ตอนที่ 17 หัวใจเต๋า
แม้เพ่ยเหลียนเสวี่ยจะไม่อยากเห็นพี่ชายนางดื่มชาและคุยกับสาวอื่น นางก็ยังอดเหลือบมองไม่ได้และเห็นทั้งสองดูเหมือนจะคุยกันอย่างมีความสุขและพี่ชายนางยังยิ้มด้วย
จากนั้น นางเลยเสียการควบคุมและระเบิดเสาไม้ และตอนนี้ พื้นหินอ่อนรอบๆก็ยังปริแตก
เย่อันผิงรีบวิ่งมาตอนได้ยินเสียง และพอเห็นความเละเทะ เขาก็ถอนหายใจ มันดูเหมือนนางสาวเขาจะบรรลุอีกขั้นในเพลงกระบี่เงาใบไม้แล้ว
ขั้นสามของวิชากระบี่ลับของสำนักกระบี่เงาจันทราสามารถเปลี่ยนใบไม้เป็นกระบี่
สำหรับขั้นสี่ พลังปราณสามารถเปลี่ยนเป็นกระบี่
รอยแตกบนพื้นเกิดจากพลังปราณของนาง บ่งบอกว่านางถึงขั้นสี่แล้ว
นางเพิ่งตรัสรู้?
ในเกม ศิษย์กระบี่เงาจันทราต้องฝึกยี่สิบปีกว่าจะเลื่อนจากขั้นสามเป็นสี่ แต่น้องสาวเขาถึงขั้นสี่ตั้งแต่วัย14
ตอนเขาสอนวิชานี้ให้นาง เขาไม่คิดว่ามันจะเข้ากันกับนางขนาดนี้
การทะลวงผ่านนี้ต้องผลาญพลังปราณไปมาก เย่อันผิงเลยรีบมาช่วยเพ่ยเหลียนเสวี่ยปรับลมหายใจ แต่ตอนเขาเข้าใกล้ เขาเห็นว่าตานางแดงเหมือนนางกำลังร้องไห้
“น้องพี่ จู่ๆเจ้าร้องไห้ทำไม?”
“ข้าไม่ได้ร้องไห้!”เพ่ยเหลียนเสวี่ยหันขวับและกรีดร้องลั่น“ข้าไม่ได้ร้องไห้!!”
“ตาเจ้าบวมเป่งเลย”
“ข้าไม่ได้ร้องไห้!ฮึก”เพ่ยเหลียนเสวี่ยปาดหางตาด้วยศอก จากนั้นก็กระโจนเข้าอ้อมกอดของเย่อันผิง ฝังหน้าในหน้าอกเขา
“ข้าไม่ได้ร้องไห้!”
“..”
เย่อันผิงไม่รู้ว่านางเป็นอะไร แต่นางร้องไห้หนักจนเขาได้แต่ลูบหลังปลอบนาง
“ได้ ได้ พี่อยู่นี่ ไม่ต้องร้องนะ เจ้าอายุ 14 แล้ว ทำไมถึงยังทำตัวเหมือนเด็กไปได้?”
“ข้าไม่ได้ร้องไห้”
เพ่ยเหลียนเสวี่ยกอดเย่อันผิงแน่นจนเขารู้สึกเหมือนกระดูกสันหลังและซี่โครงกำลังกรีดร้องเจ็บปวด
“น้องพี่ เบามือหน่อย!”เขาคว้ามือเพ่ยเหลียนเสวี่ย“เจ้ากำลังจะหักเอวข้า!!!”
เวลานี้ เฟิงหยูเตี๋ยเองก็มาถึง และมองรอยแตกบนพื้นกับเสาไม้ และถาม“เอ่อ?นายน้อยเย่ นี่มันอะไร?”
แต่ ด้วยเหตุผลบางอย่าง พอเฟิงหยูเตี๋ยเปิดปาก พลังของเพ่ยเหลียนเสวี่ยก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
พอได้ยินเสียง’เปราะ’ เย่อันผิงก็เปิดปากและกรีดร้อง รู้ว่ากระดูกบางซี่ของเขาหักแล้ว
“ไม่มีอะไร แม่นางเฟิง เจ้าควรกลับไปพักก่อน”
เฟิงหยูเตี๋ยหยุดชะงัก และรู้สึกอิจฉาเย่อันผิง นางเองก็อยากโดนเพ่ยเหลียนเสวี่ยกอดแบบนั้นบ้าง แต่พอนึกถึงสิ่งที่เย่อันผิงพูด และนางจะได้อยู่กับเพ่ยเหลียนเสวี่ยทุกวัน นางก็เชื่อฟัง
“งั้นข้าขอตัว’
“อย่าลืมที่ข้าบอกเจ้า”
“ไม่ต้องห่วง ข้ารักษาคำพูดเสมอ”
หลังมองเพ่ยเหลียนเสวี่ยเป็นครั้งสุดท้าย เฟิงหยูเตี๋ยก็เดินกลับไป
หลังมองเฟิงหยูเตี๋ยไป เย่อันผิงก็ถอนหายใจโล่งอกและมองน้องสาวเขาที่ยังเอาหน้าฝังหน้าอกอย่างหน่ายใจ“เจ้าเป็นอะไร?เจ้าหักเอวข้า เจ้าคงไม่ได้หักเอวข้าเพราะมีความสุขที่ฝึกสำเร็จใชไหม”
จากนั้นเพ่ยเหลียนเสวี่ยถึงค่อยๆเงยหน้า“พี่….ฮึก..”
พอเห็นน้ำตานาง เย่อันผิงก็หน่ายใจ เขาดึงชายเสื้อเขาและเช็ดหน้านาง
“เจ้าเหมือนแมวร้องไห้เลย จำที่ข้าเคยบอกได้ไหม?เด็กสาวไม่ควรเสียน้ำตาง่ายๆ น้ำตาไม่อาจแก้ปัญหาอะไรได้ มีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้น”
“ใช่ ข้าจำได้”เพ่ยเหลียนเสวี่ยพยักหน้าและเช็ดน้ำตานางด้วยชุดของเย่อันผิง“พี่ เฟิงหยูเตี๋ยสวยกว่าข้าไหม?”
“สวยกว่า?”เย่อันผิงผงะ แต่ก็จำได้ว่าเพ่ยเหลียนเสวี่ยมาถึงวัยแล้ว เขาจึงยิ้มและถาม“อะไร เจ้ารู้สึกด้อยกว่านางเพราะเจ้าหน้าตาไม่ดีเท่านางเนี่ยนะ?”
“ไม่ ข้าแค่..”
“ในสายตาข้า เจ้าสวยสุดในโลกแล้ว”เย่อันผิงลูบหัวนาง“นี่ข้าต้องชมเจ้าทุกวันเลยเหรอว่าเจ้าสวยสุดในโลก?”
พอได้ยินคำพูดเขา เพ่ยเหลียนเสวี่ยก็ถอนหายใจโล่งอก เอาหน้าผากวางบนหน้าอกเขาและหัวเราะ
“เอาละ มาไหลเวียนลมปราณกัน ข้าจะช่วยเจ้าปรับลมหายใจเพราะเจ้าเพิ่งทะลวงผ่าน และข้ามีเรื่องจะบอกเจ้าด้วย”
“อืม”เพ่ยเหลียนเสวี่ยพยักหน้าและนั่งสมาธิ หันหลังให้พี่ชายยนาง และรู้สึกถึงความอบอุ่นของฝ่ามือเขาที่แตะหลังนาง
“เหลียนเสวี่ย ข้าขอถามอะไรเจ้าก่อน หัวใจเต๋าคืออะไร?เจ้าจำคำตอบได้ไหม?”
“ข้าจำได้”เพ่ยเหลียนเสวี่ยตอบทันที“หัวใจเต๋าเราเรียกคือเพื่อกำจัดความชั่วร้ายและทำความดี กำจัดความปรารถนาของมนุษย์ สงวนหลักการของธรรมชาติ รวบรวมความรู้ การกระทำจะนำไปสู่จิตสำนึกแห่งหัวใจ”
เย่อันผิงแปลกใจ ไม่คิดว่านางจะจำได้แม่นขนาดนี้เพราะเขาพูดถึงมันครั้งเดียวตอนนางเด็ก
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าจะยังจำได้ ข้าคิดว่าเจ้าลืมมันไปหมดแล้วซะอีก”
“แม้ข้าจะไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง แต่ในเมื่อท่านบอกให้ข้าจำ ข้าก็เลยจำ”
“งั้น จำมันไว้ให้ดี นี่คือคำตอบของคะแนนเต็ม”
“คะแนนเต็ม?’
