ตอนที่แล้ว1265 - แมลงสังหารเท
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1267 - อาวุธสวรรค์

1266 - วิญญาณปราชญ์


1266 - วิญญาณปราชญ์

ในบรรดาผู้คนที่กำลังหลบหนี ฮั่วอวิ๋นเฟยเป็นคนแรกที่เข้าถึงโลกในวิหาชั้นที่สิบสี่ และเขาเป็นคนแรกที่ตื่นตัวในขณะค้นพบแมลงสังหารเทพ

เย่ฟ่านและคนอื่นๆ อยู่ในกลุ่มที่สอง เมื่อเห็นว่าพวกเขาอยู่ไม่ไกลจากประตูหิน ต้วนเต๋อก็หยุดและหันกลับไปมองที่กล่องไม้ลึกลับพร้อมกับกล่าวว่า

“นี่คือแมลงศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน คุณค่าของมันไม่ได้เลวร้ายไปกว่าคัมภีร์โบราณมากนัก มันต้องใช้เวลาหลายพันปีในการเลี้ยงดูให้มีความแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ บางทีอาจมีไข่แมลงสังหารเทพเลือดบริสุทธิ์อยู่ข้างใน”

ในขณะนี้มือของต้วนเต๋อเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาหยิบกล่องไม้และวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว

“เจ้าทำอะไรเจ้าอ้วนต้วน?” ผังป๋อสงสัย

“แมลงศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ทิ้งรังไปหมดแล้ว ในหีบสมบัติคงมีไข่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีค่ามหาศาล หากเราต้องการครอบครองพวกมันเราจำเป็นต้องเลี้ยงดูตั้งแต่ตอนที่มันยังเป็นไข่ ตามตำนานหากมีฝูงแมลงสังหารเทพระดับเซียนหลายร้อยตัว ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตอมตะที่แท้จริงก็ไม่อาจรอดชีวิตจากกันโจมตีของพวกมันได้”

แม้ว่าแมลงสังหารเทพที่อยู่ตรงหน้าจะแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่พวกมันก็เป็นเพียงทายาทรุ่นหลังและมีพลังทางสายเลือดที่เบาบางอย่างมาก ความแข็งแกร่งของมันไม่อาจเทียบกับบรรพชนในอดีตได้เลย

ตามตำนาน มีเซียนโบราณบางคนประสบความสำเร็จในการเลี้ยงแมลงสังหารเทพสามตัว เมื่อพวกมันเติบโตขึ้นแมลงสังหารเทพเหล่านั้นมีความแข็งแกร่งในระดับราชาผู้ยิ่งใหญ่

แม่จะมีพวกมันเพียงสามตัวก็สามารถสังหารสิ่งมีชีวิตระดับราชาปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างเด็ดขาด จะเห็นได้ว่าเมื่อพวกมันรวมพลังกันแมลงเหล่านี้จะมีความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้นหลายเท่า

และสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดคือภายในรังของมันมักจะมีไข่ศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพชนอยู่ ไข่ศักดิ์สิทธิ์นี้จะไม่ฟักออกมาแม้จะผ่านไปนานหลายหมื่นปีหลายแสนปี

หากพวกเขาบังเอิญให้กำเนิดแมลงสังหารเทพระดับเซียนขึ้นมาได้สักสองสามตัวบางทีต่อให้เป็นเสมือนจักรพรรดิพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวแล้ว

พวกเขารีบเข้าไปในโลกวิหารระดับที่สิบสี่ในขณะที่ต้วนเต๋อขโมยหีบไม้วิ่งติดตามพวกเขามาอย่างกระชั้นชิด

“เจ้าอ้วนต้วนรีบโยนหีบทิ้งไป” จักรพรรดิดำคำรามด้วยความโกรธ

“ให้ตายเถอะ โจรปล้นศพ เจ้าไม่กลัวมือจะเน่าหรือ?” ผังป๋อส่งเสียงร้องอย่างสิ้นหวัง

สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายอย่างยิ่ง นั่นก็เพราะแมลงสังหารเทพทุกตัวสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ จากนั้นมันก็พุ่งเข้าหากลุ่มของเย่ฟ่านด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด

ด้วยแมลงสังหารเทพนับล้านตัวที่อยู่ด้านนอกต่อให้เป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ต้องวิ่งหนีอย่างแน่นอน

“อย่างน้อยเรายังสามารถใช้สิ่งนี้หลอกล่อพวกมันให้โจมตีศัตรูได้!”

