1272 - โลงศพเก้าสวรรค์
1272 - โลงศพเก้าสวรรค์
“อย่าบอกนะว่าเทพตนนั้นมีขนาดเท่าฝ่ามือ?”
วานรศักดิ์สิทธิ์หัวเราะเยาะ เขาเป็นสิ่งมีชีวิตจากยุคโบราณ แน่นอนว่าความรู้เกี่ยวกับเทพอมตะของเขาย่อมไม่มีผู้ใดเทียบได้
“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่เคยได้ยินเรื่องที่เทพมีร่างกายเล็กขนาดนี้ แต่นั่นคือโลงศพอย่างแน่นอน” ต้วนเต๋อครุ่นคิด
“ไปเร็วเข้า!” ฉีลั่วเตะก้นเขา
ตอนนี้ไม่ตกลงเวลาที่จะต้องฟุ้งซ่าน เพราะอันตรายอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และแม้แต่ตัวเขาที่เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มยังยากที่จะเอาตัวรอดได้
“ไม่ พวกมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแต่ตายไปแล้ว!”
ทันใดนั้นตงฟางเย่ก็กล่าวขึ้น เขาอาศัยอยู่ในภูเขาและหนองน้ำตลอดทั้งปี และไวต่อพลังปราณของสัตว์ป่าทุกชนิด ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าแมลงทั้งสองตัวเป็นเพียงซากศพเท่านั้น
“แบบนี้เสี่ยงมากถ้าพวกมันยังเป็นสิ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ล่ะ?” ฉีลั่วกล่าว
“ข้าจะกลับไปเอง อย่างน้อยที่สุดต่อให้แย่งชิงมันมาไม่ได้ข้าก็จะหลบหนีเข้าไปยังส่วนลึกของวิหารบรรพชนเพื่อตามหาสมบัติเอง” เย่ฟ่านกล่าว
“ข้าแน่ใจว่าแมลงศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองนั้นไร้ชีวิตจริงๆ” ฟางเย่กล่าวด้วยความมั่นใจ
“สัญชาตญาณของคนเถื่อนนั้นแม่นยำมาก ข้าเชื่อว่าเขาต้องพูดไม่ผิด” ต้วนเต๋อกล่าว
"ในกรณีนี้ อย่าไปทั้งหมด ต้องทิ้งคนไว้ข้างหลังบ้าง” เย่ฟ่านกล่าว
ในท้ายที่สุดเย่ฟ่านและฉีลั่วก็นำหม้ออสูรกลืนสวรรค์ไปด้วย ในเวลาเดียวกันจี้จื่อเยว่ก็ปฏิเสธที่จะแยกจากเย่ฟ่าน ซึ่งคนอื่นๆทำได้เพียงถอนหายใจและรอคอยอยู่ด้านนอก
ทันทีที่ทั้งสามเข้าไปข้างในพวกเขาเริ่มเลียนแบบเสียงกรีดร้องต่างๆ ซึ่งฟังดูเศร้าอย่างยิ่ง
ผู้คนที่ได้ยินเสียงโหยหวนต่างก็รีบวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว พวกเขารู้ว่าเซียนอสูรเหล่านั้นจะต้องแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อพวกเขาจึงรีบหลบหนีให้เร็วที่สุดก่อนที่ตัวเองจะเป็นเหยื่อรายต่อไป
ฉีลั่วและจี้จื่อเยว่ใช้หม้ออสูรกลืนสวรรค์ปลดปล่อยพลังออกมาห่อหุ้มร่างกายในขณะที่พวกเขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อสำรวจแท่นบูชาอีกครั้ง
แท่นบูชาที่อาบไปด้วยเลือดนอนอยู่บนพื้น มันถูกผู้ยิ่งใหญ่บางคนเตะไปด้านข้างราวกับเศษขยะ แต่ต้วนเต๋อบอกว่าแท่นบูชานี้เป็นหนึ่งในของวิเศษเช่นกัน
มันถูกสร้างขึ้นมาจากหินมีความสูงประมาณหนึ่งวา หากสังเกตดีๆก็เห็นแท่นท่านบูชานี้แม้จะมีลักษณะเรียบง่ายแต่ในความเป็นจริงแล้วมันถูกสร้างขึ้นมาอย่างปราณีต
แมลงสังหารเทพจ้องมองพวกเขาอย่างเย็นชาจากในบ่อโลหิต อย่างไรก็ตามหากสังเกตดีๆจะเห็นว่าดวงตาของพวกมันไม่ได้ส่องประกายแม้แต่น้อย
“ตายจริงๆ!” ฉีลั่วกล่าว
