1268 - กองทัพสวรรค์ที่แข็งแกร่ง
1268 - กองทัพสวรรค์ที่แข็งแกร่ง
อาวุธสวรรค์แต่ละชิ้นไม่เพียงทรงพลังเท่านั้นพวกมันยังทนทานอย่างมาก สิ่งมีชีวิตโบราณกลุ่มใหญ่ถูกกวาดล้างออกไปจากการโจมตีของกระบี่สีดำซึ่งดูเหมือนจะเป็นผู้นำของอาวุธสวรรค์ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“แล้วเราจะข้ามไปได้อย่างไร?”
“อาวุธสวรรค์เหล่านี้ล้วนทรงพลัง ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์อวี้หัวมีพลังขนาดไหน?” บางคนประหลาดใจและสงสัย
“ข้าคิดว่าคงไม่มีอาวุธสวรรค์ระดับนี้มากนัก หากพวกเราทุกกลุ่มมุ่งหน้าเข้าไปข้างในพร้อมกันในครั้งเดียวมันไม่มีทางที่จะสกัดกั้นทุกคนได้หมด”
โดยธรรมชาติแล้วคนส่วนใหญ่จะไม่ยอมแพ้ มีผู้คนหลายพันคนเข้ามาถึงชั้นที่สามสิบเอ็ดดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะบุกทะลวงเข้าสู่ส่วนลึกของด่านโดยไม่มีความลังเล
ในเวลานี้ มีคนเคลื่อนไหวอีกครั้ง มีใครบางคนที่มีทักษะการเคลื่อนไหวอันยอดเยี่ยม ร่างของเขาตัดผ่านความว่างเปล่าและหายลับเข้าไปในประตูอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงกรีดร้องเกิดขึ้น และอาวุธสวรรค์ประเภททวนสีดำสนิทได้ทะลวงผ่านร่างของคนผู้นั้นพร้อมกับลากเขาออกมาจากประตู
“ปุ๊บ”
ภายใต้คมทวนที่สะบัดอย่างรุนแรงร่างของคนผู้นั้นถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ
“ฮะ?”
ฉีลั่วมองประตูหินที่อยู่ไม่ไกลด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ คนที่พุ่งผ่านเข้าไปในประตูนั้นเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่มีความเร็วอย่างมาก อย่างไรก็ตามเขายังคงไม่อาจรอดชีวิตได้อยู่ดี
“ราชานักฆ่าจากวังอเวจี!”
ฉีลั่วหรี่ตาลงและสังเกตเห็นทักษะความเคลื่อนไหวของคนผู้นั้นได้อย่างแจ่มชัด จากนั้นเขาก็กล่าวว่า
“ในกรณีนี้ตราบใดที่ความเร็วของพวกเรามีเพียงพอต่อให้อาวุธสวรรค์จะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติแต่ก็จะไม่สามารถไล่ตามพวกเราทันได้”
“เราไม่อาจประมาท เพราะนี่เป็นเพียงชั้นที่สามสิบเอ็ดเท่านั้น ข้าคิดว่าชั้นต่อไปจะยังคงมีอันตรายเช่นเดิม” เย่ฟ่านกล่าว
“จื่อเยว่เจ้ามาส่งข้าแค่นี้เถอะ กลับไปได้แล้ว”
เย่ฟ่านหันกลับมาและเผชิญหน้ากับจี้จื่อเยว่ หากเข้าไปข้างหน้าต่อไปมันจะมีอันตรายร้ายแรงอย่างแน่นอน เขาไม่ต้องการให้นางเอาชีวิตของตัวเองมาเสี่ยง
“ไม่ ข้าอยากเห็นเจ้าเดินทางด้วยแท่นบูชาห้าสีด้วยตาของข้าเอง” จี้จื่อเยว่กล่าวอย่างดื้อรั้นทั้งน้ำตา
“อย่ากังวล เมื่ออยู่กับข้าที่นี่ จะไม่มีใครทำร้ายนางได้” ฉีลั่วกล่าว
“ตกลง ไปที่แท่นบูชาห้าสีกันเถอะ ข้าจะพานางกลับบ้านอย่างปลอดภัย” พวกวานรศักดิ์สิทธิ์ยืนยัน
ต้วนเต๋อและเฮยหวงถึงกับตะโกนว่า “ต่อให้มีศัตรูมากมายเพียงใดเราก็จะฆ่าพวกมันให้หมด”
คนเถื่อนแห่งหนานหลิงก็พยักหน้าเช่นกัน เมื่อได้รับคำยืนยันจากสหายทุกคนเช่นนี้แล้ว เย่ฟ่านก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องลังเลอีกต่อไป
ชายชราตาบอดกล่าวและกล่าวว่า “ด้านหน้าเริ่มอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนสามารถจุดโคมวิญญาณได้ที่นี่ และเราจะรู้ได้ว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหรือไม่”
ผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่โลกระดับสามสิบเอ็ดมากขึ้นเรื่อยๆ และเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นเป็นครั้งคราว เห็นได้ชัดว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
“อาวุธสวรรค์เหล่านั้นแม้ว่าจะไม่มีพลังแข็งแกร่งมากเท่าใด แต่พวกมันก็มีการประสานการโจมตีที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง นั่นทำให้พวกมันแสดงความแข็งแกร่งออกมาได้มากกว่าที่ควรจะเป็น” จักรพรรดิดำวิเคราะห์
“ไปกันเถอะ!”
