ตอนที่ 14 เหมือนกวางน้อย
วันต่อมา
แหมะ แหมะ
เสียงหยดน้ำตกลงแอ่งทำให้บรรยากาศในห้องดูเงียบสงบเป็นพิเศษ
บนเตียงข้างหน้าต่าง เฟิงหยูเตี๋ยลืมตา หันไปมองด้านนอก ท้องฟ้าเป็นสีเทา นางไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเวลากี่ยาม
เสี่ยวเทียนที่นั่งบนขอบหน้าต่างเห็นว่านางตื่นแล้วและบินมา ถามด้วยใบหน้าเป็นห่วง“หยูเตี๋ย เจ้าเป็นยังไง?เจ็บตรงไหนไหม?”
เฟิงหยูเตี๋ยพยายามกำหมัด จากนั้นก็ลุกจากเตียง แต่ตอนนางยืน ขานางก็อ่อนแรงและนางก็นั่งลงใหม่
“ขายังอ่อนแรง แต่รู้สึกดีขึ้นเยอะ”
เสี่ยวเทียนบินไปที่ไหล่นาง“หยูเตี่ย เจ้ารู้ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหน ถ้าเด็กนั่นกับน้องสาวเขามาช้ากว่านี้สักนิด วิญญาณเจ้าคงสลายแล้ว ข้ากลัวแทบตาย”
“ข้าก็รอดไม่ใช่เหรอ?”เฟิงหยูเตี๋ยผ่อนคลาย ทิ้งตัวบนเตียงก่อนพูดอย่างดีใจ“ฮึ่ม ข้าคือบุตรแห่งโชค!ข้ายังรอดมาได้แม้จะเจอกับผู้บ่มเพาะมาร”
“เจ้าเคยได้ยินคำว่า สักวันโชคจะหมดไปไหม?”
“อะไร ไหนเจ้าบอกว่าข้าคือผู้แบกรับชะตากรรมของสวรรค์?”
“ใช่ เจ้ามีสายเลือดของจักรพรรดิ ดังนั้นเจ้าจึงเห็นข้า แต่เจ้ารู้ไหมว่าเด็กนั่นที่ช่วยเจ้าทำอะไร?”
“ทำอะไร?”
เสี่ยวเทียนยิ้ม“พวกเขาฆ่าผู้บ่มเพาะมารที่โจมตีเจ้า ข้าเห็นศพโดนเผาโดยทั้งสอง”
เฟิงหยูเตี๋ยคิดว่าหูฝาดและถาม“ผู้บ่มเพาะมารคนนั้นถึงอาณาจักรวิญญาณแรกก่อตั้งแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่”เสี่ยวเทียนพยักหน้า“ข้าก็ยังไม่อยากเชื่อ รากปราณของเด็กพวกนั้นไม่ได้โดดเด่น แต่ความเร็วบ่มเพาะเหนือกว่าใคร เด็กหนุ่มถึงหลอมลมปราณขั้นสามที่วัย 15 ส่วนเด็กสาวบรรลุขั้นสมบูรณ์เพียงวัย 14”
“..”
“นอกจากนี้ ทั้งสองยังฆ่าผู้บ่มเพาะมารวิญญาณแรกก่อตั้งได้ แม้ตอนนั้น ผู้บ่มเพาะมารคนนั้นจะบาดเจ็บจากมังกรทอง แต่การที่ฆ่าชายคนนั้นได้ก็พอจะแสดงถึงพลังของทั้งสอง’
“จริงเหรอ?”
“ข้าเห็นกับตา”เสี่ยวเทียนพยักหน้าและบินไปหานางพร้อมอ้าแขน“ไม่ต้องพูดถึงเด็กหนุ่ม ยังไงซะ ฐานบ่มเพาะเขาก็แค่หลอมลมปราณขั้นสามและไม่มีทางเอาชนะเจ้าได้ แต่เด็กสาวนั้นแตกต่าง ต่อหน้านาง แค่ห้ากระบวนท่า เจ้าก็ล้มแล้ว เชื่อไหม?”
เสี่ยวเทียนอยากทำลายขวัญกำลังใจของเฟิงหยูเตี๋ย
การแข่งขันจะทำให้กดดัน ส่วนแรงกดดันจะผลักคนให้เติบโตเร็วขึ้น
ไหวพริบของนางสูง ตลอดสิบปีที่ผ่านมา คนรุ่นเดียวกับนางทั้งหมด หรือแก่กว่าล้วนแพ้นาง เวลานี้ ผู้บ่มเพาะมารได้สั่งสอนนาง และเพ่ยเหลียนเสวี่ยก็คือแรงผลักดัน
“แม่นางเพ่ยทรงพลังขนาดนั้นเชียว”
“อืม เหนือฟ้าย่อมมีฟ้า”เสี่ยวเทียนสั่งสอน“เช่นนั้น เจ้าก็ต้องฝึกให้หนักขึ้น รู้ไหม?เจ้ามีคุณสมบัติมากกว่ายัยหนูเพ่ย นางไม่มีทางเทียบกับเจ้าได้ในอนาคต แต่ถ้าเจ้าเอาแต่เล่นแบบนี้ คิดถึงแต่ไก่ย่างและเล่นสนุกไปวันๆ ไม่ช้าก็เร็ว รากปรารเจ้าจะเสียของ..”
แต่หลังฟัง เฟิงหยูเตี๋ยกลับหน้าแดง
เสี่ยวเทียนขมวดคิ้ว“เจ้าหน้าแดงทำไม?”
นางกุมหน้า และยิ้มอายๆ“แม่นางเพ่ยทั้งสวยทั้งเก่ง นางยังช่วยข้าเอาไว้ด้วย ข้าคิดว่า..”
“เจ้าคิดอะไร?”
“ข้า..คิดว่าข้าตกหลุมรักนาง”
ใบหน้าเสี่ยวเทียนแข็งมื่อ จากนั้นก็นวดจมูกก่อนจะกระโดดเตะหน้าผาก
“หยูเตี๋ย!!!ข้าไม่ได้บอกเจ้าเพื่อให้หัวใจเจ้าพองโต แต่เพื่อให้เจ้ารู้สึกถึงวิกฤตถ้าไม่ฝึก..”
“ข้ารู้ ข้ารู้!”เฟิงหยูเตี๋ยโบกมือและหัวเราะ“แต่เสี่ยวเทียน ดูสิ ข้าเองก็เป็นสาวน้อย รู้สึกสับสน ข้าจะไม่ประทับใจได้ไง?แถม นางคือผู้ช่วยชีวิตข้า!”
เสี่ยวเทียนพูดไม่ออก“หยูเตี๋ย เด็กหนุ่มนั่นก็คือผู้ช่วยเจ้า ข้าสามารถเข้าใจได้ถ้าเจ้าหลงเขา แต่ทำไมถึงหลงสาวน้อย?”
“ผู้ชายล้วนแย่!”
“..”
เฟิงหยูเตี๋ยหัวเราะและถาม“เสี่ยวเทียน เจ้าคิดว่าแม่นางเพ่ยจะชอบข้าไหม?”
“เจ้าคิดว่าเด็กสาวทั้งหมดจะหน้าด้านเหมือนเจ้าหรือไง?”
“แต่นางอยู่ข้างเตียงข้าตลอดเลยและยังปอกแอปเปิ้ลให้ข้าด้วย”หลังพูด นางก็ยังแกนแอปเปิ้ลที่เพ่ยเหลียนเสวี่ยโยนให้นางเมื่อวานมาและเสี่ยวเทียนก็หน้ากระตุก
“เจ้าเก็บแกนแอปเปิ้ลนี้ไว้ใต้หมอนตลอดคืนเนี่ยนะ?”
“ใช่ แม่นางเพ่ยปอกให้ข้า”เฟิงหยูเตี๋ยยิ้ม“ข้าคิดว่าหากเก็บไว้ใต้หมอน ข้าจะได้ฝันถึงนาง”
“..”
เสี่ยวเทียนพูดไม่ออกจริงๆ
มันเป็นปกติที่เด็กสาววัย 15 อย่างเฟิงหยูเตี๋ยจะมีความรู้สึกต่อใครบางคนที่ทั้งเก่งและหน้าตาดี
แต่ ปกติกับผีนะสิ!
เด็กสาวคนนี้เหมือนกววางในแสงไฟเพราะสาวอื่น ถ้าอาจารย์นาง ท่านไท่สวี่รู้ว่านางเป็นแบบนี้ จะต้องตีนางแน่
เวลานี้เอง มีเสียงเคาะประตู เสี่ยวเตี๋ยเข้ามาพร้อมชามข้าวต้ม พอเห็นเฟิงหยูเตี๋ยตื่น นางก็ยิ้ม“แม่นางเฟิง ท่านตื่นแล้ว?นี่คือข้าวต้มยาที่นายน้อยเตรียมไว้เพื่อช่วยให้ท่านฟื้นตัวเร็วขึ้น”
“อืม?!เจ้า..เสี่ยวเตี๋ยใช่ไหม?แม่นางเพ่ยบอกข้าเกี่ยวกับเจ้าไว้แล้ว’
“เจ้าค่ะ แม่นางเฟิง แค่เรียกข้าว่าเสี่ยวเตี๋ยก็พอ”นางเดินมาที่เตียงและยื่นชามให้“ขณะที่ท่านอยู่ในสำนักร้อยดอกบัว ถ้าท่านต้องการอะไร บอกข้าได้เลย นายน้อยบอกว่าเราควรดูแลท่านให้ดี ท่านไม่ต้องเกรงใจ”
“งั้นก็ฝากขอบคุณนายน้อยเย่ด้วยนะ”
เสี่ยวเตี๋ยพยักหน้า“แม่นางเฟิง ถ้าท่านอยากขอบคุณเขา มันดีกว่าที่จะขอบคุณเอง ตอนนี้ กินข้าวต้มก่อน แล้วข้าจะช่วยท่านหวีผม เปลี่ยนชุด ชุดท่านเปื้อนเลือด และล้างไม่ออก ข้าเลยโยนนทิ้งไปแล้ว นายน้อยซื้อชุดใหม่ให้และขอให้ข้านำมาให้ท่าน”
พอฟังเสี่ยวเตี๋ยพูดถึงนายน้อย เฟิงหยูเตี๋ยก็รู้สึกว่านายน้อยต้องชอบนางและขอให้สาวใช้คนนี้มาเอาใจนาง
หลังเงียบไป เฟิงหยูเตี๋ยก็เปลี่ยนเรื่องและถาม“ว่าแต่ แม่นางเพ่ยอยู่ไหน?”
“คุณหนูเพ่ยควรฝึกกระบี่อยู่ในลานฝึกกับนายน้อย”
“..ข้าขอไปดูได้ไหม?”
“ได้สิเจ้าค่ะ แต่ต้องกินให้หมดก่อน”