SW-ตอนที่ 45 การใช้มานา
อเล็กซ์ ออกจากทางเข้าทางใต้และมองเห็นพื้นที่ทางตอนใต้ด้านหลังเมือง เซ็นทรัลวิลด์
มันไม่ได้ดูแตกต่างไปจากส่วนอื่นๆ ของโซนนี้มากนัก ยกเว้นอาจจะแบนราบกว่าเล็กน้อย แต่มันก็ยังคงมีเนินเขาอยู่บ้าง แต่ก็ดูไม่ได้เท่ากับทางตอนเหนือของเมือง
ขณะที่ อเล็กซ์ เดินทางผ่านทางตอนใต้ เขาก็วางล้อเกวียนกลับอีกครั้ง และ เปลี่ยนมันเป็นเลื่อน
จากนั้น อเล็กซ์ ก็สูดหายใจเข้าลึก แล้ว ดึงต่อไป
ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแล้ว และ มันก็ยังมีแสงสว่างเพียงพอสำหรับการเดินทาง
มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากนักในขณะที่ อเล็กซ์ เดินทางต่อไปทางตะวันออกเฉียงใต้ และ มันน่าเบื่ออย่างไม่น่าเชื่อ
อเล็กซ์ เห็นนกตัวใหญ่บินอยู่บนถนนเป็นครั้งคราว และ อเล็กซ์ ก็มักจะหยุดมองดูพวกมันอยู่เสมอ เขาไม่อยากจะถูกจับด้วยความประหลาดใจโดยนกประหลาดที่ทรงพลังที่บินโฉบลงมาจากบนท้องฟ้า
นกเหล่านี้ดูค่อนข้างทรงพลัง และ อเล็กซ์ ก็ไม่เชื่อว่าพวกมันจะไม่กินมนุษย์
อเล็กซ์ เห็นนกตัวใหญ่บินวนอยู่เหนือเขา แต่พวกมันทั้งหมดก็จากไปหลังจากบินวนอยู่ประมาณ 2 ครั้ง เขาไม่แน่ใจว่าพวกมันกำลังประเมินพลังของเขา หรือ แค่สงสัยกันแน่
ผ่านไป 2-3 ชั่วโมง เวลาพลบค่ำก็มาถึง อเล็กซ์ ได้เดินทางประมาณ 25-30 กิโลเมตร ในช่วง 2-3 ชั่วโมงมานี้ ซึ่งมันช้าเกินไปสำหรับเขา แต่น่าเศร้าที่ เกวียนลากเลื่อนหนักเกินไป
‘การเป็นพ่อค้านี่มันเหนื่อยมากจริงๆ’ อเล็กซ์ คิด ‘พ่อค้าที่เดินผ่านฉันไปในช่วง 2-3 ชั่วโมงที่ผ่านมา ต่างก็ใช้ ม้าและวัว ในการลากสินค้า สงสัยจังว่าสัตว์เหล่านี้มีราคาแพงมากไหมในโลกนี้ เพราะฉันไม่เห็นพวกมันมากนักในเมืองนี้’
พ่อค้าหลายคนที่เดินผ่าน อเล็กซ์ ในช่วง 2-3 ชั่วโมงที่ผ่านมา พวกเขาทั้งหมด ล้วนเคลื่อนที่เร็วกว่าเขา และ พวกเขาก็ แซง อเล็กซ์ ไปอย่างง่ายดาย เพราะพวกเขาส่วนใหญ่นั้นขับรถม้าโดยมีรถพ่วงอยู่ด้านหลัง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด
พ่อค้าบางคนยังมี บอดี้การ์ดวิ่งเคียงข้างคาราวานเล็กๆ ของพวกเขาด้วย บอดี้การ์ดเหล่านี้ ทำให้ อเล็กซ์ มีสีหน้าสับสนอย่างเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม อเล็กซ์ ก็ไม่สนใจ และ ลากเกวียนลากเลื่อนของตัวเองต่อไป
เมื่อใดก็ตามที่พ่อค้าเดินผ่าน อเล็กซ์ เขาก็ได้ยินคำทักทายหลายครั้งจากพ่อค้าเหล่านั้น และ ตัวพ่อค้าก็ถึงกับบอกชื่อและความสามารถพิเศษของพวกเขาให้เขาฟัง พวกเขาเห็นรถลากเลื่อนที่ อเล็กซ์ กำลังลากอยู่ และ พวกเขาก็รู้ว่าพวกเขาสามารถทำเงินมหาศาลจากไม้น้ำแข็งทั้งหมดนั้นได้ ซึ่ง อเล็กซ์ มีโอกาสูงที่จะเป็นลูกค้าของพวกเขา
