บทที่ 8 สถานที่นี่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
บทที่ 8 สถานที่นี่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
"บอกลางั้นหรือ?"
เฉินกัวตงรู้สึกราวกับว่าเขาถูกฟ้าผ่า และมือที่ยื่นออกมาของเขาก็ห้อยอยู่ในอากาศ เขาฝืนยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อยว่า "มีอะไรผิดปกติหรือป่าว ทำไมพวกเจ้าถึงต้องการจากไป? หรือพวกเจ้ามีมีข้อโต้แย้งใดๆ เกี่ยวกับการกระจายเหยื่อหรือไม่ หากพวกเจ้ามีความคิดเห็นอะไร เราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ เราสามารถหารีอกันได้”
ใครๆ ก็บอกได้ว่าตอนนี้เขารู้สึกตื่นตระหนกอยู่เล็กน้อย
ผู้หญิงผู้เป็นแม่กอดเด็กชายตัวเล็ก ๆ และมองภาพตรงหน้าด้วยความตื่นตระหนก จิตใจของเธอว่างเปล่ามากจนเธอลืมที่จะพูดอะไรบางอย่างเพื่อรั้งพวกเขาไว้
เฉินฟานก็ตกใจเช่นกัน
เขาจำสิ่งที่ลุงจางพูดไว้ก่อนหน้านี้ได้ที่บอกว่า ข้าเกรงว่าพี่น้องแซ่เว่ยพวกเขาจะอยู่ที่นี่ไม่นานนักหรอก ใครจะคิดว่ามันจะสำเร็จเร็วขนาดนี้?
“พี่กัวตง มันไม่ใช่อย่างที่ท่านคิด”
ชายคนหนึ่งที่ดูค่อนข้างคล้ายกับเว่ยเทียนกง แต่อายุน้อยกว่า ลุกขึ้นยืนและพูดออกมา แต่เขาดูเหมือนจะเขินอายเล็กน้อยเมื่อมองเข้าไปในดวงตาของเฉินกัวตง
“เราไม่คัดค้านการกระจายเหยื่อของท่าน และเราก็มีความรู้สึกเหมือนพี่กัวตงเช่นกัน ในตอนแรกท่านเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคน ทำให้เรามีความมั่นใจในการจัดการกับอุปสรรค และเป็นผู้นำในการเข่นฆ่าพวกสัตว์อสูร”
"ใช่แล้ว"
ทั้งสองคนที่อยู่ข้างหลังพี่ชายสองคนก็พยักหน้าอย่างรุนแรงเช่นกัน
"แล้วทำไมพวกเจ้าถึงต้องการจากไป?"
เหงื่อเย็นไหลออกมาบนหน้าผากของเฉินกัวตง
ในหมู่บ้านนี้มีผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ไม่มากนัก และพวกเขาทั้งสี่คนจะจากไปพร้อมกันเช่นนี้ แถมพี่น้องแซ่เว่ยเป็นคนที่มีฝีมือการยิงธนูที่ยอดเยี่ยมที่สุด เมื่อพวกเขาจากไปหมู่บ้านที่ยากจนอยู่แล้วก็จะยิ่งแย่ลงไปอีก
หัวใจของเฉินฟานก็ตกลงตาตุ่มของเขาเช่นกัน
แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการให้คนเหล่านี้จากไปเช่นกัน
เว่ยเทียนหยวนเหลือบมองพี่ชายของเขาซึ่งพยักหน้าเล็กน้อย
“พี่กัวตง ข้าขอบอกความจริง และขอให้ท่านอย่าโกรธกันเลยนะ”
"ว่ามา..?"
เฉินกัวตงพูดด้วยรอยยิ้มที่เหมือนบังคับออกมา
สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือการที่พวกเขาตัดสินใจเลือกแล้ว หลังจากชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้ว เพราะมันหมายความว่าเขาจะไม่สามารถรั้งพวกเขาไว้ได้
เว่ยเทียนหยวนสูดหายใจเข้าลึกๆ และมองที่เฉินกัวตงพร้อมกับพูดว่า "เพราะถ้าพวกเราอยู่ที่นี่ จะไม่มีความหวัง"
หลังจากพูดแบบนี้ ดูเหมือนจะมีเสียงอะไรบางอย่างตกแตกภายในห้อง
“พี่กัวตง เรามีคนมากมายอาศัยอยู่ที่นี่ มีคนมากกว่าร้อยคน แต่เป็นผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่กลับน้อยกว่ายี่สิบคนแถมยังมีเด็กหนุ่มที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ไม่กี่คนเท่านั้น ที่เหลือเป็นผู้หญิงที่แก่และเด็กที่อ่อนแอ มีปากมากมายแต่มีพวกเราเพียงไม่กี่คนที่ทำหน้าที่หาอาหาร ทำให้มันเป็นเรื่องยากลำบากอย่างมาก”
“ใช่ มันยากมากจริงๆ” เฉินกัวตงเปิดปาก “แต่เราก็สามารถยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้ไม่ใช่เหรอ เรายังคงยืนหยัดอยู่ได้”
"แต่เหล่าสิ่งมันเกี่ยวข้องกับเราเหรอ อีกอย่างเราต้องการพัฒนาความเป็นอยู่และความแข็งแกร่งของตัวเองให้เพิ่มมากขึ้น?"
