก็ถูกจ้องมองอย่างละเอียด แม้ว่าตอนนี้ดวงอาทิตย์จะเพิ่งลับขอบฟ้าไป ทำให้ทั่วทั้งฝืนป่าหลงเหลือแต่ความมืดมิด แต่ผู้ฝึกฝนคลื่นสมองทุกคนมีประสาทสัมผัสที่เหนือกว่าคนปกติมาก ความมืดไม่เป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นของพวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“ตรงนั้น!” เสียงตวาดดังขึ้นมาพร้อมกับการชี้มือออกไปที่จุด ๆ หนึ่งอย่างเร่งร้อน สายตาอีก 4 ครู่ที่เหลือหันมาจ้องตามอย่างเคร่งเครียด พุ่มไม้บริเวณที่ถูกชี้มือเข้าไปนั้นไหวสั่น ประกายสีแดงเหมือนกับเป็นดวงตาวูบไหวให้เห็นอยู่ราง ๆ
“แค่สัตว์อสูรระดับ 1 เท่านั้นเอง!” หนึ่งในหมู่พวกเขาแค่นเสียงออกมา ดาบบินลอยออกจากแขนเสื้อไปทันทีที่กล่าวจบ
ตูม!!
รัศมี 1 เมตรรอบพุ่มไม้แหลกสลายลงไปทันตา กระต่ายเขาเดียวตัวหนึ่งกระโจนขึ้นอย่างตื่นตระหนก น่าเสียดาย! เลือดที่ไหลทะลักออกมาจากอกของมันทำให้ไม่สามารถไปไหนได้ไกลนักเลย
“เห็นมั้ย! แค่กระต่ายตัวเล็ก ๆ เท่านั้น! เจ้าตัวนี้คาบคนไปไม่ได้แน่!” เขาหันหลังมากล่าวกับเพื่อนร่วมทีมด้วยสีหน้าที่ภาคภูมิใจกับสายตาของตัวเอง ก่อนที่มันจะกลายเป็นซีดเผือดลงอย่างทันตา เสียงที่เปล่งออกจากปากหลังจากนั้นฟังออกมาแทบจะไม่เป็นคำพูดเสียด้วยซ้ำ
“ป-ปะ ป-ปี ปีศาจ!!”
“หือ? เลิกล้อเล่นได้แล้ว! พวกเรามาปรึกษากันดีกว่าว่าจะทำอะไรกันต่อไปดี จะตามต่อหรือกลับไปรายงานข่าวให้หัวหน้ารู้! บางทีพวกเราอาจจะต้องแบ่งกลุ่มกันทำงานแล้ว” เสียงของอีกคนดังขึ้นอย่างเคร่งขรึม ไม่ได้ให้ความสนใจกับสีหน้าที่แตกตื่นตกตะลึงที่เพื่อนร่วมทีมแสดงออกมาเลย
“นายพูดถูก! ฉันว่าพวกเราตามต่อไปดีกว่า ส่งคนกลับไปรายงานศิษย์พี่ลู่แค่คนเดียวเท่านั้นก็พอ ที่เหลือตรวจสอบพื้นที่บริเวณนี้ให้ละเอียดอีกครั้ง ถ้ามีใครมาพาตัวเจ้านั่นไปจริง ๆ พวกนั้นต้องทิ้งร่องรอยเอาไว้อย่างแน่นอน พวกเรามาตกลงแบ่งพื้นที่ตรวจสอบกันก่อน” อีกคนเสริมออกมาแบบเห็นด้วย
ไม่มี! ไม่มีใครให้ความสนใจชายหนุ่มที่กำลังหวาดกลัวเลยแม้แต่คนเดียว พวกเขากำลังขยับตัวไปรวมกลุ่มเพื่อปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรต่อไป หัวหน้ากลุ่มถึงจะได้ไม่ระเบิดโทสะใส่ สายตาของทุกคนกำลังกวาดมองไปรอบ ๆ อย่างเคร่งเครียด นี่มันไม่ใช่สถานการณ์ที่ดีนักเลย
มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้ขยับเข้าไปรวมกลุ่มกับคนอื่น ชายหนุ่มที่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึงคนนั้นนั่นเอง ตอนนี้ปากของเขาถูกปิดเอาไว้ได้ด้วยฝ่ามือที่เหมือนกับกงเล็บขนาดใหญ่ ต้นคอถูกฝังลงไปด้วยเขี้ยวที่ทั้งยาวและแหลมคม ดวงตาที่ตื่นตระหนกเริ่มกลายเป็นไร้แวว ร่างกายอ่อนระทวยเพราะเลือดนั้นถูกสูบออกไปจนหมด แม้ว่าอยากจะส่งเสียงร้องขึ้นมาอีกครั้งก็ทำไม่ได้ ปีศาจตนนี้เร็วเกินไป!!
ชายหนุ่มผู้โชคร้ายรู้สึกว่าร่างของตัวเองถูกจับวางลงบนพื้นอย่างนุ่มนวล และก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายจะหยุดลง ดวงตาที่ไร้แววของเขาเห็นปีศาจตนนั้นกำลังมุ่งหน้าไปจู่โจมเพื่อนร่วมทีมคนอื่นอย่างต่อเนื่อง มันมีรูปร่างเหมือนกับมนุษย์ แต่แขนขวาและร่างกายซีกขวาแทบจะเหลือแต่กระดูกเท่านั้น ดวงตานั้นสีแดงกล่ำเป็นสีเลือด ปากที่ขยายกว้างนั้นมีเขี้ยวยาว 2 คู่โผล่ออกมา ปีศาจ! เขาหมดลมหายใจไปด้วยคำ ๆ นี่ที่วนเวียนอยู่ในหัว ปีศาจ!