ในที่สุดเย่ฟ่านและคนอื่นๆ ก็เปิดเคลื่อนไหวด้วยความเร็วและทะลวงผ่านประตูหินในช่วงที่ผู้คนกำลังต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง
ที่ด้านหลังของประตูหินยังมีการต่อสู้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาวุธสวรรค์ที่อยู่ภายในล้วนมีความแข็งแกร่งในระดับราชาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น
เย่ฟ่านและวานรศักดิ์สิทธิ์ทำหน้าที่เปิดทาง ทั้งคู่มีความกล้าหาญอย่างยิ่ง ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาที่สามารถสังหารราชาผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างง่ายดาย อาวุธสวรรค์เหล่านี้ย่อมไม่มีโอกาสที่จะก่อตัวเป็นขบวนรบได้
อาวุธสวรรค์นั้นมีความเด็ดขาดอย่างมาก เมื่อพวกมันรู้ว่าไม่สามารถสกัดกั้นกลุ่มของเย่ฟ่านได้กลุ่มอาวุศสวรรค์ที่ขวางทางพวกเขาอยู่ก็รีบถอยกลับไปจัดการคนกลุ่มอื่นทันที
ทุกคนรู้ว่าอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว หากอาวุธสวรรค์ไปเรียกสหายของพวกมันกลับมาอีกหลายชิ้นเกรงว่าพวกเขาอาจต้องใช้ความพยายามมากกว่านี้ในการหลบหนี
ไม่นานหลังจากที่พวกเขาจากไป กลิ่นอายอันทรงพลังก็ปะทุขึ้นในพื้นที่ และมีร่างของชุดเกราะสีเลือดยืนอยู่บนสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าสู่สนามรบ
แท้ที่จริงแล้วชุดเกราะนี้คือผู้ควบคุมที่แท้จริงของกระบี่สีดำที่สังหารผู้คนจำนวนมากในตอนที่กลุ่มของเย่ฟ่านมาถึง
“นั่นคือขุนพลสวรรค์!” จี้จื่อเยว่อุทาน
“ราชาคนนี้พิเศษมาก เขากำลังจะทะลวงเข้าสู่อาณาจักรเซียนอย่าพยายามยั่วอายุโทสะของเขา” ฉีลั่วกล่าว
พวกเขาวิ่งไปข้างหน้าโดยไม่กล้าหยุดพัก ไม่ไกลจากพวกเขานั้นคืออาคารโบราณขนาดใหญ่ที่มีความลึกลับและเก่าแก่เป็นอย่างมาก
ในระหว่างนี้ พวกเขาเห็นอาวุธสวรรค์อีกจำนวนหนึ่งที่หลีกเลี่ยงการต่อสู้จากกลุ่มต่างๆ และพุ่งเข้าหาพวกเขาด้วยความเร็ว
ยิ่งวิ่งไปข้างหน้ามากเท่าใดทุกคนก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นเท่านั้น ดูเหมือนว่าในส่วนลึกของห้องหินนี้จะเต็มไปด้วยซากศพของสิ่งมีชีวิตระดับราชาผู้ยิ่งใหญ่นับร้อยคน
กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณรมให้ผู้คนรู้สึกหายใจไม่ออก!
เมื่อจักรพรรดิดำมองเห็นกลุ่มอาวุธสวรรค์ที่กำลังสังหารผู้คนอย่างต่อเนื่องมันก็กรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว
“ให้ตายเถอะ นี่คือกองทัพสวรรค์ที่มีจำนวนมากกว่าห้าร้อยตัว ตัวที่มีพลังระดับต่ำสุดก็อยู่ในอาณาจักรปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ด้วยกองกำลังระดับนี้พวกเขาเพียงพอที่จะยึดครองโลกได้อย่างง่ายดาย”
ทุกคนตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก มีชุดเกราะที่ถืออาวุธอยู่ในมือขวางหน้าพวกเขาอยู่ไม่ต่ำกว่าห้าร้อยคน เพียงคลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของพวกมันก็ทำให้ทุกคนหวาดผวาอย่างถึงที่สุดแล้ว
“ยังมีอีกมาก!” ต้วนเต๋อคำรามด้วยความตกใจ
อีกด้านหนึ่งก็มีกลุ่มอาวุธสวรรค์กว่าห้าร้อยตัวกำลังบีบช่องว่างเข้าหากลุ่มยอดฝีมือจากโลกภายนอก!
“นี่เป็นเรื่องที่ไม่สมจริงเลย แม้ว่าราชวงศ์อวี้หัวจะได้รับการเชิดชูว่าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก พวกเขาก็ไม่ควรจะมีปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ถึงหนึ่งพันคน ความแข็งแกร่งระดับนี้แทบจะมากกว่าปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์เผ่าพันธุ์มนุษย์ทั่วโลกรวมตัวกันเสียอีก!” ชายชราตาบอดกล่าว
สิ่งนี้อยู่นอกเหนือสามัญสำนึกและไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลย
กว่าสองแสนปีผ่านไป แม้ว่าราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์อวี้หัวจะมีความแข็งแกร่งเพียงใดพวกเขาก็ไม่ควรจะมีปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์มากมายถึงขนาดนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเซียนเทียมขั้นสามที่มีไม่ต่ำกว่าร้อยคน
“แย่แล้วนี่มันสุสานของกองทัพสวรรค์!”
ต้วนเต๋อกรีดร้องด้วยความกลัว ในระยะไกลห่างจากพวกเขาหลายสิบลี้ แม้ว่าทุกที่จะถูกปกคลุมไปด้วยความมืดแต่พวกเขาก็ยังมองเห็นสุสานของนักรบนับหมื่นกระจัดกระจายอยู่ทั่วดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาล
นี่เป็นฉากที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง ในเวลานี้มีโครงกระดูกของนักรบนับพันตนผุดขึ้นมาจากพื้น พวกมันยื่นมือออกจากหลุมศพและคลานออกจากดินอย่างช้าๆ
แม้ว่าเนื้อหนังของพวกเขาจะเน่าเปื่อยไปหมดแล้ว แต่ในเวลาต่อมาเลือดเนื้อของโครงกระดูกเหล่านี้ก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและกลับคืนสู่รูปร่างของมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบอีกครั้ง
ในเวลาต่อมาร่างของพวกเขาก็รวมตัวกันกับชุดเกราะและอาวุธสวรรค์ที่ปราศจากผู้สวมใส่ก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มจัดขบวนรบและเตรียมที่จะประหัตประหารผู้บุกรุกทั้งหมด
ใบหน้าของนักรบสวรรค์เหล่านี้เต็มไปด้วยความเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงซากศพเดินได้เท่านั้น อย่างไรก็ตามกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างของพวกเขานั้นรุนแรงและน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
“ความแข็งแกร่งของนักรบสวรรค์เหล่านี้แม้แต่ทหารหยินจากขุมนรกก็ไม่สามารถเทียบได้!” ต้วนเต๋อกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
ในการขุดค้นสุสานช่วยชีวิตของเขาเคยพบกับวิญญาณชั่วร้ายมานับครั้งไม่ถ้วน เขาต่อสู้กับภูตผีที่อยู่ภายในสุสานมาไม่น้อย แต่กลับไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน
“ราชวงศ์อวี้หัวช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน อย่าบอกนะว่านี่เป็นวิธีการหนึ่งที่จะทำให้ผู้คนกลายเป็นอมตะได้ตลอดไป” ผังป๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน
นี่คือสุสานของนักรบสวรรค์แห่งราชวงศ์อวี้หัว ในอดีตคนเหล่านี้คือผู้ครอบครองอาวุธสวรรค์ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วชั้นสามสิบเอ็ด
ในตำนานโบราณไม่ได้กล่าวถึงพวกเขา เพียงบันทึกถึงเรื่องราวของอาวุธสวรรค์ที่สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเองเท่านั้น ไม่มีใครคิดเลยว่าแท้ที่จริงแล้วอาวุธสวรรค์เหล่านั้นกลับเป็นอาวุธของคนที่เคยมีชีวิตอยู่จริงๆ
“นี่มันเลวร้ายอย่างถึงที่สุด หากขุนพลสวรรค์ซึ่งเป็นผู้นำกองทัพนี้สามารถฟื้นคืนชีพจากความตายได้มันจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ของพวกเราอย่างแน่นอน” ชายตาบอดเฒ่ากล่าว
………….