1269 - แผนการของศัตรู
1269 - แผนการของศัตรู
นี่คือสุสานที่เต็มไปด้วยภูตผี ซากศพจำนวนมากฟื้นคืนชีพกลับมาและทำให้หนังศีรษะของทุกคนชาด้านด้วยความหวาดกลัว
“ข้าไม่เชื่อในความชั่วร้าย”
เจ้าอ้วนต้วนก้าวร้าวมาก เขายืนอยู่ด้านหน้าของหลุมศพที่มีโครงกระดูกสีขาวปีนออกมา จากนั้นเขาก็ใช้ถุงวิเศษของตัวเองครอบเข้าหาศีรษะของมันและออกวิ่งอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเขาจะเคลื่อนไหวเร็วมากและเลือกสถานที่ที่ค่อนข้างลับตา แต่สุดท้ายเขาก็ยังถูกตรวจพบโดยนักรบสวรรค์จำนวนหนึ่ง
เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นพวกเขาก็หันหลังและวิ่งหนีไปที่ทางเข้าของชั้นสามสิบสองอย่างรวดเร็ว เจ้าอ้วนคนนี้มักจะสร้างปัญหาไร้สาระอยู่เสมอดังนั้นพวกเขาต้องหนีห่างให้เร็วที่สุด
พื้นแผ่นดินเริ่มสั่นสะเทือน นักรบสวรรค์หลายร้อยคนรวมตัวกันคลื่นพลังที่ปะทุออกมาจากร่างของพวกเขาน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุด
ในเวลานี้เม็ดฝนสาดลงมาจากท้องฟ้าไม่หยุดหย่อน ราวกับน้ำตาแห่งสวรรค์ ผู้คนลืมตาได้อย่างยากลำบากเพราะแรงกดดันที่แข็งแกร่งนี้
เย่ฟ่านและคนอื่นๆ วิ่งไปข้างหน้าอย่างดุเดือดและกระโดดลงไปในเหวตื้นๆ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ นักรบแห่งความตายที่อยู่ด้านหลังของพวกเขาไม่ได้มีสติปัญญามากถึงขนาดนั้น และในที่สุดทุกคนก็หลบหนีได้สำเร็จ
ต้วนเต๋อแก้ถุงในมือพร้อมกับปล่อยนักโทษลงไปในบ่อโคลน ขณะที่นักรบสวรรค์พยายามจะต่อสู้กลับมันก็ถูกเท้าขนาดใหญ่ของจักรวรรดิดำเหยียบย่ำลงไปในบ่อโคลนอีกครั้ง
หลายคนมารวมตัวกันเพื่อปิดผนึกนักรบสวรรค์และสำรวจทะเลวิญญาณของอีกฝ่ายทันที
“ทุกสิ่งล้วนเต็มไปด้วยความว่างเปล่า สิ่งที่บรรจุอยู่ภายในมีเพียงความมุ่งมั่นที่จะสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเท่านั้น” ตงฟางเย่รู้สึกงุนงงและแสดงท่าทางแปลกๆ
คนอื่นๆ ก็ค้นพบความลับนี้เช่นกัน ต้วนเต๋อตื่นตัวมากและทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีแล้วตะโกนด้วยความตกใจ
“ไม่ ถอยออกไปเร็ว!”
ทันทีที่พวกเขาตระหนักถึงเรื่องนี้ทุกคนก็พุ่งตัวกลับไปทางด้านหลังก่อนที่นักรบสวรรค์ตนนั้นจะระเบิดทะเลแห่งความทุกข์ของตัวเอง
บูม!
เลือดเนื้อและกระดูกของมันกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง
ต้วนเต๋อหยิบกระดูกชิ้นหนึ่งขึ้นมาหลังจากพิจารณาอยู่นานเขาก็กล่าวว่า
“ย้อนกลับไปดูหน่อยบางทีสถานการณ์อาจสงบลงแล้ว”
พวกเขาหลบหนีไปค่อนข้างไกลและเมื่อย้อนกลับมาก็เห็นซากศพของผู้คนจำนวนมากแต่กลับไม่เห็นซากศพของนักรบสวรรค์แม้แต่คนเดียว
“มันแปลก เห็นได้ชัดว่าต่อให้นักรบสวรรค์แข็งแรงมากกว่านี้พวกมันก็ไม่มีทางที่จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย” หลายคนประหลาดใจที่ไม่พบศพ
“ไม่จำเป็นต้องค้นหา พวกมันยังอยู่ที่นี่เพียงแต่กลายเป็นฝุ่นผงไปเท่านั้นเอง” ต้วนเต๋อกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ต้วนเต๋อหยิบกระจกกระดูกเซียนออกมาและปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ให้เข้าไปในกระดูกเพื่อมองเห็นฉากที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
ซากศพของนักรบสวรรค์จำนวนมากแม้จะฟื้นฟูตัวเองกลับมาได้แล้ว แต่ด้วยเวลาที่ผ่านไปนานกว่าสองแสนปีในที่สุดร่างของพวกมันก็แหลกสลายกลายเป็นฝุ่นผงอีกครั้ง
“เมื่อครู่นี้พวกมันยังมีชีวิตอยู่ แต่สุดท้ายกลับต้องสลายไปเช่นนี้!”
ราชวงศ์อวี้หัวนั้นแปลกเกินไป เป้าหมายสูงสุดของพวกเขาคือการเป็นอมตะ บางทีนี่อาจเป็นวิธีการหนึ่งที่ใช้ในการยืดชีวิตของตัวเองอย่างไม่สิ้นสุด
แต่สุดท้ายในโลกนี้ไม่มีใครฝ่าฝืนกฎแห่งสวรรค์พิภพได้ พวกเขามีอายุจำกัดเท่าที่สวรรค์ให้มา ดังนั้นเมื่อพวกเขาใช้วิธีการพิเศษในการยืดอายุตัวเองย่อมไม่อาจรอดพ้นจากสายตาของสวรรค์ไปได้
“รีบไปกันดีกว่า หากเรายังเสียเวลาอยู่ตรงนี้คนอื่นๆ อาจได้รับสมบัติไปแทน”
ในเวลาต่อมาพวกเขาก็วิ่งเข้าไปในวิหารที่สว่างไสวไปด้วยแสงสีทอง ในผู้คนนับหมื่นที่เข้ามาในวิหารแห่งนี้ยังมีผู้รอดชีวิตหลายร้อยคน และยิ่งขอบเขตของวิหารเล็กลงเท่าใดผู้คนที่ชุมนุมกันอยู่ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ทันใดนั้น ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา แสงสีดำก็ปรากฏขึ้นกลืนเหนือศีรษะของเย่ฟ่าน มันเป็นหม้อใบใหญ่ที่ตกลงมาจากท้องฟ้าด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง!
“จิน”
เย่ฟ่านชี้นิ้วขึ้นไปด้านบนพร้อมกับคำรามด้วยมนต์หกอักขระ จากนั้นฮั่วอวิ๋นเฟยที่สวมชุดสีฟ้าครามก็ปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่า
แสงสีทองลอยมา และหลี่เสี่ยวม่านก็ปรากฏตัวในอีกทางหนึ่งพร้อมกับควบคุมจระเข้สีทองขนาดใหญ่ให้พุ่งเข้าหาเย่ฟ่านด้วยความดุร้าย
ปัง!
กำปั้นสีทองที่แข็งแกร่งของเย่ฟ่านกระแทกออกไปข้างหน้าและทุบจระเข้สีทองจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นๆ
“เจ้ายังมีหน้ามาพบพวกเราอีกหรือ?”
ผังป๋อมองหน้าเพื่อนเก่าที่ข้ามจักรวาลมาด้วยกัน ก่อนหน้านี้นางได้นำมือสังหารหลายร้อยคนออกไล่ล่าตัวเขาโดยไม่สนใจมิตรภาพเก่าก่อน สิ่งนี้ทำให้ผังป๋อรู้สึกโกรธแค้นอยู่เสมอ
เย่ฟ่านโจมตีฮั่วอวิ๋นเฟยโดยไม่กล่าวอะไร ขณะที่ผังป๋อโจมตีหลี่เสี่ยวม่าน การต่อสู้ที่น่าตกใจระเบิดขึ้นและทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งเน้นที่จะสังหารกันและกันอย่างไร้ความปรานี
ท่ามกลางแสงที่ระเบิดขึ้นกลางความว่างเปล่า ฮั่วอวิ๋นเฟยและหลี่เสี่ยวม่านหลบหนีเข้าไปในรอยแยกของมิติและหลีกเลี่ยงการต่อสู้อีกครั้ง
เย่ฟ่าน ผังป๋อและจักรพรรดิดำเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านค่ายกลดังนั้นพวกเขาจึงไล่ล่าออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะที่ข้ามความว่างเปล่าหลายต่อหลายครั้งในที่สุดเย่ฟ่านก็ตะโกนขึ้น
“หยุด!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังหันกลับมามองเย่ฟ่านด้วยความสงสัย พวกเขาก็กวาดสายตาไปรอบๆและเห็นนักรบสวรรค์หลายร้อยคนผุดขึ้นมาจากพื้นดินอย่างรวดเร็ว
“พวกเขาพยายามหลอกล่อเราไปสู่ความตาย”
เย่ฟ่านทำได้เพียงหลีกเลี่ยงนักรบสวรรค์ได้หยุดการไล่ล่าทั้งสองคนเพียงเท่านี้
หลังจากนั้นทั้งกลุ่มก็เดินทางอย่างหลบๆซ่อนๆเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของนักรบสวรรค์จนกระทั่งถึงสถานที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง
“ที่แท้ก็เป็นพวกเขาเองที่ปลุกนักรบสวรรค์ให้ตื่นขึ้นมา” ฉีลั่วเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
นักรบสวรรค์เหล่านี้ไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับกลุ่มของเย่ฟ่านมากนัก แต่เห็นได้ชัดว่าฮั่วอวิ๋ยเฟยและจี้จื่อเยว่ต้องการใช้พวกมันขัดขวางและสร้างความรำคาญให้กับพวกเขาจนกระทั่งไม่สามารถไปถึงแท่นบูชาห้าสีได้ทันเวลา
เมื่อไปถึงวิหารชั้นที่สามสิบสองสิ่งที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าของพวกเขาคือโลกอันมืดมืดไม่มีฝนตกอีกต่อไป พื้นดินของที่นี่แห้งแล้งมาก
อย่างไรก็ตามทันทีที่เข้ามาข้างในพวกเขาก็มองเห็นดวงตาที่เย็นชาคู่หนึ่ง เจ้าของดวงตาคู่นั้นมีกระบี่เล่มใหญ่อยู่ในมือ ร่างกายของมันมืดสนิทและกวาดกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวเข้าหาทุกคนทันที
วานรศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกไปข้างหน้าและปะทะกับฝ่ายตรงข้ามโดยไม่มีความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย
“นี่คือราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่เกือบจะทะลวงเข้าสู่อาณาจักรเซียนแล้ว เขาคือขุนพลสวรรค์!”
การต่อสู้อันดุเดือดได้เริ่มต้นขึ้น แม้ว่าในที่สุดวานรศักดิ์สิทธิ์จะสามารถเอาชนะขุนพลสวรรค์คนนี้ได้ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องเสียเวลาถึงสองวัน
และทันทีที่ขุนพลสวรรค์คนนั้นล้มตายลง ในเวลาไม่ถึงสิบลมหายใจก็มีขุนพลสวรรค์อีกคนปรากฏตัวขึ้น
ขุนพลสวรรค์เหล่านี้ล้วนอยู่ในขอบเขตที่เกือบจะพิสูจน์เต๋าได้แล้ว ดังนั้นการจะฆ่าพวกเขาย่อมไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้อย่างง่ายๆ
เย่ฟ่านและวานรศักดิ์สิทธิ์ใช้วิธีการเปลี่ยนหน้าเข้าชนเพื่อเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพักผ่อนฟื้นฟูกำลัง
ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้อยู่นั้นก็มีกลุ่มยอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์โบราณปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่าและโจมตีพวกเขาในช่วงเวลาอันเลวร้ายที่สุด ทั้งสองคนเกือบจะเสียท่าอยู่หลายครั้ง
ทั้งกลุ่มเสียเวลาอยู่แบบนี้หลายวันจนกระทั่งไม่มีขุนพลสวรรค์ตัวใหม่ฟื้นขึ้นมาพวกเขาจึงสามารถถอนหายใจได้อย่างโล่งอก
ด้วยการปรากฏตัวของยอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์โบราณเป็นจำนวนมากไม่ต้องบอกก็ทราบได้ว่าเทียนหวงจื่อได้ร่วมมือกับฮั่วอวิ๋นเฟยและหลี่เสี่ยวม่าน รวมทั้งวังพิภพกับวังอเวจีอีกแล้ว
สถานการณ์นี้ร้ายแรงอย่างยิ่ง ตลอดหลายวันที่ผ่านมากลุ่มเย่ฟ่านแทบจะไม่มีโอกาสพักผ่อนแม้เที่ยวลมหายใจ
พวกเขาเผชิญหน้ากับการโจมตีของสิ่งมีชีวิตระดับราชาผู้ยิ่งใหญ่หลายสิบคนอย่างต่อเนื่อง และยังต้องรับมือกับขุนพลสวรรค์ที่ถูกก่อกวนจนตื่นขึ้นมา
สิ่งที่ทำให้เย่ฟ่านประหลาดใจมากที่สุดก็คือผู้พิทักษ์ของฮั่วอวิ๋นเฟยสามารถต่อสู้กับฉีลั่วที่เกือบจะพิสูจน์เต๋าได้สำเร็จแล้ว แม้ว่าอีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่สุดท้ายฉีลั่วก็ยังไม่สามารถฆ่าคนผู้นั้นได้
“ผู้พิทักษ์คนนั้นน่ากลัวมาก เขาคงถืออาวุธเต๋าสุดขั้วมานานหลายปีไม่เช่นนั้นคงไม่มีกลิ่นอายของอาวุธเต๋าสุดขั้วแผ่ออกมาจากร่างกายเข้มข้นถึงขนาดนั้น!” ต้วนเต๋อเลิกคิ้ว
……..