บทที่ 8 ควรจะทำอย่างไร ถ้าคุณไม่รู้วิธีเขียนบทเริ่มเรื่องนิยายของคุณ
บทที่ 8 ควรจะทำอย่างไร ถ้าคุณไม่รู้วิธีเขียนบทเริ่มเรื่องนิยายของคุณ
เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีคำถามถึงนักเขียนมืออาชีพว่า “บทเริ่มเรื่องที่ยอดเยี่ยม มักจะทำให้ผู้คนอยากจะอ่านต่อเนื่องไป ไม่สำคัญว่าจะเป็นการเขียนเรียงความหรือเรื่องราว แต่ฉันควรจะทำอย่างไร ถ้าฉันไม่รู้วิธีเขียนบทเริ่มเรื่อง?”
แน่นอนว่ามันมีวิธีมากมายที่จะตอบคำถามนี้ คำตอบที่ง่ายที่สุดคือ เริ่มต้นช่วงเหมือนเป็นการแนะนำเรื่อง ซึ่งมีลักษณะคล้ายเรื่องย่อ คุณอาจจะแค่บอกผู้อ่านเกี่ยวกับพล็อตเรื่องโดยรวม ใครคือตัวละครหลัก อะไรคือเอกลักษณ์และภูมิหลังเป็นอย่างไร และสถานการณ์ที่เขาอยู่ในขณะนี้
เพื่อที่จะช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งนี้อย่างถ่องแท้มากขึ้น นักเขียนมืออาชีพได้ยกตัวอย่างว่า สมมติว่าคุณกำลังจะเขียนนิยายแฟนตาซี เกี่ยวกับบุคคลที่มีพลังพิเศษที่สามารถเข้าร่างคนอื่นได้ ถ้างั้นคุณต้องเขียนช่วงเริ่มต้นลักษณะนี้
“ข้า... ข้ายังมีชีวิตอยู่เหรอเนี่ย? ข้าน่าจะตายกลายเป็นฝุ่นจากภัยพิบัติสวรรค์ไปแล้วนี่นา” ในหัวของหวังเสี่ยวหมิงสับสนวุ่นวาย เขาสามารถจำได้ว่าเขาคือหนึ่งในสี่ผู้นำคนสำคัญของกลุ่มฉวนเทียน และยังจำได้อย่างชัดเจนว่าเขาได้ฝึกฝนวิชามากว่าสามพันปีแล้ว และในที่สุดก็ได้สำเร็จวิชาสูงสุด ซึ่งจะทำให้เขาจะต้องเผชิญกับภัยพิบัติสวรรค์ขั้นสุดท้าย ก่อนที่จะได้ขึ้นสวรรค์ไป แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นไปตามที่คิด เขาถูกลอบทำร้ายก่อนไปเผชิญภัยพิบัติสวรรค์ และถูกบังคับให้ต้องเข้าเผชิญบททดสอบภัยพิบัติสวรรค์ทั้งๆ ที่กำลังบาดเจ็บสาหัสอยู่ ในที่สุด ร่างกายของเขาต้องถูกทำลายแตกสลายไปภายใต้พลังสายฟ้าฟาดของภัยพิบัติสวรรค์
ถึงตอนนี้ สถานการณ์ของเขาเป็นอย่างไร? ไม่ใช่แค่เพียงเขารู้สึกปกติดีและมีชีวิต ร่างกายแขนขาของเขาทั้งหมดก็ไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย
“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน มือข้า...”
จู่ๆ หวังเสี่ยวหมิงก็ค้นพบว่า มือที่หนาและกล้ามเนื้อแขนของเขาได้กลายเป็นมือที่อ่อนนุ่มสีขาวเล็กๆ
“ข้าเปลี่ยนร่างกลายเป็นเด็ก!”
ด้วยการแนะนำเรื่องราวง่ายๆ เช่นนี้ ผู้อ่านจะได้เรียนรู้ว่าตัวละครหลักของคุณ ตัวตนที่แท้จริงก่อนหน้าคือบุคคลทรงพลังในโลกของคุณ และได้รู้ว่าเขาได้เข้าไปอยู่ในร่างคนอื่น หากคุณอยากให้ผู้อ่านเข้าใจสถานการณ์ของตัวละครหลักมากยิ่งขึ้น คุณสามารถเขียนต่อลักษณะนี้:
ทันทีที่เขารู้ตัวแล้วว่า ตอนนี้เขาอยู่ในร่างของเด็ก ความทรงจำมากมายของเด็กชายแวบขึ้นมาในหัวของหวังเสี่ยวหมิง เขาตระหนักได้ทันทีว่าเขากลายเป็นเด็กอย่างแน่นอนแล้ว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ย้อนกลับไปในอดีตของตนเองในตอนที่เขายังเป็นเด็ก แต่เป็นการกลับมาเกิดใหม่ในร่างไร้ชีวิตของเด็กชายคนหนึ่งผู้ซึ่งบังเอิญมีชื่อเดียวกันกับเขาแทน
ความจริงก็คือเด็กชายคนนี้ ผู้ซึ่งมีชื่อเดียวกันว่าหวังเสี่ยวหมิง มีชะตากรรมคล้ายกับเขามาก ร่างเด็กชายคนนี้ได้ผ่านการโดนลอบทำร้ายและเสียชีวิตขณะที่กำลังอยู่ในช่วงการฝึกฝนวิชาอย่างยิ่งยวด
แน่นอนว่าความแตกต่างกันคือเด็กชายยังฝึกฝนวิชาอยู่ในขั้นเริ่มต้น ในขณะที่ระดับฝีมือของหวังเสี่ยวหมิงอยู่ที่ระดับสุดยอดแล้ว
ท้ายที่สุด จุดจบของความทรงจำสุดท้ายของเจ้าของร่างกาย คือเห็นหน้าอ้วนเล็กๆ กับสีหน้าชั่วร้าย หวังเสี่ยวหมิงรู้ว่า เธอคือสาเหตุแห่งความตายของเด็กชาย
“เพราะว่าข้าได้รับโอกาสให้มีชีวิตอีกครั้งผ่านร่างกายของเจ้า ข้าจะชดใช้กรรมให้ร่างนี้ด้วย ข้าจะแก้แค้นให้เจ้าเอง” หวังเสี่ยวหมิงคิดในใจ
นี่เป็นตัวอย่างของการแนะนำสถานการณ์ของตัวละครหลัก แน่นอนว่านี่เป็นตัวอย่างที่ค่อนข้างง่าย เมื่อคุณเขียนบทแนะนำเรื่องจริงๆ คุณสามารถเพิ่มรายละเอียดอีกเล็กน้อยอธิบายสภาพเหตุการณ์เพิ่มเติมโดยใช้ประโยคง่ายสั้นๆ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้
เมื่อคุณเสร็จสิ้นการใส่องค์ประกอบที่จำเป็นลงในเรื่องของคุณแล้ว บทเริ่มต้นของนิยายของคุณจะเสร็จสมบูรณ์เองตามธรรมชาติด้วยตัวมันเอง หลังจากนั้น คุณสามารถจะพัฒนาเรื่องที่เหลือตามที่คุณต้องการ
ยังมีสิ่งเตือนใจที่เราต้องจดจำไว้ ในการที่จะใช้บทแนะนำเริ่มเรื่องเช่นนี้ โดยทั่วไปตัวบทเองไม่ได้น่าสนใจมากต่อผู้อ่าน นอกจากหัวข้อของคุณจะมีความสร้างสรรค์ในการเขียนนำเสนอจริงๆ บทแนะนำเรื่องตัวอย่างที่ยกมาก่อนหน้า เกี่ยวกับเรื่องของหวังเสี่ยวหมิงอาจจะได้รับความสนใจมากทีเดียวเมื่อสิบกว่าปีก่อน เมื่อพล็อตการกลับชาติมาเกิดและเรื่องเกี่ยวกับผู้ทรงพลังกลับกลายเป็นอ่อนแอยังไม่เป็นที่นิยมเลย แต่ในยุคปัจจุบันนี้ การเริ่มเรื่องเช่นนี้ไม่ต่างอะไรจากเรื่องที่มีแต่ความซ้ำซาก
