ตอนที่แล้วตอนที่ 1480 จินอวี้ กรุ๊ป, การประชุมผู้ถือหุ้น..
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1482 จื่อเสีย คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร?

ตอนที่ 1481 ตอนนี้ปัญหาอยู่ที่ว่าจะขายไปให้.. กับใคร?


ทันทีที่เห็น หลี่ จื่อเสีย ทุกคนในห้องประชุมก็ตกตะลึง

หลี่ จื่อเสีย ..กลับมาแล้ว?

เมื่อหนึ่งปีก่อน ประธานหลี่, หลี่ หวยซาน ประธานบริษัทเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน คุณหนูใหญ่หลี่, หลี่ จื่อเสีย ก็ได้หายตัวไป ทุกคนเลยคิดว่า หลี่ จื่อเสีย ก็เสียชีวิตลงไปแล้วเช่นกัน เพียงแต่ไม่พบศพ..

ในจิตสํานึกของทุกคน คุณหนูใหญ่เสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้นเมื่อเห็น หลี่ จื่อเสีย ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาอย่างมีชีวิต ความตกใจแบบนี้คงสามารถจินตนาการได้..

ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงเวลาแบบนี้ที่พวกเขากําลังปรึกษากันเพื่อขายบริษัท ต่างก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด และมีความคิด.. ความรู้สึกเหมือนกับว่า ‘ผี’ คุณหนูใหญ่กลับมาคิดบัญชีกับพวกเขา นี่คือมันน่ากลัวมากจริงๆ

“จื่อเสีย?”

สีหน้าของ หลี่ เจี้ยนสุ่ย นั้นเป็นไปด้วยความรัก ความห่วงใยอย่างมาก ตอนแรกเขาเองก็ตกใจ แต่จากนั้นเขาก็ได้ลุกยืนขึ้น สีหน้าสับสนปนเป ทั้งไม่อยากจะเชื่อ แล้วหลังจากนั้นก็เปลี่ยนไป.. เต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างประหลาดใจ การเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ต้องบอกว่า แม้แต่ ผู้ที่ได้รับรางวัลออสการ์ก็ยากที่จะลอกเลียนแบบได้

“จื่อเสีย นี่คือเรา ..กลับมาแล้ว เรายังมีชีวิตอยู่ ดี ดีจริงๆ มันเยี่ยมมาก!”

หลี่ เจี้ยนสุ่ย พูดอย่างตื่นเต้นออกไป

แต่ทาง หลี่ จื่อเสีย กลับไม่ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้า และพูดอย่างเฉยเมยว่า : “เมื่อกี้ฉันได้ยินคําพูดของพวกคุณแล้ว คุณลุง ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่มาเป็นเวลาหนึ่งปี เกิดอะไรขึ้นกับบริษัท.. และทำไมบริษัทถึงตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้?”

หลี่ เจี้ยนสุ่ย ที่ได้ยิน เขาได้ถอนหายใจออกมา พร้อมกับมีสีหน้าเสียใจ : “หลานสาวคนดีของฉัน พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ฉันรู้สึกขมขื่นมาก ปีที่ผ่านมานี้ ลุงอย่างฉัน พยายามทำมันอย่างหนักแล้วจริงๆ แต่ก็กลับ!”

“วันที่พ่อของหลานเกิดอุบัติเหตุ ลุงเองอยู่ระหว่างเดินทางไปทำธุระที่นอกเมืองพอดี พอรู้ข่าว ลุงก็รีบกลับมาทันที และได้รับแจ้งจากทางสถานีตํารวจโดยตรงว่าให้ไปรับศพพ่อของหลาน พอลุงเห็นศพของพี่ใหญ่ ลุงก็ร้องไห้จนเข่าอ่อนแรงทรุดลงไปกับพื้น ตํารวจคิดว่าลุงไม่ไหวแล้ว จนเกือบจะเรียกรถพยาบาลมา..”

“และมันไม่ง่ายเลยที่ลุงจะสงบลงได้ และถามกับทางตํารวจไปว่าทางพวกเขาได้แจ้งไปทางหลานแล้วหรือยัง เพราะลุงอย่างฉันรู้ดีว่าฉันที่เสียใจมากขนาดนี้แล้ว หลานเองก็จะต้องเสียใจมากกว่าลุงหลายเท่า.. ลุงกลัวว่าหลานจะทนรับฟังข่าวนี้ไม่ได้ ดังนั้นลุงเลยคิดจะบอกข่าวร้ายนี้กับหลานด้วยตัวเอง แต่ตํารวจกลับบอกลุงว่า ..ติดต่อกับหลานไม่ได้ ตอนนั้นลุงกลัวมาก คิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหลานเช่นกัน ลุงเลยเข้าไปจับมือตํารวจไว้แน่น พยายามขอร้องให้พวกเขาตามหาหลานให้เจอ..”

“และต่อมาตํารวจที่ทําคดี หลังจากสืบสวนพบว่าก่อนเกิดเหตุพี่ใหญ่ หลานได้บินไปอังกฤษ แต่ต่อมาก็ไม่สามารถติดต่อกับหลานได้เลย ลุงเลยมองหาคนที่สามารถติดต่อได้ และใช้ความสัมพันธ์หลายอย่าง เพื่อให้กำชับฝั่งตำรวจอังกฤษไว้ แต่ก็กลับหาหลานไม่เจอ..”

“คดีฆาตกรรมของพี่ใหญ่ ก็คลี่คลายไม่ได้ ช่วงนั้น ลุงวิ่งไปที่สถานีตํารวจเกือบทุกวัน เพียงเพื่อฟังความคืบหน้าจากปากของตํารวจ แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี แต่ลุงกลับต้องพบกับความผิดหวังมาครั้งแล้วครั้งเล่า!”

“ในกรณีนี้ลุงเลยได้แต่ต้องแบกภาระงานใหญ่ของบริษัท เพราะการตายของพี่ใหญ่ บริษัทถึงได้วุ่นวายไปหมด ลุงได้แต่อดทนต่อความเศร้าโศก และกลับมาที่บริษัท แต่ลุงก็ไม่เคยหมดหวัง และตั้งใจที่จะตามหาหลานมาโดยตลอด ลุงดีใจมาก ดีใจมากจริงๆ ที่ได้เห็นหลานกลับมาในตอนนี้ จื่อเสีย เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วหลานหายไปอยู่ที่ไหนมา?”

หลี่ เจี้ยนสุ่ย พูดเล่าเรื่องราวต่างๆ ออกมาอย่างลึกซึ้ง และเต็มไปด้วยความรัก และสุดท้ายยกประเด็นทั้งหมดมาที่ ..หลี่ จื่อเสีย

ทุกคนมอง หลี่ จื่อเสีย อยู่ตลอดเวลามาพักหนึ่ง ใช่แล้ว.. พวกเขาอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มาก หลี่ จื่อเสีย หายไปที่ไหนกันแน่ แล้ว.. ทําไมเธอถึงได้หายตัวไปถึงหนึ่งปี แต่ตอนนี้จู่ๆ ก็กลับมาปรากฏตัว?

หลี่ จื่อเสีย กล่าวว่า : “ฉันไปที่ไหน อยู่ที่ไหนนั้น ฉันจะให้คำอธิบายกับพวกคุณในภายหลัง ไม่ใช่ตอนนี้ คุณลุง ตอนนี้ฉันแค่อยากรู้สถานการณ์ของบริษัท และคุณยังไม่ได้ตอบคําถามของฉัน!”

หลี่ เจี้ยนสุ่ย ยิ้มอย่างขมขื่น : “สถานการณ์ของบริษัท... พูดแล้ว ลุงเองก็รู้สึกทรมานใจจริงๆ หลานสาวคนดี.. ลุงเองก็ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน คือนับตั้งแต่พี่ใหญ่เสียชีวิต ลูกค้าเดิมของบริษัทหลายคนก็ไม่เชื่อมั่นในบริษัทแล้ว พวกเขาเห็นแต่หน้าพี่ใหญ่ เลยได้ให้ความร่วมมือกับเรามาโดยตลอด แต่พอพี่ใหญ่เสียชีวิตลง พวกเขาก็พากันยกเลิกสัญญา พอไม่นานหลังจากนั้น ลูกค้าของบริษัทก็หนีหายไปมากกว่าครึ่ง.. ช่วงนั้นลุงเหมือนกับ หลานชาย ที่ต้องไปขอร้องให้ปู่ไปบอกยายทุกวัน เพื่อพยายามโน้มน้าวใจลูกค้าพวกนี้ แต่มันไม่ได้ผล และลุงเองได้ทำดีที่สุดแล้ว”

“เมื่อบริษัทสูญเสียลูกค้า ก็เท่ากับ ..ตกงาน รายได้ของบริษัทลดลงอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด ..แม้กระทั่งจ่ายค่าเช่าก็ไม่สามารถจ่ายได้ ลุงเลยได้แต่ใช้มาตรการที่สมเหตุสมผลเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เช่น การปลดพนักงานจํานวนมาก เช่น การปล่อยเช่าชั้นอื่นๆ ของอาคาร แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถต้านทานการเสื่อมถอยของบริษัทไปได้ ถ้าไม่ใช่เพราะบริษัทเข้มแข็ง ก็คงอยู่ได้ไม่ถึงปี”

“ลุงพยายามอย่างเต็มที่แล้ว อาจกล่าวได้ว่าลุงพยายามทำทั้งหมดด้วยจิตสํานึกที่ดี และปีนี้ ลุงรู้สึกซีดเซียวไปทั้งตัว แต่เพื่อบริษัท ลุงเองก็ไม่เสียใจ ทั้งยังรู้สึกเกลียดตัวเองที่อ่อนแอ ไร้พลัง พอมาถึงวันนี้ บริษัทเองได้มาถึงจุดที่ต้องขายออกไปแล้ว ลุงได้แต่เฝ้าขอโทษพี่ใหญ่.. จื่อเสีย ถ้าหลานจะโทษลุง อยากที่จะดุด่าลุงก็เอาเถอะ เพราะทั้งหมดนี้เป็นเพราะลุงมันไม่ดีเอง!”

พูดไป หลี่ เจี้ยนสุ่ย ก็ตาแดงแล้ว สีหน้าราวกับกำลังโทษตัวเอง..

หลี่ จื่อเสีย : “......”

แม้ว่า หลี่ เจี้ยนสุ่ย จะโทษตัวเอง แต่คําพูดของเขาก็เห็นได้ชัดว่ากำลังหาข้อแก้ตัวทุกอย่าง และโยนความรับผิดชอบทั้งหมดในการทำให้บริษัทล้มละลายไปให้กับ หลี่ หวยซาน ที่เสียชีวิตไป

หลี่ จื่อเสีย อยากที่จะหักล้างคำพูดของ หลี่ เจี้ยนสุ่ย มาก แต่เธอก็ได้นึกถึงคําพูดของ เฟิ่ง รั่วหลาน สิ่งที่สําคัญที่สุดในตอนนี้ ไม่ใช่การฉีกหน้า หลี่ เจี้ยนสุ่ย แต่คือการหาทางเข้าควบคุม บริษัท ให้กลับคืนมา

“สถานการณ์ของบริษัทตอนนี้ ..ก็เป็นแบบนี้ ถ้าอยากให้บริษัทอยู่รอด ก็ต้องขายออกไป โชคดีที่เรามีกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่สองแห่งให้ความสนใจ” หลี่ เจี้ยนสุ่ย กล่าว

เขามั่นใจมากว่าเขาสามารถปราบ หลี่ จื่อเสีย ลงได้แล้ว และมันก็ไร้ประโยชน์หาก หลี่ จื่อเสีย จะกลับมาในเวลานี้ เพราะไม่มีใครสามารถช่วยอะไรบริษัทได้แล้ว และจากสถานการณ์ปัจจุบันแม้ว่า หลี่ หวยซาน จะฟื้นคืนชีพขึ้นมามันก็ไร้ประโยชน์ แล้วนับประสาอะไรกับผู้หญิงที่อ่อนแออย่าง หลี่ จื่อเสีย มันจะไปมีประโยชน์อะไร!

หลี่ จื่อเสีย กล่าวว่า : “ผู้ถือหุ้นของบริษัทเรามีความคิดเห็นอย่างไรบ้างคะ?”

ผู้ถือหุ้นมองหน้ากัน

“คุณหนูใหญ่ เกรงว่าจะเป็นตามความจริงที่ ประธานหลี่ พูด บริษัทนอกจากจะปล่อยให้รอความตายแล้ว ก็คือต้องปล่อยขายออกไป ตอนนี้มีคนยอมซื้อ เราเองคงจะปล่อยโอกาสนี้ไปไม่ได้”

“บริษัทนี้เป็นความตั้งใจของประธานใหญ่หลี่ ผมเองตามพ่อของคุณมาโดยตลอด แต่พอมาถึงจุดนี้แล้ว ผมเองก็ใช่ว่าอยากเห็น..”

“มันมีแต่ต้องขาย ต้องขายแน่นอน เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ และตอนนี้ปัญหาอยู่ที่ว่าจะขายไปให้ใคร?”

“ใช่!”

ผู้ถือหุ้นพากันพยักหน้า

ดูเหมือนว่าผู้ถือหุ้นของบริษัทต่างก็เห็นพ้องกันว่า บริษัท.. จะต้องถูกขายออกไป

หลี่ จื่อเสีย กล่าวว่า : “ในเมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกัน ฉันก็จะไม่คัดค้าน ฉันมีเพียงข้อเรียกร้องเดียว จุดประสงค์ในการขายบริษัท ไม่ควรเป็นการหาเงินก้อนสุดท้าย แต่เพื่อช่วยบริษัท บริษัทก่อตั้งมาโดยคุณพ่อของฉัน เขาไม่ต้องการให้บริษัทนี้หายไปอย่างแน่นอน ตอนนี้บริษัทตกต่ำลงมาก สิ่งที่เราต้องทําคือต้องอาศัยอำนาจของกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ เมื่อนั้นบริษัทของเราก็จะได้เห็นแสงอาทิตย์อีกครั้ง ไม่ใช่ทำเพื่อกลบฝังบริษัทนี้ ข้อนี้ ไม่รู้ว่าทุกคนมีข้อค้านอะไรหรือไม่คะ?”

ทุกคนในบริษัทได้พากันมองหน้ากันอีกครั้ง

มีบางคนเงียบ

มีบางคนพยักหน้า

เห็นได้ชัดว่าความคิดเห็นของทุกคนเกี่ยวกับคําพูดของ หลี่ จื่อเสีย ไม่เป็นเอกฉันท์

“คุณหนูใหญ่ ผมเองเห็นด้วยกับคุณ จุดประสงค์ของเราคือช่วยบริษัท ไม่ใช่เพื่อทําลายบริษัท!” ผู้ถือหุ้นรายหนึ่ง กล่าวขึ้น

เมื่อ หลี่ จื่อเสีย มอง ก็เห็นว่าผู้ถือหุ้นคนนี้เป็นผู้ที่เพิ่งโต้เถียงกับ หลี่ เจี้ยนสุ่ย และตกลงที่จะขายบริษัทนี้ให้กับ หยงจิ่ว

หลี่ จื่อเสีย เองจําเขาได้ เขาชื่อ เฉิน เจี้ยนห่าว เป็นเพื่อนสนิทของพ่อของเธอ

ด้วยการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น หลี่ จื่อเสีย ก็ไม่ได้ต่อสู้อยู่อย่างโดดเดี่ยว

หลี่ จื่อเสีย มอง หลี่ เจี้ยนสุ่ย แล้วพูดว่า : “คุณลุง คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่าเราจะต้องกอบกู้บริษัท?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด