บทที่ 8 : มิติเขาวงกต
เมืองคอนสแตนตินตั้งอยู่ในแผ่นดินของอาณาจักรไฮเดลเบิร์ก เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดแห่งหนึ่งหลังจากเข้าสู่ยุคเครื่องจักรไอน้ำ
เมืองดังกล่าวมีประชากรหนาแน่น โดยขุนนางและนักธุรกิจผู้มั่งคั่งต่างอยู่ที่นี่จำนวนมาก
เขตตะวันออกเป็นเขตเมืองที่มีขุนนางและนักธุรกิจร่ำรวยมากที่สุด ซึ่งคิดเป็นมากกว่า 90% ของทั้งหมด
ในบรรดาบ้านพักของขุนนางและนักธุรกิจ มีบ้านพักหลังหนึ่งดูธรรมดา นี่คือสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรสาขาเมืองคอนสแตนติน
สำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรเป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับโลกลึกลับ อาณาจักรไฮเดลเบิร์กมีสำนักงานหลายสาขาในเมืองสำคัญ
แม้จะเป็นองค์กรอย่างเป็นทางการ เป็นองค์กรลับที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ลึกลับ แต่เรื่องที่รายงานขึ้นตรงแก่ราชอาณาจักรไม่ได้ถูกเปิดเผยมากนัก
“ท่านคะ ได้รับการยืนยันแล้วว่าผู้ที่สังหารปีศาจคือเฟยหลินซุกส์ลูกศิษย์ของเรย์ โรมาโน เขามีฝีมือการยิงปืนมากพอในระดับชำนาญพิเศษค่ะ”
เวลานี้ในสำนักงาน หญิงสาววัยยี่สิบผมสีบลอนด์และสวมแว่นตากรอบบาง กำลังรายงานต่อลินดี้ ฮาร์โลวินที่เคยปรากฎตัวที่สำนักงานตำรวจ
ชื่อของเธอคือจูลี่ เคท เธอเป็นเลขาของลินดี้ ฮาร์โลวิน คอยทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยดูแลงานธุรการ และเป็นคนที่ลินดี้ไว้วางใจมากที่สุด
"เป็นเขาจริง ๆ"
ลินดี้ ฮาร์โลวินเอนหลังพิงเก้าอี้ทำงานด้วยท่าทางขี้เกียจเล็กน้อย หน้าอกเด้งขึ้นลงในบางจังหวะดูสวยงาม แต่น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ชายคนใดได้เห็นภาพอันน่าดึงดูดนี้
เมื่อได้ยินรายงานของจูลี่ เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
หลังจากคาดเดาว่าโจซี แคฟฟี่ และเฟยหลินใครในสามคนนี้ต้องมีทักษะพิเศษ เธอจึงระดมเครือข่ายข่าวกรองของอาณาจักรทันทีเพื่อตรวจสอบ
อย่างไรก็ตามจุดเน้นของการสืบสวนไม่ใช่เฟยหลินตั้งแต่แรก แต่เป็นนักสืบแคฟฟี่
เนื่องจากในฐานะนักสืบและอาจมีอาวุธปืนอยู่ในครอบครอง แคฟฟี่จึงมีแนวโน้มเป็นคนฆ่าปีศาจลักษณะพิเศษ หรืออีกชื่อที่ตำรวจเรียกในตอนแรกคือผีปอบ
แต่ผลการสอบสวนเกินความคาดหมายของเธอไปมาก ไม่ใช่นักสืบแคฟฟี่ที่มีทักษะยิงปืนเป็นเลิศ แต่กลับเป็นผู้ประเมินค่าวัตถุโบราณ แถมเฟยหลินยังอายุน้อยที่สุดในสามคน
"เฟยหลินซุกส์อายุเท่าไหร่?"
“เพิ่งอายุ 20 เมื่อเดือนที่แล้วค่ะ”
จูลี่ไม่ได้อ่านรายงานในมือขณะพูด เธอตอบอย่างถูกต้องพราะมีความจำที่ดีมากกว่าคนทั่วไป และเธอสามารถจดจำข้อมูลทั้งหมดที่เคยทำมา
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ภาพสะท้อนทักษะด้านความจำที่เหนือกว่าคนทั่วไป
ตราบเท่าที่ต้องการ เธอสามารถจดจำคำศัพท์ในพจนานุกรมที่หนาปึกได้อย่างง่ายดายภายในหนึ่งชั่วโมง
“สามารถฝึกฝนทักษะนักแม่นปืนจนถึงระดับนี้ได้ตั้งแต่อายุ 20… ถือว่ายอดเยี่ยมมาก” ลินดี้พยักหน้าและแสดงความคิดเห็น
ด้วยเหตุผลบางอย่าง องค์กรลึกลับเช่นสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรจะดึงดูดบุคคลที่แตกต่างจากคนทั่วไป หรือผู้ที่บรรลุถึงระดับชำนาญพิเศษขึ้นไปของทักษะที่มี
อายุ 20 สามารถบรรลุระดับชำนาญพิเศษ แม้จะยอดเยี่ยมแต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกในสำนักงาน ดังนั้นคุณสมบัติจึงถือว่าเป็นที่ยอมรับในขั้นต้นเท่านั้น
“เฮ้ ฉันมีความเห็นต่างออกไปน่ะ ฉันคิดว่าทักษะของเขาไม่ใช่แค่ยอดเยี่ยม แต่คู่ควรที่จะได้รับการจัดอันดับให้เป็นคลาสพิเศษ” จูลี่ส่ายหน้า
ตราบใดที่มันเกี่ยวข้องกับงานแม้จะเป็นเจ้านายโดยตรงของตัวเอง เธอก็กล้าหักล้างโดยไม่ลังเล
ถึงอย่างเธอเองก็ล้มเหลวมามาก เนื่องจากเธอถูกลินดี้ไล่ออกหลายครั้งเพราะไม่ผ่านเกณฑ์
จนกระทั่งเธอได้รับโอกาสและไต่เต้าเป็นเลขาของลินดี้ เธอจึงรักษาสถานะและไม่ถูกไล่ออก
“โอ… แล้วอะไรเป็นพื้นฐานในการตัดสินของเธอล่ะจู”
ถูกจูลี่คัดค้านแบบนี้ ลินดี้ก็ไม่โกรธอะไรเลย แต่เหตุผลที่เธอชื่นชมจูลี่ก็เพราะจูลี่จริงจังกับงานมาก
สิ่งที่เธอต้องการคือผู้ช่วยที่สามารถช่วยเหลืองานได้หลายอย่าง
"ตามข้อมูลเฟยหลินซุกส์เสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็ก เขามีพี่สาวที่แต่งงานแล้วก่อนเขาจะเริ่มทำงานตอนอายุ 18 ปี ครอบครัวของเขาธรรมดามาก"
“ก่อนที่เขาจะเริ่มทำงานก็ไม่มีความสามารถทางการเงินอะไรเลย จะจับปืนจนมีทักษะสูงแบบนี้ ถึงจะอายุแค่ 20 ปีแต่เขาใช้เวลา 2 ปีในการฝึกฝนทักษะยิงปืนจนชำนาญ มันดูแปลกพิลึกค่ะ”
"บันทึกการลงทะเบียนที่ได้รับจากสนามยิงปืนยังยืนยันเรื่องนี้ได้ด้วย การฝึกยิงปืนครั้งแรกของเขาคือเมื่อสองปีที่แล้ว"
จูลี่ดันแว่นบนจมูกขึ้นและพูดตามการตัดสินของตัวเอง
"แล้วเธอเชี่ยวชาญการใช้ปืนภายในสองปีหรือเปล่าล่ะ?"