แต่ทั้งหมดนั่นก็ได้หยุดลงเมื่อประมาณ 1 ชั่วโมงที่แล้ว
ตั้งแต่ 1 ชั่วโมงที่แล้ว ไม่มีพ่อค้าคนใดเดินผ่าน อเล็กซ์ อีกต่อไป ซึ่งทำให้เขาเข้าใจถึงระยะทางที่เหลือไปยังป่าทางใต้
‘น่าจะเหลือเวลากลางวันอีกประมาณ ครึ่งชั่วโมง และ ทุกคนก็หยุดเดินผ่านฉันเมื่อประมาณ 1 ชั่วโมงที่แล้ว นั่นก็หมายความว่า รถม้าของพวกเขาไม่สามารถเดินทางผ่านระยะทางที่เหลือได้ภายใน 1 ชั่วโมง’
‘รถม้า เดินทางด้วยความเร็วประมาณ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งก็หมายความว่าน่าจะเหลือระยะทางอีกประมาณ 50-60 กิโลเมตร’ อเล็กซ์ ครุ่นคิด ‘ส่วนฉันเคลื่อนที่ประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งก็หมายความว่า ฉันจะต้องใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 5-6 ชั่วโมง ทหารยามเหล่านั้นพูดถูก โดยรวมแล้ว ควรเท่ากับการเดินทาง 1 วันเลยทีเดียว’
อเล็กซ์ ดึงเกวียนลากเลื่อนของเขาไปข้างถนน เข้าไปในป่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาช่องว่างที่ใหญ่มากพอที่จะให้ รถลากเลื่อนผ่านไปได้ แต่หลังจากค้นหาไปสักพัก อเล็กซ์ ก็ค้นพบช่องนั้น
หลังจากนำรถลากเลื่อน เข้าไปในป่าบางส่วนแล้ว อเล็กซ์ ก็ผละออกจากรถลากเลื่อน และ ยืดตัวออก ‘เพื่อนเอ๋ย แกทำเจ็บไปทั้งตัวเลย’
หลังจาก ยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย อเล็กซ์ ก็หยิบดาบออกมาและเริ่มฝึกฝน เขาไม่เคยขาดการฝึกฝนเลยแม้แต่วันเดียว
ตอนนี้ อเล็กซ์ สามารถแกว่งดาบของเขาได้ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ และ เมื่อใดก็ตามที่เขาปล่อยการโจมตี โดยพื้นฐานแล้ว เราจะเห็นเพียงภาพติดตาเท่านั้น เนื่องจากความเร็วในการโจมตี ประเภทต่างๆ ของ อเล็กซ์ ค่อนข้างไหลลื่น และ มันช่วยขจัดช่องว่างความอึดอัดระหว่างโจมตี
อเล็กซ์ เกลียดความอึดอัดในสไตล์การต่อสู้ของเขา และ เขาก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อกำจัดมันออกไป
หลังจาก แกว่งดาบไปประมาณ 1 ชั่วโมง ตัวของ อเล็กซ์ ก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
อเล็กซ์ กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ใกล้ๆ และ นั่งลงบนกิ่งไม้ที่หนาทึบต้นหนึ่ง ต้นไม้รอบๆ อเล็กซ์ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นต้นสน แต่เขาคุ้นเคยกับการนั่งบนกิ่งก้านที่เต็มไปด้วย เข็มเล็กๆ มานานแล้ว
เหตุผลที่ อเล็กซ์ เลือกนอนบนต้นไม้ ก็เพราะเขาค่อนข้างระมัดระวังตัว เขาไม่รู้ว่า มีสิ่งมีชีวิตหรือสัตว์ชนิดใดอาศัยอยู่ที่นี่ และ ถ้าเขาจะต้องต่อสู้กับพวกมัน เขาก็อยากจะเป็นฝ่ายริเริ่ม ถ้าเขาค้างคืนบนรถลากเลื่อนของเขา โดยพื้นฐานแล้ว ทุกสิ่งรอบตัวจะสังเกตเห็นเขา
อย่างไรก็ตาม การอยู่บนต้นไม้ สายตาที่อยากรู้อยากเห็นทั้งหมดจะถูกดึงดูดไปที่รถลากเลื่อนก่อน ซึ่งมันทำให้ อเล็กซ์ สามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผู้มาใหม่ได้
อเล็กซ์ หลับตาและเริ่มนั่งสมาธิ การทำสมาธิช่วยทดแทนการนอนหลับได้พอสมควร แต่เขาก็ยังต้องนอนประมาณ 6 ชั่วโมง ทุกๆ 2 วัน แน่นอนว่า อเล็กซ์ ไม่ได้โง่มากพอที่จะไปนอนในภูมิภาคที่ไม่เป็นที่รู้จัก
อเล็กซ์ ค่อยๆ สูญเสียตัวตนจากการทำสมาธิ กล้ามเนื้อทั้งหมดของเขาได้ฟื้นตัวเต็มที่ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที แต่ อเล็กซ์ ก็ยังคงนั่งสมาธิต่อไปเพื่อพักผ่อน
การนั่งสมาธิโดยไม่ได้รับการฝึก จะไม่เพิ่มพลังให้แก่ อเล็กซ์ แต่มันก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ เพราะมันช่วยให้เขาสามารถควบคุมมานาได้ค่อนข้างดี เพราะหลังจากทำสมาธิทุกๆ 2-3 ครั้ง ความสามารถในการควบคุมมานาของเขาก็ดีมากขึ้นเรื่อยๆ
ร่างกายของ อเล็กซ์ ไม่ได้ขาดมานาอีกต่อไป ใช่แล้ว มานาของเขาได้ใช้ไปสำหรับการฝึกฝนร่างกายของเขาเป็นหลัก แต่ อเล็กซ์ สังเกตเห็นว่า เขามีมานาบางส่วนที่เก็บไว้ในกล้ามเนื้อทั้งหมดของเขา ตอนนี้ มานาที่เก็บไว้ส่วนนั้นได้ทำหน้าที่เป็นคลังสำหรับการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ
ด้วยความสามารถในการควบคุมมานาที่สูงขึ้นของ อเล็กซ์ เขาก็ยังสังเกตเห็นว่า มานาที่เก็บไว้ได้ถูกใช้ไปจนหมดระหว่างการฝึกของเขา นั่นคือตอนที่ อเล็กซ์ ได้ตระหนักว่ามานาที่เก็บไว้ ทำงานคล้ายกับ น้ำตาลที่เก็บไว้ในตับ
ในการขยับร่างกาย คนเราจำเป็นจะต้องใช้พลังงาน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกูลโคสที่สะสมอยู่ในตับ อย่างน้อยนั่นก็เป็นข้อมูลจากโลกก่อนของเขา เมื่อ กลูโคส ถูกใช้ไปจนหมด ร่างกายก็จะไปเผาผลาญไขมัน แต่การเผาผลาญไขมันนั้นซับซ้อนกว่ามาก และ กระบวนการนี้ก็ค่อนข้างยุ่งยาก
ด้วยการเผาผลาญไขมัน ร่างกายจะไม่สามารถเข้าถึงพลังระเบิดแบบเดียวกับการเผาผลาญกลูโคส ในฐานะอดีตนักกีฬา อเล็กซ์ จะต้องรู้เรื่องทั้งหมดนี้
แล้วมานาแตกต่างกันอย่างไร?
จากสิ่งที่ อเล็กซ์ เห็น มานาทำงานเหมือนกับน้ำตาลเวอร์ชัน อัพเกรด เมื่อเขาเคลื่อนที่ไปรอบๆ ร่างกายของ อเล็กซ์ ก็จะใช้มานาจนหมด แน่นอนว่า ร่างกายของ อเล็กซ์ ยังมีการฟื้นฟูมานาแบบติดตัวด้วย ซึ่งมันแข็งแกร่งมากพอที่จะให้เขาทำงานทั้งวันก็ยังได้
การฟื้นฟูมานาแบบติดตัวนั้นแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้ อเล็กซ์ วิ่งเหยาะๆ ได้อย่างไร้สิ้นสุด โดยไม่จำเป็นจะต้องนอนหรือกินอาหาร แต่ถ้า อเล็กซ์ เริ่มวิ่ง กระโดด หรือ ฟันดาบอย่างเต็มกำลัง เขาจะใช้มานาในร่างกายไปค่อนข้างมาก และ มันจะยิ่งบ้าเข้าไปอีกถ้าเขาทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ
เห็นได้ชัดว่าการรักษาอาการบาดเจ็บ จำเป็นจะต้องใช้มานาในจำนวนที่บ้าคลั่ง ในอดีต เมื่อ อเล็กซ์ ได้รับบาดเจ็บ พื้นที่เก็บมานาติดตัวของเขาจะถูกใช้ไปจนหมดในการรักษาบาดแผลของเขา แต่ตอนนี้ อเล็กซ์ สามารถควบคุมมานาของเขาได้มากพอที่จะหยุดไม่ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น
แน่นอนว่า ความสามารถในการกระโดดและต่อสู้นั้น สำคัญมากกว่าการรักษาบาดแผลทั้งหมด
‘ความสามารถในการควบคุมมานามีความสำคัญอย่างยิ่ง’ อเล็กซ์ นั่งสมาธิ ‘ในทางเทคนิคแล้ว มานา เป็นรูปแบบพลังงานที่แข็งแกร่งมาก และ โดยพื้นฐาน คุณจะไม่สามารถทำอะไรได้ ถ้าไม่มีพลังงานที่เพียงพอ ฉันแน่ใจว่าฉันสามารถใช้มานาในร่างกายของฉันได้มากกว่าการทำเพียงแค่ กระโดดไปรอบๆ และ โจมตี หรือก็คือ มันจะต้องมีวิธีการใช้มานาในรูปแบบอื่น’
‘ฉันน่าจะได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดหลังจากเข้าร่วมสถาบันศึกษา น่าตลกที่ฉันตั้งหน้าตั้งตารอที่จะไปโรงเรียนจริงๆ เพราะฉันเกลียดโรงเรียนมาโดยตลอด’
คลิก
ทันใดนั้น อเล็กซ์ ก็ลืมตาตื่นขึ้น ขณะที่เขาได้ยินเสียงบางอย่างเหยียบลงบนกิ่งไม้
อเล็กซ์ มองดูที่มาของเสียง และ เขาก็เห็นสัตว์ร้ายที่คุ้นเคย
‘โอ้ กวางทะเลสาบน้ำแข็ง อีกตัว’ อเล็กซ์ มองดูกวางตัวเล็ก เขากวางตัวนี้ มีขนาดเล็กและไม่ได้ส่องแสงเจิดจ้า ‘ฉันไม่รู้สึกถึงมานาที่ออกมาจากตัวมันมากนัก ดังนั้น มันน่าจะอ่อนแอกว่าตัวที่ฉันเพิ่งฆ่าไป’
กวางทะเลสาบน้ำแข็งได้เคลื่อนตัวไปทาง เกวียนของ อเล็กซ์ อย่างระมัดระวัง
ที่นั่นมีไม้น้ำแข็งจำนวนหนึ่งอยู่บนเกวียน และ กวางทะเลสาบน้ำแข็งก็ชอบไม้น้ำแข็ง
พูดได้คำเดียว ว่ามันหิวโหยเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่มันเท่านั้นที่รู้สึกหิว
เพราะ อเล็กซ์ ก็มองดูกวางทะเลสาบน้ำแข็งอย่างตะกละตะกลามเช่นเดียวกัน