บทที่ 4 นักรบและผู้อเวค
บทที่ 4 นักรบและผู้อเวค
"อะแฮ่ม"
เสียงไอทำให้เฉินฟานกลับมาสู่ความเป็นจริง ชายพิการจ้องที่เฉินฟานและพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆว่า "เจ้าหนู คันธนูในมือของเจ้านั้นธรรมดาที่สุดแล้ว มันมีระยะการยิงหวังประมาณ 30 เมตร แต่สำหรับสัตว์อสูรระดับต่ำมันไม่มีพลังโจมตีมากนัก นอกจากนี้เจ้าพึ่งดึงมันออกไปเพียงครั้งเดียวนะ”
เขามุ่ยปากออกไปข้างนอกแล้วพูดว่า “เจ้าเห็นคนฝึกหอกพวกนั้นไหม?”
เฉินฟานเหลือบมองแล้วพยักหน้า
“เมื่อพวกเขามาครั้งแรก พวกเขามาฝึกธนูและฝึกยิงธนูก่อนเหมือนกัน และบางคนถึงกับใช้คันธนูที่สองซึ่งมีแรงดึงหกสิบปอนด์ แต่แล้วอย่างไรล่ะ หลังจากผ่านไปแค่สองหรือสามวัน พวกเขาก็ไปต่อไม่ได้แล้ว”
ในขณะที่เขาพูดอย่างนั้น เขามองไปที่ธนูในมือของเฉินฟานแล้วพูดว่า "ข้าเพียงเพื่อเตือนเจ้า มันเป็นการดีที่สุดที่เจ้าจะหันมาฝึกฝนหอกเหมือนกับพวกเขา เพื่อว่าเมื่อเจ้าเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่ดุร้ายในป่า เจ้ายังจะพอมีสามารถที่จะต่อสู้ได้ "
“ลุงจาง ขอบคุณที่เตือน แต่ข้ายังอยากลองฝึกดูอีกสักหน่อย”
เฉินฟานมองไปที่แถบความคืบหน้าด้านหลังของทักษะการยิงธนูขั้นพื้นฐานบนแผง และรู้สึกอยากรู้สึกอิ่มเอมอย่างมาก
"งั้นก็แล้วแต่เจ้า"
ชายพิการไม่แปลกใจเลย
เด็กชายวัยรุ่นเลือดร้อนมันจะเป็นแบบนี้เสมอ พวกเขาจะไม่หันหลังกลับถ้าพวกเขาไม่ชนกำแพง รอให้เขาดึงธนูอีกสองสามครั้งและเมื่อไม่สามารถยกแขนขวาขึ้นได้อีกครั้งแล้ว เขาก็จะรู้ว่ามันเป็นทุกข์ทรมานแค่ไหน
“ลุงจาง ข้าขอลองธนูพวกนั้นด้วยได้ไหม?” เฉินฟานถามด้วยรอยยิ้ม เขามีข้อสงสัยเกิดขึ้น นั่นคือถ้าเขายิ่งใช้ธนูแข็งแกร่งมากเท่าไร ความก้าวหน้าของการยิงธนูขั้นพื้นฐานก็จะขึ้นเร็วเท่านั้นหรือไม่
"ได้"
ชายพิการพูดอย่างไม่ลังเลว่า "คันธนูที่สองคือแรงดึงหกสิบปอนด์ คันธนูที่สามคือแปดสิบปอนด์ คันธนูที่สี่คือหนึ่งร้อยปอนด์ คันธนูที่ห้าคือสองร้อยปอนด์ คันธนูที่หกคือสามร้อยปอนด์ คันธนูคันไหนที่เจ้าอยากจะลองล่ะ? คันที่สองงั้นหรือ?"
“สะ..สามร้อยปอนด์งั้นหรือ..?”
เฉินฟานจ้องมองไปที่ธนูยาวสีดำทางขวาสุด ซึ่งมีความสูงประมาณสามเมตร กล่าวคือถ้าเขาต้องการน้าวสายธนูคันนั้น เขาต้องใช้กำลังอย่างน้อยสามร้อยปอนด์ด้วยแขนข้างเดียวงั้นหรือ?
“ทำไม มันก็แค่สามร้อยปอนด์เอง!”
ชายพิการพูดต่อ “ไม่ต้องพูดถึงสามร้อยปอนด์ แม้ว่าจะเป็นห้าร้อยปอนด์ก็มีคนน้าวมันได้ และยิงธนูหนึ่งลูกใส่แรดเกราะเหล็กจากระยะไกลหลายพันเมตร”
“แรดเกราะเหล็ก...”
เฉินฟานพึมพำกับตัวเองในความทรงจำของเขา นี่คือสัตว์อสูรที่อยู่ระดับบนสุดในบรรดาสัตว์อสูรระดับกลาง ดูเหมือนว่าร่างกายของมันจะถูกปกคลุมไปด้วยเกราะหนา และว่ากันว่าสามารถป้องกันกระสุนจากปืนเล็กได้ด้วย
“ลุงจาง เขาคนนั้นเป็นผู้อเวคงั้นเหรอ?” เขาถามออกมาโดยไม่รู้ตัว
ท้ายที่สุดแล้ว ในโลกนี้ผู้อเวครู้คือกลุ่มคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก
"ไม่"
โดยไม่คาดคิด ชายพิการส่ายหัวแล้วพูดว่า "เขาแค่เป็นมูชา(นักรบ)"
“มูชา(นักรบ)งั้นเหรอ?”
เฉินฟานเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
“ในล้านคนยังยากที่จะหาผู้อเวคได้สักคน และเป็นเรื่องยากสำหรับคนธรรมดาที่จะต่อสู้กับสัตว์อสูรได้ยกเว้นเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากอาวุธร้อนที่ทรงพลัง ข่าวดีก็คือด้วยการเปลี่ยนแปลงของโลกทำให้เกิดผู้แข็งแกร่งหลากหลายประเภทขึ้น”
ชายพึมพำต่อ "หนึ่งในนั้นคือนักรบ แม้ว่านักรบจะไม่ทรงพลังเท่าผู้อเวค แต่คนเหล่านี้มีร่างกายที่แข็งแรง กล้ามเนื้อและกระดูกที่ยืดหยุ่น และพวกเขาสามารถมีพละกำลังที่เหนือกว่าคนธรรมดาอย่างมาก พวกเขาเป็นนักรบที่แท้จริง มีคนหนึ่งในเมืองจ้าวเจียเป่าซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านของเราเพียงไม่กี่กิโลเมตรที่เป็นนักรบ และมาตรฐานทั่วไปคือใครที่สามารถน้าวคันธนูสามร้อยปอนด์ได้ก็ถือว่าเป็นนักรบ”
เฉินฟานสูดหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกว่าประตูแห่งความหวังค่อยๆ เปิดออกต่อหน้าเขา และเขาจึงถามออกมาอย่างตื่นเต้นเล็กน้อยว่า "แล้วมีนักรบในหมู่บ้านของเราไหม?"
“ถ้าเป็นนักรบเหมือนในจ้าวเจียเป่าก็ไม่มีสักคนเดียว แต่มีคนที่สามารถใช้ธนูหนึ่งร้อยปอนด์ได้ ดูเหมือนจะเป็นพี่น้องตระกูลเว่ยนะ สองคนนี้ยิงธนูได้และพวกเขาเป็นกำลังหลักของทีมล่าในหมู่บ้านของเรา แต่ข้าเกรงว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นานหรอก”
ชายพิการถอนหายใจออกมา และใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“แล้วนักรบเปรียบเทียบกับผู้อเวคได้หรือไม่?”
เฉินฟานยังคงถามต่อ
"มันแตกต่างกัน"
ชายพิการมองดูเขาและพูดออกมาว่า "ผู้อเวคที่ซึ่งเพิ่งปลุกความสามารถขึ้นมาใหม่นั้นง่ายต่อการถูกนักรบฆ่า แต่หลังจากที่เขาคุ้นเคยกับการใช้ความสามารถที่เขาปลุกได้แล้ว การฆ่านักรบนั้นก็เป็นเรื่องง่ายดายอย่างมาก..
…เหมือนกับนักรบในจ้าวเจียเป่า แม้แต่เขาก็ไม่สามารถป้องกันกระสุนได้ แต่ผู้อเวคที่ถูกปลุกสามารถให้ตื่นขึ้นมาได้บางคนแข็งแกร่งและทรงพลังจนไม่เกรงกลัวอาวุธทำลายล้างสูงด้วยซ้ำ และสามารถทำลายเมืองได้ด้วยกระบวนท่าเดียว ซึ่งไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย”
เฉินฟานอ้าปากกว้าง
ผู้อเวค น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?
เขามีความรู้สึกคลุมเครือว่าระบบของเขาอาจเกี่ยวข้องกับนักรบหรือนักศิลปะการต่อสู้เหมือนที่ลุงจางพูดไว้ก่อนหน้านี้ และการเข้าสู่เส้นทางแห่งศิลปะการต่อสู้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดถัดไปสำหรับคนธรรมดา เพราะมันใช้แค่การฝึกฝนอย่างหนักก็สามารถเป็นได้ แต่ผู้อเวคไม่ใช่
แต่ระบบของเขาจะเป็นเส้นทางสู่นักรบจริงๆเหรอ?
“เอาล่ะ ทำไมเจ้าถึงมีคำถามมากมายขนาดนี้” ชายพิการมองเฉินฟานอย่างไม่พอใจ และชี้ไปที่ธนูหกสิบปอนด์ไปบนกำแพง
"ไปลองดูก็จะรู้เอง"
เฉินฟานกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง วางคันธนูสี่สิบปอนด์ลง และพยายามน้าวคันธนูแข็งหกสิบปอนด์ดู ดึงได้แค่ครึ่งทางใบหน้าของเขาแดงก่ำ และแขนขวาของเขาก็สั่นเทาอย่างรุนแรง เมื่อคิดว่าไม่ได้เขาก็ต้องยอมแพ้
ร่างกายนี้ยังอ่อนแอเกินไป
ชายพิการยิ้มอย่างมีความหมาย “เจ้าอยากลองคันธนูแปดสิบปอนด์ไหม?”
"ไม่..ไม่จำเป็น"
เฉินฟานยิ้มอย่างเบี้ยวและส่ายหัว สายตาของเขามองไปที่คันธนูที่เหลืออยู่
ตอนนี้เขายังทำไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ทำในอนาคต หลังจากผ่านไปสองวันเมื่อเขาสะสมแต้มค่าสถานะเพียงพอ เขาจะสามารถชักคันธนูหกสิบปอนด์นี้ได้ และคันหลังๆเขาก็จะน้าวได้เหมือนกัน
จากนั้นชายพิการก็หยิบกล่องลูกธนูแล้วเดินออกไป
เมื่อเขามาถึงที่โล่งข้างประตู เขาน้าวคันธนูแล้วตั้งลูกธนูโดยเล็งไปที่เป้าหมายที่อยู่ห่างออกไปยี่สิบเมตร และอธิบายหลักการทั่วไปของการยิงธนูแล้วกล่าวเสริมว่า "เมื่อยิงธนูเจ้าต้องจำไว้สามอย่าง มือข้างหน้าควรราบกับข้อมือ มือหลังควรแบน ข้อศอกควรตั้งตรงได้องศากับไหล่ ข้อมือทั้งหน้าและข้างหลังและข้อศอกควรอยู่ในระดับเดียวกับไหล่ นี่เป็นการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐานที่สุด”
หลังจากพูดจบก็มีเสียง "หวืด" และลูกธนูก็ถูกตอกไปที่กำแพงดินข้างๆ
ชายพิการมองเฉินฟานอย่างเมินเฉยและพูดว่า "วันนี้เจ้าสามารถฝึกที่นี่ได้ และเจ้าสามารถถามข้าได้ตลอดเวลาหากเจ้าไม่เข้าใจอะไรเลย"
“ครับ ลุงจาง”
เฉินฟานมองไปที่ลูกศรบนผนังแล้วพยักหน้า
"อืม"
ชายพิการหันกลับมา ใบหน้าชราของเขาแดงเล็กน้อย เขายิงธนูไม่เก่งจริงๆ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มาที่นี่เพื่อดูแลโกดังเท่านั้น
เฉินฟานหยิบธนูและลูกธนู และยืนแยกเท้าออกให้กว้างประมาณไหล่ เขาถือธนูไว้ในมือซ้ายและวางลูกธนูไว้ที่มือขวา นี่อาจเป็นครั้งแรกที่เขาฝึกยิงธนูอย่างเป็นทางการ และเขาจึงดูกังวลเล็กน้อย
เขาสูดหายใจลึก ๆ
จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ดึงสายธนูออกมา และในขณะเดียวกันก็หรี่ตาข้างหนึ่งเพื่อให้แน่ใจว่ามันอยู่ในแนวเดียวกับเป้าเล็งและจุดเล็งไปที่เป้าหมาย
ค่อยๆ น้าวสายธนูจนสุดและมีเสียงเอี๊ยดดังขึ้น มีแรงดึงมหาศาลที่ไหล่ขวาและเขาก็ปล่อยลูกธนูออกไป “หวืด” ลูกธนูก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เป็นไปตามที่คาดไว้ มันพลาดเป้า
เฉินฟานจึงได้เตรียมจิตใจเกี่ยวกับฉากนี้ไว้แล้ว อาจมีเพียงอัจฉริยะเท่านั้นที่สามารถยิงตาวัวได้หลังจากเพิ่งเรียนวิชายิงธนู และเขายังคงมีความรู้จักประมาณตนเล็กน้อยว่าเขาไม่ใช่อัจฉริยะอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจจริงๆ
ครู่ต่อมาจิตใจของเขาคิดถึงแผงคุณสมบัติ และเขาก็ได้เห็นแผงคุณสมบัติซึ่งปรากฏต่อหน้าต่อตาเขา เมื่อมองเห็นได้ชัดเจนแล้ว รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
【การยิงธนูขั้นพื้นฐานระดับ 0 (3%)】
กล่าวคือแม้ว่าลูกศรจะพลาดเป้า แต่แถบความคืบหน้าก็เพิ่มขึ้น 2%
ตราบใดที่เขาทำมันอีก 49 ครั้ง เขาจะสามารถยกระดับการยิงธนูขั้นพื้นฐานเป็นระดับ 1 ได้!