ลินดี้วางคางไว้บนมือทั้งสองขณะเท้าโต๊ะ พลางแสดงความประหลาดใจเล็กน้อย
แม้จะมีหลายคนในสำนักงานที่มีทักษะระดับชำนาญพิเศษ ซึ่งบางคนพัฒนาทักษะตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นกัน
ถ้าเฟยหลินฝึกฝนทักษะนักแม่นปืนจนถึงระดับนั้นจริงภายในเวลาสองปี มันก็สมควรแล้วที่จะได้รับการประเมินเป็นพิเศษ
“ฉันขอแนะนำให้เฟยหลินเข้าประจำการในสำนักงานทันที ถ้าสายเกินไปฉันเกรงว่าจะมีองค์กรลับอื่นเข้ามาจัดการแทน” จูลี่รีบให้คำแนะนำ
ในราชอาณาจักรไฮเดลเบิร์กนอกจากสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรแล้ว ยังมีองค์กรลับอื่น ๆ อีกแต่องค์กรลับเหล่านี้ไม่เป็นทางการเหมือนพวกเธอ
ในเวลาปกติองค์กรลับเหล่านี้มักจะช่วงชิงคนที่มีทักษะแบบนี้มาร่วมงาน ตอนนี้มีคนที่มีทักษะอันยอดเยี่ยมแล้ว องค์กรลับอื่นจะไม่มีวันปล่อยมือไปแน่
"รับทราบค่ะ ฉันพร้อมดำเนินการเต็มที่"
เมื่อรู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ ลินดี้จึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน
เธอสวมชุดดำยาวที่เปิดเผยเรือนร่างเล็กน้อย ก่อนเดินออกจากห้องไป
ข้างหลังเธอจูลี่ดันแว่นตาขึ้นและเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
“แม้เขาจะอายุยี่สิบปี แต่ใช้เวลาเพียงสองปีในการพัฒนาทักษะนักแม่นปืนเป็นระดับชำนาญพิเศษ ยังไงคุณสมบัติของเขาก็เพียงพอที่จะไปถึงระดับที่สูงกว่านี้แน่นอน”
ในรถม้าส่วนตัวมีชายสองคนกำลังคุยกัน
รถม้าส่วนตัวที่พวกเขาโดยสารมุ่งหน้าไปยังถนนที่เฟยหลินอยู่
ตามที่จูลี่คาดการณ์ไว้ไม่เพียงแต่สำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรค้นพบเฟยหลินซึ่งใช้เวลาเพียงสองปีในการฝึกฝนทักษะนักแม่นปืน องค์กรลับอื่น ๆ ก็ค้นพบสิ่งนี้เหมือนกัน
ทักษะแบบนั้นพิเศษและหายากมากในทุกองค์กรลึกลับ
เมื่อรู้ว่ามีพรสวรรค์พิเศษแบบนี้ปรากฏอยู่ในเมืองคอนสแตนติน พวกเขาจึงดำเนินการทันทีและเตรียมรับบุคคลนี้เข้าสู่องค์กร
“ทำไมนานแบบนี้นะ?”
ในระหว่างการสนทนาจู่ ๆ ชายคนหนึ่งก็ขมวดคิ้ว
รถม้าเดินทางเป็นเวลานานและควรจะมาถึงห้องทดลองเฟย์ลีนได้แล้ว
เขารูดม่านแล้วถามคนขับ
“อีกนานไหมกว่าจะถึง?”
"ท่านครับ ใกล้จะถึงแล้วแต่ว่า "
คนขับกระวนกระวายและพูดติดอ่าง หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ
"แต่ว่าอะไร?"