เว่ยเทียนกงพูดขึ้น
ตอนนี้ดวงตาของเขาสงบมาก "พี่น้องตระกูลจ้าวในจ้าวเจียเป่าก็เหมือนพวกเรา เมื่อไม่กี่ปีก่อนพวกเขาก็สามารถน้าวคันธนูที่มีแรงดึงหนึ่งร้อยปอนด์เท่านั้น ในช่วงเวลาต่อมาพวกเขาได้พัฒนาร่างกายด้วยการกินเนื้อสัตว์อสูรที่ล่ามาได้ ทำให้พวกเขาสามารถดึงธนูสามร้อยปอนด์ได้ ถ้าเรามีอาหารเพียงพอเราก็ทำได้เช่นกัน”
จู่ๆ เฉินกัวตงก็พูดไม่ออกและรู้สึกละอายใจอย่างมาก
ถูกต้อง ทุกครั้งที่ทีมล่าจับเหยื่อได้ มากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นเพราะการมีส่วนร่วมของพี่น้องแซ่เว่ย แต่ทุกครั้งที่พวกเขากลับมาพวกเขาจะได้รับส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
"พี่กัวตง"
ราวกับว่าเขารู้ว่าเขาพูดตรงเกินไปหน่อย เว่ยเทียนกงถอนหายใจและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
"ฟังคำแนะนำของข้า หมู่บ้านนี้สิ้นหวังแล้ว ทำไมท่านไม่ไปเมืองจ้าวเจียเป่ากับพวกเราล่ะ ที่ซึ่งไม่เพียงแต่จะมีอาหารมากขึ้นเท่านั้น สภาพความเป็นอยู่ก็ดีอย่างมากอีกด้วย และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือท่านสามารถเรียนรู้ทักษะบางอย่างเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของท่านได้ ในโลกนี้ท่านจะอยู่รอดได้ก็ต่อเมื่อท่านมีความแข็งแกร่งเท่านั้น”
“ใช่แล้ว พี่กัวตง ท่านก็มากับพวกเราเถอะ”
ดวงตาของเว่ยเทียนหยวนเต็มไปด้วยความหวัง
พี่น้องทั้งสองคนสร้างคุณประโยชน์ให้กับหมู่บ้านไปมากมาย และตอนนี้พวกเขาก็มีความคิดที่ชัดเจนในเรื่องการพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง
ตอนนี้พวกเขาควรจะอยู่เพื่อตัวเองและแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่ครอบครัวของพวกเขาจะได้ไม่ต้องใช้ชีวิตด้วยความหิวโหยและหนาวเหน็บอีกต่อไป
เฉินฟานมองไปที่พ่อของเขา ถ้าเขาเดาถูก
แน่นอนว่าเฉินกัวตงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ดวงตาของเขาก็มั่นคงขึ้นและเขาก็ยิ้มทั้งน้ำตา "ข้าเข้าใจเทียนกง การไปที่จ้าวเจียเป่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดจริงๆ ข้าจะตำหนิพวกเจ้าได้อย่างไร ตลอดเวลาที่ผ่านมาถ้าเราไม่มีพวกเจ้า เราก็คงไม่สามารถอยู่มาจนถึงวันนี้”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้เว่ยเทียนกงและคนอื่น ๆ ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็รู้สึกผิดเล็กน้อยอยู่ในใจเช่นกัน
“พี่กัวตง ท่านไม่ไปกับพวกเราจริงๆเหรอ?” เว่ยเทียนหยวนถามขึ้นมาเพื่อยืนยันอีกครั้ง
"ไม่หรอก"
เฉินกัวตงยิ้มเล็กน้อยมองดูบ้านที่อยู่ห่างออกไปแล้วพูดว่า "ตอนที่หมู่บ้านจะถูกสร้างขึ้นข้าสัญญากับทุกคนว่าจะอยู่กับพวกเขา อาจกล่าวได้ว่าหมู่บ้านนี้เป็นผลมาจากความพยายามร่วมกันของทุกคน มีหลายคนที่ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อหมู่บ้านนี้ ดังนั้นข้าจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อประคับประคองมันไปเรื่อยๆ
ตอนนี้พวกเขาหลายคนจากไปแล้ว เช่นอาฮัว, ต้าเฟยและซูจือ แต่ครอบครัวของพวกเขายังอยู่ที่นี่ ข้าไม่สามารถละทิ้งพวกเขาได้ "
เสียงนี้ดังขึ้นและมีความเงียบงันไปทั่วทั้งบริเวณชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาของพวกเขาก็กลายเป็นสีแดงทั้งหมด
เว่ยเทียนกงสูดหายใจลึกด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เขายื่นมือออกมาแล้วตบไหล่คนพูด "พี่ใหญ่กัวตง ดูแลตัวเองด้วย"
หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปที่เฉินฟานและคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นจึงหันหลังและเดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว
“พี่กัวตง ข้าขอโทษ”
เว่ยเทียนหยวนโค้งคำนับและติดตามไปอย่างรวดเร็ว
“พี่กัวตง เราจะไปแล้ว ดูแลตัวเองด้วย!”
"ดูแลตัวเองด้วย"
อีกสองคนก็พูดลาเขาพร้อมกับหันหลังกลับและเดินจากไป
ภายในเวลาไม่นานพวกเขาก็หายตัวไปกับความมืดอย่างสมบูรณ์ และแม้แต่เสียงฝีเท้าก็ไม่ได้ยินอีกแล้ว
เฉินฟานมองดูพ่อของเขาที่ยืนอยู่ที่นั่นอย่างตกตะลึงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาของเขา
"ดีแล้ว ทุกคนมีทางเลือกเป็นของตัวเอง"
เขาถอนหายใจยาวออกมา
แม้ว่าเขาจะเข้าใจ แต่เขาก็มีอารมณ์ที่ซับซ้อนและรู้สึกเสียดายอย่างมาก
เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือสถานการณ์ในหมู่บ้านที่ยิ่งแย่ลงไปอีก
ต้องอัพเกรดระดับ [การยิงธนูขั้นพื้นฐาน] โดยเร็วที่สุด!
“กินข้าวกันก่อนเถอะ กัวตง”
หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าซีดเซียว
เฉินกัวตงนิ่งเงียบและพยักหน้าหลังจากนั้นไม่นาน
แม้ว่าอาหารเย็นครั้งนี้จะเรียกว่า "หรูหรา" แต่บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็เงียบสงบและดูไม่ค่อยมีความสุขอย่างมาก
ผู้หญิงคนนั้นใส่เนื้อกระต่ายหลายชิ้นลงในชามของเฉินฟาน และพูดอย่างลำบากใจ "เซียวฟาน วันนี้เจ้าฝึกยิงธนูมาทั้งวัน กินให้มากหน่อย"
"ได้ครับ"
เฉินกัวตงที่เงียบขรึมก็ตอบสนองเช่นกัน เขาหยิบเนื้อขึ้นมาสองสามชิ้นแล้วใส่ลงในชามของเฉินฟาน มองดูเด็กน้อยที่อยู่ข้างๆ น้ำลายไหล
ในชามของเขามีสองชิ้นซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
"พ่อท่านก็ควรกินมากกว่า"
เฉินฟานรู้สึกยินดีและรีบหยิบเอาเนื้อกลับไป
อีกฝ่ายเป็นเสาหลักของครอบครัว ไม่ต้องพูดถึงที่ว่าพรุ่งนี้การล่ามันจะยากขึ้นอีกเมื่อพี่น้องตระกูลเว่ยจากไป
“เจ้ากินเถอะ ข้ารู้สึกไม่อยากกินอาหารเท่าไหร่”
เฉินกัวตงยิ้มเล็กน้อย
เฉินฟานเงียบไปเมื่อเห็นสิ่งนี้
เนื้อในชามมีกลิ่นฉุน ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะหยิบชิ้นหนึ่งใส่ปากแล้วเคี้ยว เขารู้สึกว่ากลิ่นหอมหวลที่อยู่ระหว่างริมฝีปากและฟัน เนื้อเพิ่งสุกโรยด้วยเกลือนิดหน่อยแต่อร่อยมาก จนเขาแทบกลืนลิ้นเข้าไปด้วยเลย
ทันใดนั้นก็มีข้อมูลชิ้นหนึ่งเข้ามาในใจ
【แต้มค่าสถานะ +0.1】
เฉินฟานตกตะลึง