ตอนที่แล้ว1269 - แผนการของศัตรู 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1271 - เซียนอสูรที่แข็งแกร่ง 

1270 - สมบัติอมตะและการสังเวยโลหิต


1270 - สมบัติอมตะและการสังเวยโลหิต

ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้หลายคนก็ตกตะลึง แต่พวกเขาไม่สงสัยในคำพูดของต้วนเต๋อ เจ้าอ้วนไร้ยางอายคนนี้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับฝาหม้ออสูรกลืนสวรรค์มานานนับร้อยปี เขาย่อมมีความเข้าใจต่ออาวุธเต๋าสุดขั้วมากที่สุด

ผู้พิทักษ์ของเทียนหวงจื่อคนนี้มักจะอยู่กับอาวุธเต๋าสุดขั้วเสมอ บางทีแม้กระทั่งตอนนี้เขาก็อาจจะถืออาวุธเต๋าสุดขั้วติดมือมาด้วยก็ได้

“มันเป็นอาวุธเต๋าสุดขั้วชิ้นใด มีความเกี่ยวข้องกับจักรพรรดินีผู้โหดเหี้ยมหรือไม่?”

หนึ่งวันต่อมา ผู้บ่มเพาะจำนวนมากบุกเข้ามาในชั้นที่สามสิบเอ็ดและทำการกวาดล้างขุนพลสวรรค์ออกไปทั้งหมด การกวาดล้างครั้งนี้ดำเนินไปถึงชั้นที่สามสิบสองเลยทีเดียว

จากนั้นเมื่อทุกคนไปถึงชั้นที่สามสิบสามพวกเขาเห็นก้อนหินขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าทางเข้า มีอักขระโบราณหลายตัวสลักอยู่บนนั้น วังสวรรค์สามสิบสาม

นี่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์อวี้หัวแล้ว ในโลกนี้มีผู้คนไม่น้อยที่ตั้งกองกำลังของตัวเองว่าวังสวรรค์ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องล่มสลายลงและไม่มีวังสวรรค์แห่งใดยืนหยัดอยู่จนถึงยุคปัจจุบันได้

ในระยะไกลสุดสายตาของทุกคนมีวิหารโบราณขนาดใหญ่ตั้งอยู่ หลายคนรีบรุดไปข้างหน้าและพวกเขาค่อนข้างมั่นใจว่าในสี่ชั้นสุดท้ายของโลกภายในวิหารบรรพชนจะต้องมีทรัพย์สมบัติของราชวงศ์อวี้หัวซุกซ่อนอยู่อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม โลกนี้เงียบสงบเกินไป เมื่อเข้ามาข้างในไม่มีใครกล้าเอ่ยปากและพวกเขาแทบจะได้ยินเสียงหายใจของตัวเองด้วยซ้ำ

ภายในวิหารนี้ค่อนข้างมืดมิดและมีกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวและเต็มไปด้วยความชั่วร้ายแฝงอยู่ในความว่างเปล่า ไม่มีใครกล้ารีบร้อน ทุกคนก้าวไปอย่างช้าๆ แม้ว่าจะมีผู้คนมากมายเข้ามาที่นี่แต่กลับไม่มีใครกล้าลงมือต่อสู้กันอย่างเด็ดขาด

ผู้คนแยกย้ายกันเคลื่อนไหวไปในเงามืด จิตใจของทุกคนเต้นระทึก ทั้งหวาดกลัวว่าจะมีสัตว์ประหลาดปรากฏขึ้น ทั้งเกิดความกลัวว่าจะมีใครแย่งสมบัติไปจากพวกเขาก่อน

“นี่เป็นความรู้สึกที่แปลกมาก เห็นได้ชัดว่าบรรยากาศของที่นี่ค่อนข้างสงบแต่กลับไม่สามารถผ่อนคลายความระมัดระวังได้แม้แต่น้อย”

มีแท่นบูชาหน้าวิหารอันงดงาม มีจารึกว่า “ถังเลือดเต็ม” เป็นภาษาโบราณที่ใช้กันเมื่อหลายแสนปีก่อน

นี่คือสถานที่บูชายัญลึกลับ ไม่ต้องบอกก็ทราบได้ว่าจะต้องเติมถังเลือดนี้ให้เต็มก่อนจึงจะมีเหตุการณ์บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น

บางสิ่งที่ว่านั้นอาจจะเป็นอันตรายที่ร้ายแรงถึงชีวิตหรืออาจเป็นสมบัติล้ำค่าก็ได้

บนยอดแท่นบูชามีวัตถุบางอย่างที่กำลังเปล่งประกายเจิดจ้าอย่างถึงที่สุด สาเหตุที่วิหารแห่งนี้มีแสงที่สว่างออกมาทั้งที่โลกทั้งใบเต็มไปด้วยความมืดมิดก็เพราะวัตถุชิ้นนั้นนั่นเอง

“สมบัติอมตะ!” ใครบางคนอุทาน

จากนั้นผู้คนมากมายก็พุ่งขึ้นไปข้างหน้าโดยต้องการจะแย่งชิงสมบัติชิ้นนั้นมาให้ได้

นี่เป็นก้อนทองเหลืองสีเขียวสดใสราวกับหยกที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดในโลก

อย่างไรก็ตาม “สมบัติอมตะ” ชิ้นนั้นกลับไหลลื่นเป็นพิเศษ ทันทีที่มีใครบางคนบินขึ้นไปบนหลังคาวิหารเพื่อแย่งชิงมัน ก้อนทองเหลืองสีเขียวก็หลบเลี่ยงการสัมผัสของพวกเขาและลื่นไถลออกไปด้านข้างราวกับมีชีวิตจริงๆ

นี่คือทองเหลืองสีเขียวที่ถูกใช้สร้างอาวุธระดับจักรพรรดิ อย่าเห็นว่ามันมีขนาดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงมันมีน้ำหนักมากมายมหาศาลที่เพียงพอจะเขย่าสวรรค์พิภพได้

“ผ่านไปกว่าสองแสนปีแล้ว ไม่คิดว่าวัตถุชิ้นนี้จะยังคงเปล่งประกายด้วยแสงแห่งความเป็นอมตะ”

เมื่อมองเห็นสมบัติที่สามารถใช้สร้างอาวุธระดับจักรพรรดิได้ทุกคนก็เริ่มแย่งชิงกันอย่างชุลมุน ผู้คนจำนวนมากพุ่งไปข้างหน้าด้วยความกระตือรือร้น นั่นก็เพราะนี่เป็นสมบัติชิ้นแรกที่ปรากฏขึ้นในวิหารแห่งนี้

บนแท่นบูชาก็ดูเหมือนจะมีสมบัติอมตะเช่นกัน มันเป็นลูกแก้วสี่ลูกซึ่งมีขนาดใหญ่ประมาณกำปั้น ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าพวกมันคืออะไร มีเพียงดวงตาปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ของเย่ฟ่านเท่านั้นที่พอมองออกว่ามันเป็นอะไร

เมื่อมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในเขาก็รีบตะโกนขึ้นด้วยความตกใจว่า

“อย่าหุนหันพลันแล่น ห้ามแตะต้องลูกแก้วเหล่านั้น!”

แต่น่าเสียดายที่ทุกคนที่เข้ามาในชั้นที่สิบสามได้ล้วนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของสวรรค์พิภพนี้ มีหรือที่พวกเขาจะสนใจคำตักเตือนของเย่ฟ่าน

“มีแมลงสังหารเทพอยู่ในนั้น!”

เย่ฟ่านกรีดร้องก่อนจะกระตุ้นปราณปฐพีต้นกำเนิดให้ปะทุออกมาเพื่อห่อหุ้มกลุ่มของเขาด้วยความหวาดกลัว

ปัง!

ภายใต้เสียงระเบิดที่ดังกึกก้อง ราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่คว้าลูกแก้วลูกแรกไปก็ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด สุดท้ายร่างกายของเขาถูกพลังที่ปะทุออกมาจากลูกแก้วสังหารไปในครั้งเดียว!

เย่ฟ่านและสหายของเขารีบถอยห่างจากแท่นบูชาด้วยความหวาดกลัว พลังศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดจากการระเบิดเมื่อครู่สร้างความหวาดหวั่นให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก

“ปัง”

จากนั้นลูกแก้วทั้งหมดก็ระเบิดขึ้นทันที แมลงสังหารเทพที่อยู่ภายในมีความยาวมากกว่าสองฝ่ามือ กลิ่นอายของพวกมันแทบจะแข็งแกร่งเทียบเท่ากับปราชญ์อสูรได้เลย!

สิ่งเหล่านี้สามารถเรียกได้ว่าแมลงศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างภาคภูมิ และทันทีที่แมลงทั้งสี่เคลื่อนไหวอาวุธศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากก็พุ่งเข้าหาพวกมันอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า

“อา... อา...”

อย่างไรก็ตามแมลงศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ล้วนถูกแช่แข็งอยู่ในต้นกำเนิดสวรรค์มานานนับแสนปี พลังชีวิตของพวกมันไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย เมื่อพวกมันตื่นขึ้นมีหรือที่ยอดฝีมือระดับเซียนเทียมขั้นสามทั่วไปจะทำอะไรพวกมันได้

แมลงศักดิ์สิทธิ์ทุกตัวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าสีทอง พวกมันทะลวงผ่านร่างกายของผู้คนไปมากมายนับไม่ถ้วนและทำให้เลือดของพวกเขาหลั่งไหลไม่หยุด

ทุกคนถอยห่างจากแท่นบูชาด้วยความกลัว แมลงศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้แข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ ต่อให้เป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่ในระดับสูงสุดก็ยากที่จะต้านทานการโจมตีของพวกมันได้

บูม!

ในที่สุดก็มีผู้คนกระตุ้นจิตวิญญาณของอาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วให้ตื่นขึ้นมาแล้ว

ภายใต้แสงสีทองที่สว่างไสวยอดฝีมือของตระกูลเฟิงที่นำโดยเฟิงหวง กระบี่สีทองในมือของนางฟาดฟันแมลงศักดิ์สิทธิ์ตัวหนึ่งให้ปลิวกระเด็นออกไป

อย่างไรก็ตามการโจมตีของอาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วกลับไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้กับแมลงเหล่านี้ได้แม้แต่น้อย

“เลือดของแมลงศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้บริสุทธิ์มาก บางทีพวกมันอาจเป็นครึ่งก้าวปราชญ์” ฉีลั่วกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“บูม”

อีกด้านหนึ่ง มีคนจากราชวงศ์กู่ฮั่วกระตุ้นอาวุธเต๋าสุดขั้วให้ตื่นขึ้นเป็นชิ้นแรก ภายใต้วิกฤตการณ์แห่งชีวิตและความตายเช่นนี้พวกเขาไม่มีเจตนาที่จะปกปิดตัวเองอีกต่อไป

เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้คนจำนวนมากต่างนำอาวุธเต๋าสุดขั้วของตัวเองออกมาใช้โดยไม่หวั่นเกรงต่อความโกรธแค้นของผู้คนทั้งโลก

มหาอำนาจที่ครอบครองอาวุธเต๋าสุดขั้วต่างกระตุ้นให้อาวุธของตัวเองตื่นขึ้นมาทั้งหมด ในขณะที่ผู้ครอบครองอาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วก็ทำในลักษณะเดียวกัน

ทันใดนั้นอาวุธเต๋าสุดขั้วแปดชิ้น และอาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วหลายสิบชิ้นก็เบ่งบานขึ้นด้วยรัศมีความเป็นอมตะเข้มข้น พวกเขาเริ่มต่อสู้กับแมลงระดับครึ่งก้าวปราชญ์ทั้งสี่ด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด!

“ให้ตายเถอะ ข้าบอกแล้วว่าไอ้สารเลวพวกนี้จะต้องเล่นไม่ซื่อ พวกมันกล้าที่จะฝ่าฝืนข้อห้ามของการชุมนุม!”

ต้วนเต๋อสาปแช่งด้วยความโกรธคล้ายกับลืมไปแล้วว่าตัวเองก็นำอาวุธเต๋าสุดขั้วมาที่นี่ด้วยเช่นกัน

“หมดเวลาเล่นของเราแล้ว!” เย่ฟ่านส่งสัญญาณ

ในเวลาต่อมาตงฟางเย่ก็กระตุ้นกระบองศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นอาวุธเต๋าสุดขั้วของเผ่าคนเถื่อนแห่งหนานหลิง ในขณะที่ต้วนเต๋อก็นำหม้ออสูรกลืนสวรรค์ออกมาโดยไม่ลังเล

“ร่างกายของแมลงเหล่านี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ต่อให้พวกมันไม่มีทักษะเต๋า แต่ด้วยความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวก็ไม่ใช่สิ่งที่ราชาปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปจะทนได้แล้ว”

ฉีลั่วกล่าวด้วยความประหลาดใจ แมลงทั้งสี่ตัวนี้ยื่นขาข้างหนึ่งเข้าไปในขอบเขตแห่งเซียนอสูรแล้ว แต่ร่างกายของมันกับแข็งแกร่งมากกว่าราชาปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ นั่นทำให้พวกมันแทบจะอยู่ยงคงกระพันได้เลย

หลายคนอ้าปากค้าง แม้ว่าอาวุธเต๋าสุดขั้วจะแข็งแกร่งแต่เมื่อมันอยู่ในมือของเซียนเทียมขั้นสองและขั้นสามก็เป็นเรื่องยากที่จะแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมันออกมาได้

“บูม!”

ในระยะไกล แสงสีฟ้ากวาดไปทั่วสวรรค์พิภพและกระแทกร่างกายของแมลงศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ให้ปลิวกระเด็นออกไปคนละทาง

“นั่นก็เป็นอาวุธเต๋าสุดขั้วด้วยหรือ!”

ผู้คนต่างประหลาดใจเมื่อพบว่ามีชายคนหนึ่งที่สวมชุดเกราะสีทองเปล่งประกายด้วยแสงสีเขียวพุ่งเข้าสู่สนามรบกลิ่นอายของมันเห็นได้ชัดว่าเป็นอาวุธเต๋าสุดขั้วประเภทชุดเกราะ เช่นเดียวกับอาวุธเต๋าสุดขั้วของสันเขาเสิ่นคาน

ในอีกด้านหนึ่งก็มีราชาผู้ยิ่งใหญ่อีกคนควงกระบี่สีดำสนิทฟาดฟันเข้าหาแมลงศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ตัว พวกเขาลงมือสอดประสานกันได้อย่างกลมกลืนเห็นได้ชัดว่าคนทั้งสองร่วมมือกันต่อสู้มาหลายครั้งแล้ว

“นั่นคือราชาผู้ยิ่งใหญ่ของวังพิภพและอเวจี ส่วนอาวุธที่พวกเขาถืออยู่ไม่ใช่อาวุธเต๋าสุดขั้วแต่เป็นอาวุธที่บรรจุไว้ด้วยเศษเสี้ยววิญญาณของปราชญ์ตัวจริงแห่งราชวงศ์นักฆ่าทั้งสอง” ฉีลั่วกล่าวอย่างเคร่งขรึมพร้อมกับขมวดคิ้ว

……..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด