ตอนที่ 16 น้องสาวของขึ้น
ชั่วขณะนั้น เพ่ยเหลียนเสวี่ยอยากแทงเฟิงหยูเตี๋ยที่แย่งพี่ชายนางไป แต่สุดท้ายก็อดทน
อย่าบุ่มบ่าม อย่าใจร้อน ผู้ชนะคือคนที่หัวเราะเป็นคนสุดท้าย
เย่อันผิงสอนนางมาและยังทำให้นางคิดบวกมาก
หน้าตานางก็ไม่ด้อยกว่านางจิ้งจอกนั่น และนางก็สามารถย้อมผมนางเป็นสีเงิน มีเพียงรากปราณนางที่สู้ไม่ได้
นางอาจเอาชนะไม่ได้ แต่หากเป็นเรื่องความรู้สึกของเย่อันผิง นางจิ้งจอกนั่นไม่มีวันเทียบนางติด
เพ่ยเหลียนเสวี่ยกำหมัด“พี่ ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นเองว่าข้าดีกว่านางจิ้งจอกนั่นเป็นหมื่นเท่า!”
พี่ชายบอกว่าทองมักเปล่งแสง งั้น นางก็จะเป็นทอง!
“ฮึ่ม’
เพ่ยเหลียนเสวี่ยหยุดมองทั้งสองที่เดินไปด้วยกันและตรงไปยังเสาทดสอบกระบี่ที่ขอบลานฝึก นางนำยันต์เหลืองออกจากถุงมิติ เขียนคำว่า’เฟิงหยูเตี๋ย’บนนั้น จากนั้นก็แปะบนเสาและเริ่มฟันอย่างบ้าคลั่ง
“ไปลงนรกซะ!”
เสาไม้ถูกผ่าเป็นชิ้นๆในพริบตาเดียว แต่นางยังไม่หยุด นางไปหาเสาอื่น แปะชื่อเฟิงหยูเตี๋ยและสับมันต่อ
..
อีกด้าน หลังจัดการเรื่องในศาลากับเฟิงหยูเตี๋ย เย่อันผิงรู้ว่านางไม่ใช่คนที่ชอบอ้อมค้อม ดังนั้นหลังเสี่ยวเตี๋ยนำชามา เขาก็พร้อมจะตรงเข้าประเด็น
แต่จากนั้นเขาก็เห็นเฟิงหยูเตี๋ยแอบเหลือบมองเพ่ยเหลียนเสวี่ยที่กำลังตัดเสาไม้อยู่ไม่ไกลยิ้มเหมือนคนโง่ ทันใดนั้น เส้นเลือดก็ปูดบนหน้าผากเขา เขาอดตบโต๊ะหินเสียงดังไม่ได้
ปัง
“..’
เฟิงหยูเตี๋ยเหมือนแมวน้อยที่หวาดกลัว ผมเงินตั้งชัน นางรีบหันหน้ามาและนั่งตัวตรง
“นายน้อยเย่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่มองทิวทัศน์ ไม่ใช่น้องสาวท่าน”
“หึ”
“จริงๆนะ สำนักร้อยดอกบัวสวยมาก ทุกสิ่งสวยไปหมดเลย”
“พอแล้ว”เย่อันผิงถอนหายใจ“ข้าขอเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย อยู่ให้ห่างจากน้องสาวข้า และมาเข้าเรื่องกัน”
“อือ!”เฟิงหยูเตี๋ยพยักหน้ารัวและจิบชาที่เย่อันผิงรินให้“นายน้อยเย่ พูดมาได้เลย”
“ข้ามีเรื่องจะขอเจ้าสองอย่าง”
เฟิงหยูเตี๋ยผงะ ใช้หลังมือหนุนคาง เอียงหัวเล็กน้อยและจ้องตาเย่อันผิง
ผมเงินนางปิดตาไปข้างหนึ่ง
พอเห็นท่าทีนางเปลี่ยนไป หนังศีรษะของเย่อันผิงก็ชาด้าน แต่เขาไม่แปลกใจ เขารู้ว่าเฟิงหยูเตี๋ยเริ่มจริงจังแล้ว
สำหรับว่าทำไม?
นั่นเพราะนางโตมาด้วยความกลัว นางเลยพัฒนานิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นและเจ้าคำนวณ ถ้านางเสียเงินสักแดง นางจะหาโอกาสเอาคืนเป็นพัน
ตอนนี้ที่นางได้ยินว่าเขามีเรื่องจะขอนาง นางต้องคิดว่าเขาอยากตกลงกับนาง และในเมื่อเป็นข้อตกลง ก็ต้องมีฝ่ายที่ได้กำไรและขาดทุน ไม่มีความเท่าเทียม
เช่นนี้ นางจึงระแวงเต็มร้อย
“ได้ นายน้อยเย่ โปรดบอกข้า”
“อืม”เย่อันผิงพ่นลมหายใจ“ข้าช่วยชีวิตเจ้า เจ้าจึงเป็นหนี้ข้า ตอนนี้ข้าจะขอให้เจ้าชดใช้มัน”
เฟิงหยูเตี๋ยหน้าดำ“ข้าคิดว่านายน้อยเย่จะช่วยข้าเพราะเมตตาเสียอีก ดันกลายเป็นว่าอยากให้ข้าเป็นหนี้และได้ผลประโยชน์กลับคืน?”
“เจ้ากล้ากินเค้กที่ตกจากฟ้าหรือไง?”
“ข้าเป็นหนี้ท่านแค่อย่างเดียว แต่อยากให้ข้าช่วยสองเรื่องเนี่ยนะ?”
“การช่วยชีวิตเจ้าในเมืองอู่ซีคือหนี้ครั้งที่หนึ่ง และการขอให้แม่ข้าใช้พลังปราณแท้จริงเพื่อรักษาแผลเจ้าคือหนี้ครั้งที่สอง”เย่อันผิงหรี่ตา ไม่ยอมถอย“ถ้าแม่ข้าไม่ใช้พลังปราณแท้จริงเพื่อรักษาเจ้า เจ้าคงพลาดการคัดเลือกของสำนักดาวดำ”
เฟิงหยูเตี๋ยจ้องเย่อันผิงอย่างไม่พอใจ แต่ต้องยอมรับว่าเขาพูดถูก นางเลยพยักหน้าตอบ“ได้ แล้วมันคืออะไรละ?”
“ข้อแรก ข้าอยากให้เจ้าพาข้าเข้าสำนักดาวดำด้วย”
“พาเข้าไป?”เฟิงหยูเตี๋ยขมวดคิ้วและส่ายหัว“แม้ข้าจะมีจดหมายแนะนำจากอาจารย์ ดาวดำก็มีข้อกำหนดสูงมากสำหรับศิษย์ ข้าช่วยไม่ได้”
“เจ้าจะแนะนำข้าเป็นสหายเจ้า ศิษย์ใหม่ทั้งหมดได้รับอนุญาตให้พาคนไปกับพวกเขา”
“ขอข้าคิดก่อน และบอกข้อสองมาด้วย”
“ข้อสองคือ ระหว่างพิธีเปิด ศิษย์ใหม่จะได้เลือกหนึ่งในเจ็ดกล่องที่บรรจุสมบัติสวรรค์หรืออาวุธวิเศษไว้ ตอนนั้น เจ้าต้องเลือกกล่องที่มีคำว่า’ว่างเปล่า’เขียนอยู่บนนั้นและมอบมันให้ข้า”
เฟิงหยูเตี๋ยงุนงง“นี่มันอะไร?”
“อืม มันการทดสอบเพื่อกำหนดโชคชะตาของศิษย์”เย่อันผิงยักไหล่“มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นอะไรอย่างโชคชะตา สำนักดาวดำจึงคิดค้นวิธีนี้ พูดง่ายๆ ใครที่โชคดีจะได้รับคะแนนสูงสุดในการทดสอบนี้ กล่องทั้งเจ็ดจะบรรจุของที่มีคุณภาพต่างกัน และใครที่ได้อันที่ดีสุดจะได้รับคะแนนสูงสุด”
“แล้วอะไรอยู่ในกล่องนั้น?”
“สมบัติที่เจ้าไม่สามารถใช้ได้ แต่เป็นประโยชน์ต่อข้าและน้องสาวข้า”
“สมบัติอะไร?”
“มันเรียกว่า’ทรายเย็น’ มันไม่มีค่ามากในภูมิภาคเหนือ แต่มันไม่สามารถนำมาที่นี่ได้เพราะมีผู้บ่มเพาะไม่มากในภูมิภาคตะวันตกที่จะใช้มันได้’
เฟิงหยูเตี๋ยพลันรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูก ทำไมคนคนนี้ถึงรู้เกี่ยวกับการประเมินของสำนักดาวดำมากขนาดนี้?
การคัดเลือกจัดทุกห้าปี และการทดสอบก็จะแตกต่าง เหมือนการสอบเป็นขุนนางในโลกปกติ รายละเอียดจะเป็นความลับ
นางขมวดคิ้วและถาม“เจ้ารู้ได้ไงว่าอะไรอยู่ในกล่อง?ถ้านี่คือการทดสอบของสำนักดาวดำ มันก็ควรเป็นความลับ”
“ทุกสิ่งในโลกมีช่องโหว่เสมอ”
เฟิงหยูเตี๋ยขมวดคิ้ว“ข้าสามารถตกลงได้ แต่ข้ามีเงื่อนไข”
“บอกมา”
“น้องสาวท่านจะมากับข้าในฐานะสหาย แต่ถ้าข้าพาผู้ชายไป คนอื่นจะคิดถึงข้าอย่างไร…มันคงดูไม่ดีนัก”
เย่อันผิงเดาได้อยู่แล้วว่านางจะพูดแบบนี้และพยักหน้าโดยไม่ลังเล“ได้ งั้นข้าจะเพิ่มคำขออีกข้อ”
“…”นางรู้สึกเหมือนโดนหลอก
“อยู่ให้ห่างจากน้องสาวข้า อย่าชักนำนางหลงทาง”เย่อันผิงคว้าหม้อชา เติมถ้วยชาให้นางและพูดอย่างจริงจัง”ข้าเลี้ยงเหลียนเสวี่ยมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้า จิ้งจอกหลายใจเอามือมาเกาะแกะนาง
“จะ..จิ้งจอกหลายใจ?”
“ใช่ เขาพูดถูก”เสี่ยวเทียนที่ฟังมาตลอดพยักหน้าเห็นด้วย“หยูเตี๋ย เจ้าไม่ใช่แค่จิ้งจอกหลายใจ แต่คือนางแพศยาเลย”
“..”
เฟิงหยูเตี๋ยมองเสี่ยวเทียน ถอนหายใจและโบกมือ“ก็ได้”
“เป็นอันตกลง”เย่อันผิงยกถ้วยชา อยากชนถ้วยกับนาง
ตอนนี้ เสียงระเบิดดังสนั่นมาจากลานฝึก ทั้งเย่อันผิงและเฟิงหยูเตี๋ยรีบหันไปมอง
กลายเป็นว่าเพ่ยเหลียนเสวี่ยได้ระเบิดเสาไม้ปลิวกระเด็น
เย่อันผิงจ้องตาค้าง“แม่นางเฟิง วันนี้กลับห้องไปพักเถอะ ผู้อาวุโสจากสำนักดาวดำจะมาวันพรุ่งนี้”