การเริ่มเรื่องแบบนี้มันใช้ได้อย่างไม่มีปัญหา สำหรับเป็นบทแนะนำเรื่องของคุณ แต่อย่างไรก็ตาม ปกติแล้วมันไม่ดีถึงขั้นที่จะดึงดูดผู้อ่านได้มากเพียงพอ ถ้าคุณเริ่มดำเนินเรื่องหลักต่อจากบทแนะนำเริ่มเรื่องแบบตัวอย่างนี้ และเนื้อเรื่องหลักของคุณก็ดำเนินไปแบบพัฒนาการเป็นขั้นๆ เรียงกันไป นั่นจะทำให้นิยายของคุณกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อทีเดียว
นี่เป็นเหตุผลว่าถ้าคุณอยากให้นิยายของคุณเป็นที่นิยม คุณไม่ควรเร่งในเวลาเช่นนั้น อย่ารีบร้อนสร้างขั้นตอนต่อไปและรีบร้อนในการสร้างเนื้อเรื่อง แต่คุณควรพุ่งความสนใจไปที่การทำอย่างไรให้ดึงดูดผู้อ่านแทน
หากคุณไม่มีไอเดียแปลกใหม่ ถ้าอย่างนั้นให้เขียนย่อหน้าที่ใส่ตัวแปรการเติมเต็มให้ชีวิตเพื่อเริ่มเนื้อเรื่องใหม่ หรือตัวแปรใหม่ที่จะกลายเป็นสิ่งมีประโยชน์มากๆ เพื่อเอามาเขียนเรื่องต่อได้
กลับมาที่ตัวอย่างเรื่องของหวังเสี่ยวหมิง เราสามารถให้ตัวละครหลักได้รับพลังแรงบันดาลใจบางอย่าง บางทีเขาอาจยืมพลังจากภัยพิบัติสวรรค์ที่ยังอยู่ในร่างกายของเขา และใช้พลังความสัมพันธ์พิเศษระหว่างจิตวิญญาณอันทรงพลังของเขาและพลังภัยพิบัติสวรรค์ เรียกสายฟ้าลงมาสู่ร่างกายของเขา ใช้วิธีพิเศษทำให้ร่างกายของเด็กที่ซึ่งยังไม่ผ่านการฝึกวิชาขั้นแรกให้กลายเป็นเพิ่มพลังขึ้นไปสิบเท่า และด้วยความบังเอิญอย่างปาฏิหาริย์ หวังเสี่ยวหมิงได้รับเทคนิคการฝึกวิชาที่ยอดเยี่ยมที่ไม่มีใครเคยได้รับมาก่อน
หลังจากนั้น กับพลังที่เพิ่มขึ้นนี้ เราสามารถทำให้ตัวละครหลักใช้ประสบการณ์และความรู้ของเขาไปแกล้งพวกศัตรูของหวังเสี่ยวหมิงเด็กได้และสร้างไคลแมกซ์ย่อยให้เรื่องได้ด้วย
เมื่อถึงตอนนี้ คุณได้ทำทุกอย่างที่จำเป็นแล้วเพื่อการเขียนบทเริ่มเรื่องนิยายของคุณ ต่อจากนั้นคุณก็เขียนเนื้อเรื่องหลักต่อไปให้สม่ำเสมอ จะเป็นแบบไปทีละขั้นหรือแบบไหนก็สุดแล้วแต่คุณ เพราะจากจุดนี้คือการเริ่มต้นของเนื้อเรื่องหลักนั่นเอง
..................................................................................