ต้วนเต๋อปฏิเสธที่จะโยนกล่องไม้ทิ้ง และยังอธิบายเหตุผลด้วยสีหน้าชอบธรรม

“ไอ้สารเลว ก่อนที่เราจะเจอศัตรูเราคงถูกแมลงเหล่านี้กินจนเหลือแต่กระดูก”

เย่ฟ่าน จักรพรรดิดำและคนอื่นๆ คำรามด้วยความโกรธ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะหว่านล้อมอย่างไรถ้วนเต๋อก็ไม่มีทางโยนกล่องไม้ใบนั้นทิ้ง

“แมลงพวกนี้มีความพยาบาทเกินไป เราก็แค่หลอกล่อพวกมันให้ติดตามมาก่อนจะโยนกล่องไม้นี้ไปที่ศัตรูของเจ้า”

ต้วนเต๋อยิ้มอย่างแห้งแล้ง ตอนนี้ร่างกายของเขามีบาดแผลเต็มไปหมดและเห็นได้ชัดว่ายากที่จะประคองตัวเองต่อไปได้แล้ว

“เจ้ามันโง่โยนกล่องนั้นทิ้งไปซะ”

ชายตาบอดตะโกน ร่างกายของเขาอาบไปด้วยเลือดและพร้อมที่จะเสียชีวิตตลอดเวลา

“จะโยนทิ้งไปได้อย่างไร? สิ่งนี้เทียบได้กับคัมภีร์ของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ อาจารย์ข้าเคยค้นพบคัมภีร์โบราณในการเลี้ยงดูแมลงศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ ตราบใดที่มันถูกเลี้ยงดูด้วยวิธีที่ถูกต้องเป็นเวลาหมื่นปี แมลงของข้าจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ด้วยซ้ำ!”

ต้วนเต๋อถือกล่องและปฏิเสธที่จะปล่อยมือ นิ้วของเขาถูกแมลงที่ยังหลงเหลืออยู่ภายในกล่องกัดกินจนมีบาดแผลเหว่อะหว่ะ ถึงอย่างนั้นมือของเขายังคงเกาะกุมกล่องไม้ไว้แน่น

ฉีลั่วที่เงียบสงบอยู่ตลอดเวลาในที่สุดก็กล่าวว่า

“ข้าคิดว่าแมลงชนิดนี้มีคุณค่าไม่สิ้นสุดจริงๆ แม้ว่าเราจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ไม่ถึงหมื่นปี แต่เราก็สามารถเลี้ยงดูพวกมันไว้คอยปกป้องวังสวรรค์ในอนาคต เมื่อถึงตอนที่ราชาสวรรค์ตัวจริงของเราปรากฏตัวขึ้นแมลงเหล่านี้จะกลายเป็นอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพของเขา”

“เราอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว”

ตงฟางเย่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหยิบเอาอาวุธเต๋าสุดขั้วของเผ่าคนเถื่อนแห่งหนานหลิงออกมา

“ไม่จำเป็น ข้าจะฆ่าพวกมันเอง!”

เย่ฟ่านลงมือปลดปล่อยเพลิงเก้าสีที่เขาเก็บรวบรวมมาให้พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ภายใต้เปลวไฟแห่งเต๋าอันร้อนแรงนั้นต่อให้แมลงสังหารเทพแข็งแกร่งกว่านี้สิบเท่าพวกมันก็ยังไม่อาจหลีกเลี่ยงความตายได้

อย่างไรก็ตามฝูงแมลงสังหารเทพนั้นมีมากกว่าล้านตัว หลังจากที่เปลวไฟเผาผลาญไปได้ส่วนหนึ่งแมลงตัวอื่นๆ ยังคงหลั่งไหลเข้าหาพวกเขาไม่หยุดหย่อน

เย่ฟ่านเร่งเร้า “เจ้าอ้วนต้วนรีบนำไข่ศักดิ์สิทธิ์ออกมาแล้วโยนกล่องนั้นทิ้งไปซะ หากเจ้ายังชักช้าอยู่ข้าจะเตะเจ้าออกไปด้วย”

ต้วนเต๋อรู้สึกไม่เต็มใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ทนไม่ได้แล้ว มีแมลงสังหารเทพมากเกินไป ดังนั้นเขาทำได้เพียงกรีดร้องด้วยความเศร้าโศกก่อนจะหยิบไข่ฟองหนึ่งออกมาแล้วขว้างกล่องไม้ไปในทิศทางอื่น

ในเวลานี้พวกเขาหลบหนีไปถึงชั้นที่สิบหกของโลกวิหารแล้ว แมลงสังหารเทพเหล่านั้นจึงค่อยหยุดการไล่ล่าพวกเขาลง อย่างไรก็ตามมือของเจ้าอ้วนต้วนมีสภาพไม่แตกต่างอะไรจากมือที่ถูกสุนัขเคี้ยว

“แต่เดิมข้าคิดว่าสิ่งนี้สูญพันธุ์ไปนานแล้ว อาจารย์ของข้าเคยบอกว่ามันมีอยู่ในอาณาจักรเซียนเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าในที่สุดเราจะได้มันมาครอบครอง!”