เย่ฟ่านสังเกตอย่างระมัดระวังและถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขาไม่รู้ว่าราชวงศ์อวี้หัวใช้วิธีการใดในการควบคุมเซียนอสูรทั้งสอง แต่โดยข้อสรุปพวกมันตายไปแล้วอย่างแน่นอน
ฉีลั่วเดินไปข้างหน้าและหยิบร่างกายของแมลงสังหารเทพขึ้นมาดูด้วยความระมัดระวัง
ไม่มีการต่อต้านใดๆ แมลงสังหารเทพทั้งสองตายไปนานหลายปีแล้วจริงๆ สิ่งที่คอยเติมพลังให้พวกมันสามารถเคลื่อนไหวได้ก็คือต้นกำเนิดสวรรค์นั่นเอง
ทันทีที่แมลงแยกตัวออกจากต้นกำเนิดสวรรค์ร่างของพวกมันก็อ่อนระทวยลงกับพื้น อย่างไรก็ตามนี่คือสิ่งมีชีวิตระดับเซียนเพียงเลือดหยดเดียวของมันก็สามารถสังหารปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดายแล้ว
“นี่เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ ร่างกายของพวกมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าราชาปราชญ์โบราณด้วยซ้ำ เราสามารถใช้มันเป็นร่างอวตารเซียนได้”
“นี่มันเหมือนโลงศพจริงๆ” จี้จือเยว่กล่าวอย่างสงสัยและหยิบกล่องหินมาไว้ในมือ
ทั้งสามคนสังเกตอย่างระมัดระวังที่นี่ และพวกเขาก็ตกตะลึง เลือดที่หยดจากร่องเลือดทั้งหมดที่ไหลมาจากทั่ววิหารบรรพชนดูเหมือนจะถูกกลั่นกรองเข้าสู่กล่องหินนี่เอง
“มีคราบเลือดของสิ่งมีชีวิตทรงพลังอยู่ตรงนี้ อาจจะเป็นเลือดของปราชญ์ก็ได้!” จี้จื่อเยว่กล่าว นางใช้มือที่บอบบางของนางถูกล่องหิน
“แม้ว่าจะผ่านไปกว่าสองแสนปีและไม่มีแก่นแท้เหลืออยู่แล้ว แต่มันก็เป็นเลือดบริสุทธิ์อย่างยิ่ง และมันยังเป็นสีแดงอยู่”
ทั้งเย่ฟ่านและฉีลั่วรู้สึกว่าหนังศีรษะของพวกเขาเริ่มชาด้าน ต่อให้เป็นเลือดของเสมือนจักรพรรดิก็ไม่มีทางที่จะคงลักษณะแดงเช่นนี้หลังจากผ่านไปสองแสนปีแล้ว หรือมันเป็นเลือดจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่!
“สิ่งที่อยู่ในโลงศพนี้หรือว่าจะเป็นเทพจริงๆ” แม้แต่ฉีลั่วยังสั่นสะท้าน
นี่เป็นไปตามสิ่งที่ต้วนเต๋อกล่าวไว้ มันเป็นโลงศพโบราณแห่งเทพ และอาจมีสิ่งล้ำค่าบางอย่างอยู่ภายใน?
เมื่อมองดูงานแกะสลักและลวดลายโบราณบนกล่องหิน พวกเขารู้สึกถึงความผันผวนของชีวิต
“ออกจากที่นี่ก่อนแล้วหาสถานที่ที่ไม่มีใครเปิดมัน” จี้จื่อเยว่กล่าว
จากนั้นพวกเขาก็กลับมารวมตัวกันและหายออกไปจากชั้นที่สามสิบสามทันที
โลกบนชั้นที่สามสิบสองนั้นมืดมน พื้นดินแห้งและแข็ง เงาของป่าหมุนวนและมีหมอกดำเป็นแถบปกคลุมโลกทั้งใบอย่างแน่นหนา
เย่ฟ่านและคนอื่นๆ ค้นหาที่หลบซ่อนตัว ในเวลาต่อมาก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้นภายในชั้นที่สามสิบสอง
“มีข้อตกลงใหม่เกิดขึ้นแล้ว หลังจากนี้มหาอำนาจทั้งหมดจะระดมกำลังอย่างเต็มที่เพื่อแย่งชิงสมบัติที่อยู่ภายในออกไปให้ได้!”
คนที่กล่าวว่าจะหยุดเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อไปว่า “สหายเต๋าทุกท่านที่ไม่ต้องการได้รับอันตรายโปรดถอยออกไป ครั้งนี้มหาอำนาจทั้งหมดจะยกระดับมาตรการตอบโต้ความชั่วร้ายในวิหารนี้แล้ว”
“นี่เป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนของการโจมตีขนาดใหญ่ พวกเขาจะใช้อาวุธเต๋าสุดขั้วอย่างเต็มกำลัง” วานรศักดิ์สิทธิ์ประหลาดใจอย่างมาก
“บูม!”
รัศมีของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็กวาดเข้ามาในประตูหิน สิ่งที่ปรากฏขึ้นในชั้นที่สามสิบสามคือกระบี่จักรพรรดิไท่หวงแห่งราชวงศ์เซี่ยนั่นเอง
พวกเขาเป็นกลุ่มแรกที่ต้องการเข้าไปขุดค้นบ่อโลหิตเพื่อแย่งชิงกล่องหินใบนั้นออกมา แต่สุดท้ายพวกเขาก็ล้มเหลวไม่ได้รับอะไรเลย
“สองสามชั้นสุดท้ายอาจมีอันตรายมากกว่า และเป็นการยากที่จะก้าวไปข้างหน้าโดยไม่มีอาวุธจักรพรรดิ พวกเราควรถอยกลับไปดีกว่า”
ผู้คนมากมายที่เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ในชั้นที่สามสิบสองเริ่มถอยกลับ พวกเขารู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถแข่งขันกับยอดฝีมือผู้ครอบครองอาวุธเต๋าสุดขั้วได้
เย่ฟ่านยื่นกล่องหินให้ “ผู้เชี่ยวชาญ” เกี่ยวกับโลงศพเพียงคนเดียวในกลุ่มของพวกเขาตรวจดู
“นี่คือ...โลงศพวิญญาณไร้ขอบเขต!”
สีหน้าของต้วนเต๋อดูเคร่งขรึมอย่างยิ่ง เขาปล้นสุสานมาตลอดชีวิต แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นโลงศพในตำนานเช่นนี้ มือของเขาอดไม่ได้ที่จะสั่นเทา ตามที่เขากล่าวโลงศพนี้เก่ามาก และอาจมีอายุหลายล้านปี
เมื่อพูดถึงเรื่องยุคโบราณทุกคนจึงสอบถามความเห็นของวานรศักดิ์สิทธิ์
วานรศักดิ์สิทธิ์เพียงส่ายหน้าและกล่าวว่า “ในยุคโบราณมีเผ่าพันธุ์ไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่สร้างโลงศพให้กับบรรพชนของตัวเอง และในยุคที่ข้าเกิดมาบิดาของข้าเป็นผู้ปกครองโลก ดังนั้นข้าจึงให้ความสนใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมของเผ่าอื่นๆน้อยมาก”
“หากกล่าวถึงเรื่องสิ่งที่ถูกฝังไว้ในดินนอกจากปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์แล้วข้าเชื่อว่าตัวข้าคือคนที่มีความรู้มากที่สุด” ต้วนเต๋อกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มสูดดมโลงศพเพื่อค้นหาร่องรอยของพลังชีวิตที่อยู่ภายใน จากมันเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและใช้ความคิดอยู่นานก่อนจะกล่าวว่า
“มีความใกล้เคียงกับเทศอย่างยิ่ง สิ่งที่ใช้สร้างโลงศพนี้มีความยอดเยี่ยมมากกว่าต้นชาแห่งความรู้แจ้งซึ่งจักรพรรดิอมตะใช้สร้างโลงศพให้กับตัวเองด้วยซ้ำ”
คำพูดของต้วนเต๋อแม้แต่วานรศักดิ์สิทธิ์ก็ยังเกิดความตกใจอย่างยิ่ง
“ไม่มีใครเคยเห็นเทพแบบนี้มาก่อน ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่มีขนาดเท่าฝ่ามือแม้แต่ครั้งเดียว” ผังป๋อหัวเราะเยาะ
“นั่นก็จริง เทพจะใช้โลงศพแบบนี้ได้อย่างไร”
“แต่... ถ้ามันไม่สำคัญมากพวกเขาจะใช้เซียนอสูรมาปกป้องโลงศพนี้เพื่ออะไร?” ต้วนเต๋อกล่าวกับตัวเอง
จากนั้นเขาก็เริ่มสำรวจกล่องหินด้วยความระมัดระวังมากขึ้น สุดท้ายเขาก็กรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น
“นี่คือโลงศพโบราณของเทพจริงๆ และมีต้นกำเนิดมากเก้าสวรรค์!”
ไม่มีใครสามารถสงบสติอารมณ์ลงได้หลังจากได้ยินคำพูดนี้ พวกเขาต้องการเปิดมันขึ้นมาทันที เพราะต่อให้มีปัญหาจริงๆก็แค่โยนปัญหานี้ไปหากลุ่มที่ถือครองอาวุธเต๋าสุดขั้วก็พอ
………