ชายคนนั้นถามต่อ
"ก็แค่ถนนสายนี้… ดูเหมือนยาวมาก… ไปข้างหน้าก็ไปไม่สุดสักที"
คนขับพูดตะกุกตะกัก เหงื่อเย็นไหลออกมาจากหน้าผากเรื่อย ๆ
เขาเป็นคนขับรถม้ามานานหลายทศวรรษ เขาคุ้นเคยกับถนนทุกสายในเมืองคอนสแตนตินเป็นอย่างดี และเขามั่นใจที่จะขับรถม้าไปยังจุดหมายโดยหลับตาก็ยังได้
แต่วันนี้เขาพบว่าถนนที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีกลายเป็นไม่คุ้นเคย และถนนดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด
"ท่าไม่ดีแล้ว"
เมื่อได้ยินคำตอบของคนขับรถม้า ชายที่ถามคำถามและชายอีกคนก็ตะโกนขึ้น
"หยุดรถเดี๋ยวนี้"
ทั้งสองขอให้คนขับรถม้าหยุดรถทันที จากนั้นกระโดดลงจากรถม้าและมองไปรอบ ๆ อย่างเคร่งขรึม
องค์กรลึกลับใช้พลังที่เรียกว่าไสยศาสตร์ และผู้ที่ใช้พลังนี้เรียกว่านักเล่นไสยศาสตร์
ปรากฏการณ์ลึกลับปรากฏขึ้นแบบนี้ บ่งชี้ว่าพวกเขาพบสิ่งลึกลับหรือพบองค์กรลึกลับคนอื่น และกำลังตกลงไปในศาสตร์ลับของนักเล่นไสยศาสตร์
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในตอนกลางวันแล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาหลงเข้ามาในกับดัก
ในการต่อสู้ของนักเล่นไสยศาสตร์ โอกาสแรกนั้นสำคัญที่สุดและพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบอย่างมาก เมื่อตกอยู่ในศาสตร์ลับของศัตรู
"นี่น่าจะเป็นมิติเขาวงกต… เราติดกับเข้าแล้วล่ะ" ชายคนแรกอธิบายอย่างเคร่งขรึม
“มันไม่ได้โจมตีเรา อีกฝ่ายน่าจะแค่ต้องการถ่วงเวลา” ชายอีกคนขมวดคิ้ว
จากนั้นทั้งสองก็มองหน้ากันและสีหน้าของพวกเขาก็เคร่งเครียดมากขึ้น
“ให้ตายเถอะ ต้องมีพวกอื่นมาหาเขาเหมือนเราแน่”
"เพื่อป้องกันไม่ให้เราติดต่อกับผู้มีทักษะ ก็เลยขังเราให้อยู่มิติเขาวงกต"
อีกฝ่ายน่าจะเหมือนกับพวกเขาและยังมุ่งเป้าไปที่เฟยหลินอีกด้วย
เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาติดต่อกับเฟยหลินก็มีแต่ต้องถ่วงเวลา
เมื่อพวกเขาออกจากมิติเขาวงกต อีกฝ่ายอาจชักชวนผู้มีทักษะตัดหน้าไปก่อนแล้ว พวกเขารู้ว่าการชักชวนนี้กำลังจะล้มเหลว
ความจริงแล้วไม่ใช่แค่สองคนนี้หรอก นอกจากชายสองคนนี้แล้วองค์กรอื่นที่กำลังมาหาเฟยหลินต่างถูกขังอยู่ในมิติเขาวงกตเช่นกัน
“ท่านคะ องค์กรอื่นที่ตามมาถูกขังอยู่ในมิติเขาวงกตเรียบร้อยแล้วค่ะ”
นอกห้องทดลองเฟย์ลีน จูลี่ดันแว่นตาและรายงานลินดี้
เธอเป็นผู้สร้างมิติเขาวงกตขึ้น แม้ปกติแล้วเธอจะดูเหมือนผู้มีความจำดี แต่ความจริงแล้วเธอก็เป็นนักเล่นไสยศาสตร์ด้วย
ศาสตร์มิติเขาวงกตที่เธอครอบครอง แม้จะมีพลังต่อสู้น้อยแต่ก็เป็นเทคนิคลับที่ยอดเยี่ยมในการดักจับศัตรู
เมื่อตกอยู่ในศาสตร์ลับนี้เว้นแต่จะเชี่ยวชาญศาสตร์นี้ด้วย ถึงจะมีวิธีทำลายศาสตร์นี้ลงได้
ไม่อย่างนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลุดพ้นจากศาสตร์นี้ ตราบใดที่จูลี่ไม่ปลดศาสตร์ลับ
“ดีมาก คอยดูไว้นะ ฉันจะโน้มน้าวให้เฟยหลินเข้าร่วมเร็วที่สุด”
ลินดี้ซึ่งสวมชุดสีดำเผยเรือนร่างบางส่วน เธอสวยงามราวกับดอกกุหลาบสีดำ ยิ้มเล็กน้อยเดินไปที่ห้องทดลองและเคาะประตู