“เจ้าจะรู้พรุ่งนี้”
…
อีกด้าน หลังกลับบ้าน เฟิงหยูเตี๋ยก็นอนบนเตียง คิดถึงสองสิ่งที่เย่อันผิงขอนาง ยิ่งนางคิด นางยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
นางมีความรู้สึกว่านางโดนชายคนนั้นเอาเปรียบ
“เสี่ยวเทียน เจ้าคิดว่านายน้อยเย่…แปลกๆไหม?”
“เขาแปลก แต่..”เสี่ยวเทียนยิ้ม”ข้าชอบเขา.
“เจ้าชอบเขา?”
“หัวใจเขาอยู่ในที่ถูก เขารู้คำถามทดสอบของสำนักดาวดำ แสดงให้เห็นว่าเขามีเครือข่ายกว้างขวางมาก ซึ่งหาได้ยากสำหรับเด็กหนุ่ม เด็กส่วนใหญ่ในวัยเท่าเขาจะยังเล่นโคลนอยู่เลย ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยรากปราณคู่ เขามาถึงขั้นสามของหลอมลมปราณที่วัย 15 ถ้าเขามีรากปราณสวรรค์แบบเจ้า ฐานบ่มเพาะเขาจะต้องเหนือกว่าเจ้าไปไกล”
“เห้ เขาติดสินบนอะไรเจ้าหรือเปล่า?”
“เขามองไม่เห็นข้า ถ้าเขาเห็น ข้าคงเผยคัมภีร์เต๋าสวรรค์ให้เขาดูไปแล้ว และเจ้าไม่สังเกตเลยเหรอ?’
“สังเกตอะไร?’
“เพลงกระบี่ที่น้องสาวเขาฝึกไม่ใช่เพลงกระบี่ธรรมดา ข้าแทบไม่เคยเห็นผู้บ่มเพาะในอาณาจักรหลอมลมปราณคนไหนที่ใช้พลังปราณได้คล่องปานนั้น ข้ามั่นใจว่านี่ควรเป็นวิชาลับของสำนักกระบี่เงาจันทราหรือเพลงกระบี่ที่ถ่ายทอดมาจากอดีตกาล”
เสี่ยวเทียนลอยข้างเฟิงหยูเตี๋ยและตบไหล่นาง“หยูเตี๋ย มันไม่เป็นอันตรายหรอกที่จะกระชับสัมพันธ์กับเขา”
มันเป็นครั้งแรกที่เฟิงหยูเตี๋ยได้ยินเสี่ยวเทียนประเมินใครดีขนาดนี้ และนางก็แปลกใจ แต่ พอคิดถึงเพ่ยเหลียนเสวี่ย นางก็เห็นด้วยทันที
“เจ้าพูดถูก ยังไงซะ เขาก็คือพี่ชายของแม่นางเพ่ยและจะเป็นพี่เขยของข้าในอนาคต ข้าต้องทำดีกับเขา”
“พี่เขย…”เสี่ยวเทียนตกตะลึง สูดหายใจลึกและเตะหัวเฟิงหยูเตี๋ย“หยูเตี๋ย เจ้าโง่รึเปล่า?!ถ้าไม่ใช่เพราะข้าขาดพลัง ข้าคงเตะก้นเจ้าไปแล้ว!”
เฟิงหยูเตี๋ยเมินเสี่ยวเทียนที่ชกและเตะนาง นางหัวเราะเหมือนคนบ้า นึกถึงภาพที่เพ่ยเหลียนเสวี่ยฝึกกระบี่ นางกอดหน้าอกตัวเองและกลิ้งไปมาบนเตียง
“แม่นางเพ่ยเท่มาก ข้าก็อยากโดนแม่นางเพ่ยกอดและแกล้งจัง ฮี่ๆๆ!”