แม้ว่ามือของเขาจะอยู่ในสภาพยับเยินแต่เขาก็ยังประคองไข่ที่งดงามราวกับอัญมณีสีขาวอย่างทะนุถนอม

“เทียนหวงจื่อ ฮั่วอวิ๋นเฟย และหลี่เสี่ยวม่านอยู่ที่ไหน”

พวกเขาวิ่งเข้ามาในวิหารชั้นที่สิบหกแล้วแต่คนทั้งสามกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เย่ฟ่านจึงเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก

“ทิศทางของพวกเขาอยู่ในตำแหน่งเดียวกับเรา หรือว่าคนเหล่านี้ต้องการไปที่แท่นบูชาห้าสี?” ผังป๋อรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

“รีบไล่!” สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง

สิ่งที่เย่ฟ่านกังวลมากที่สุดคือจะมีใครบางคนไปพบแท่นบูชาห้าสีก่อนพวกเขา หากผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นเดินทางไปถึงโลกมนุษย์ด้วย มันจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ของโลกอย่างแน่นอน

ทั้งกลุ่มหลีกเลี่ยงปัญหาและวิ่งไปข้างหน้าจนกระทั่งถึงชั้นที่ยี่สิบเอ็ดของวิหารโบราณที่มีทั้งหมดสามสิบหกชั้น สายตาของพวกเขากวาดไปรอบๆ เพื่อตามหาคนทั้งสามอยู่ตลอดเวลา

“มีบางอย่างผิดปกติ”

ต้วนเต๋อพึมพำ ก่อนหน้านี้เขาเตรียมวัตถุดิบไว้มากมายโดยคิดว่าจะเจอเข้ากับภูตผีที่อยู่ภายในโลกใบเล็กแห่งนี้ แต่สุดท้ายศัตรูที่พบเจอตลอดเส้นทางกลับมีแต่สิ่งมีชีวิตเท่านั้น

พวกเขาเดินต่อไปและในไม่ช้าก็มาถึงชั้นที่ยี่สิบเจ็ด ในขณะนี้ทุกคนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็เพราะการเดินทางของพวกเขามันราบรื่นเกินไป

เมื่อพวกเขาก้าวเข้าสู่โลกวิหารบนชั้นยี่สิบแปดความว่างเปล่าก็ระเบิดออกอย่างเงียบๆ และกระบี่ศักดิ์สิทธิ์สีทองก็ฟาดลงมาที่หว่างคิ้วของเย่ฟ่านโดยตรง

การโจมตีจากอาวุธต้องห้ามที่สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว!

ในที่สุดก็มีใครบางคนอดใจไม่ไหวแล้ว พวกเขาเลือกที่จะดักซุ่มโจมตีเย่ฟ่านอยู่ในชั้นนี้และมันยังเป็นการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดอีกด้วย

อย่างไรก็ตามแม้ว่าอาวุธนี้จะทรงพลังเทียบเท่าครึ่งก้าวอาวุธเต๋าสุดขั้ว แต่มันยังไม่มีอำนาจเพียงพอที่จะเจาะทะลุพลังป้องกันของเตาหลอมเซียนได้

ในเวลาเดียวกันฉีลั่วได้หายตัวไปในความว่างเปล่าและออกไล่ล่ามือสังหารอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลับมาแต่ก็ไม่ได้เอาหัวที่เปื้อนเลือดกลับมาด้วย ดูเหมือนคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งคนนั้นจะสามารถหลบหนีไปได้

“ในกระบี่ศักดิ์สิทธิ์สีทองนั้นมีเศษเสี้ยวของวิญญาณปราชญ์โบราณสิงสถิตอยู่!”

ทุกคนตกตะลึงเป็นอย่างมาก ปราชญ์ไม่ได้รับอนุญาตให้ปรากฏตัวขึ้นในโลกอีกต่อไปไม่เช่นนั้นจะเป็นการฝืนฉันทามติของสิ่งมีชีวิตระดับปราชญ์ทุกคนในโลก

อย่างไรก็ตามยังมีผู้คนแอบฝ่าฝืนข้อตกลงโดยการใส่เศษเสี้ยววิญญาณของตัวเองเข้ามาในอาวุธศักดิ์สิทธิ์

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปราชญ์คนนั้นจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตโบราณหรือไม่ก็เป็นเซียนของวังอเวจีและพิภพอย่างแน่นอน

……..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด