บทที่ 4 : ตลอด 20 ปีที่รอคอย
"นี่อาจเป็นนิ้วทองคำที่เรารอมาตลอดยี่สิบปีรึเปล่า?"
แผงระบบนี้ทำให้เฟยหลินนึกถึงนิ้วทองคำที่เขาเคยจินตนาการถึง
เวลาผ่านมานานแค่ไหน เขายังเพ้อฝันถึงชีวิตของที่ปลุกนิ้วทองคำให้ตื่นขึ้น เพื่อเปิดความสามารถเฉพาะตัวที่โดดเด่นมากกว่าเดิม แต่เมื่อเขาอายุมากขึ้นนิ้วทองคำก็ไม่ปรากฏตัวซะที
ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้สึกท้อใจอยู่พักหนึ่ง
โชคดีที่ในที่สุดเขาก็คิดออก ถึงจะไม่มีนิ้วทองคำก็ต้องไม่ท้อ
นอกจากนี้เมื่อเทียบกับคนทั่วไปในโลกนี้ เขาไม่ได้ไร้ประโยชน์เพราะมี ‘ปัญญาในระดับสูง’ เป็นข้อได้เปรียบ
ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ทำงานหนักและได้เข้าเรียนที่วิทยาลัยแห่งแรกของเมืองคอนสแตนติน คือมหาวิทยาลัยเจมส์สัน ซึ่งเขาได้เรียนรู้การประเมินเครื่องประดับและของเก่าทางโบราณ จนกลายเป็นผู้ประเมินของโบราณที่มีเงินเดือนมากสุดเป็นอันดับต้น ๆ ในปัจจุบัน
"ในหัวข้อวิเคราะห์วัตถุโบราณและนักแม่นปืนมีคำว่าอัพเกรดได้ แปลว่าต้องมีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องสามารถอัพเกรดสองทักษะนี้ได้ หรือว่าจะใช้แต้มพลังเร้นลับด้านล่าง?"
แผงระบบนั้นดูเข้าใจง่ายมาก แถมดูง่ายเหมือนเกมในชาติที่แล้วของเฟยหลินด้วย เขาจึงรู้วิธีใช้งานโดยธรรมชาติอย่างรวดเร็ว
และยังเข้าใจด้วยว่าเหตุใดจึงเกิดทักษะสองอย่างนี้ การวิเคราะห์วัตถุโบราณคืองานของเขา โดยปกติแล้วเขาสามารถพัฒนาทักษะนี้ได้
ส่วนทักษะนักแม่นปืนน่าจะเกี่ยวข้องกับความจริงที่ว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยไปที่โรงยิงปืนเพื่อเรียนรู้การยิงปืน
สุดท้ายแล้วเขาเป็นคนไม่ชอบปืน ถ้ามีโอกาสสัมผัสปืนเขาก็ไม่อยากจะใช้เท่าไหร่
"รู้แล้วว่าต้องอัพเกรดอะไร!" สายตาของเฟยหลินมองไปที่ทักษะนักแม่นปืน
ตอนนี้กำลังเผชิญกับภัยคุกคามของสัตว์ประหลาด แม้ว่าทักษะวิเคราะห์วัตถุโบราณจะอัพเกรดเป็นระดับต่อไปได้ แต่ก็ไม่มีประโยชน์และสิ่งเดียวที่สามารถช่วยเขาได้คือทักษะนักแม่นปืน
สิ่งเดียวที่ต้องกังวลคือแต้มพลังเร้นลับแค่ 1 แต้ม ดูเหมือนจะน้อยเกินไปและไม่พออัพเกรด
แต่เวลานี้มีแค่วิธีเดียวคือต้องลอง
"อัพเกรด อัพเกรด อัพเกรด…"เฟยหลินมองไปยังคอลัมน์นักแม่นปืนและพูดว่าการอัพเกรดหลายครั้ง
ความคิดปัจจุบันของเขาคือการใช้แต้มพลังลึกลับทั้งหมด เพื่ออัพเกรดทักษะนักแม่นปืนให้พัฒนาเป็นระดับที่สูงขึ้น
แต้มพลังเร้นลับลดลง 0.1 แต้ม จากนั้นคอลัมน์นักแม่นปืนกลายเป็น พอใช้ (อัพเกรดได้)
แต้มพลังเร้นลับลดลง 0.2 แต้ม จากนั้นคอลัมน์นักแม่นปืนกลายเป็น เชี่ยวชาญ (อัพเกรดได้)
แต้มพลังเร้นลับลดลง 0.4 แต้ม จากนั้นคอลัมน์นักแม่นปืนกลายเป็น ชำนาญพิเศษ (ไม่สามารถอัพเกรดได้)
คอลัมน์ของนักแม่นปืนมีการเปลี่ยนแปลงสามครั้งติดต่อกัน และแต้มพลังเร้นลับลดลงเหลือแค่ 0.3 แต้ม
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมันขึ้นสู่ระดับสูงสุดแล้ว หรือแต้มพลังไม่พอ จึงไม่สามารถอัพเกรดทักษะต่อไปได้ ขณะนั้นความทรงจำหรือความเข้าใจการยิงปืนก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวเฟยหลิน
ตัวเอกของความทรงจำคือตัวเขาเอง และคือความทรงจำเกี่ยวกับการฝึกยิงปืนทั้งหมด
ในความทรงจำของเขา ตัวเองเริ่มฝึกฝนปืนในฐานะมือใหม่ ตอนแรกเขารู้สึกไม่ค่อยชอบจับปืน
พอผ่านไปสักพักกลับมีความรู้สึกคุ้นเคยกับปืนมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดทักษะที่มีอยู่ทำให้เขากลายเป็นนักแม่นปืนมือฉมังทันที
แผงระบบโปร่งแสงหายวับไปอีกครั้งเฟยหลินจดจ่ออยู่กับช่วงเวลาปัจจุบันที่เกิดแผงระบบขึ้น แต่ตอนนี้ต้องพับเก็บไว้ก่อน หลังจากรอดชีวิตกลับไปค่อยนั่งศึกษาอย่างจริงจัง
จากการเห็นแผงระบบจนถึงการยกระดับนักแม่นปืนผ่านการใช้แต้มพลังเร้นลับ เขาใช้เวลาปรับสภาพตัวเองไม่กี่วินาที
เป็นเพราะความจริงที่ว่าเขาเคยเล่นเกมมามากในชาติที่แล้ว จึงคุ้นเคยกับแผงทักษะประเภทนี้เป็นอย่างดี
เพียงไม่กี่วินาทีสถานการณ์ต่อจากนี้จะเปลี่ยนไป
"กรรร" เมื่อเห็นแคฟฟี่ไม่โจมตี ความกลัวของสัตว์ประหลาดที่มีต่อแคฟฟี่ค่อย ๆ หายไป
ปากที่แยกออกจนถึงโคนหูฉีกจนน่ากลัว เผยให้เห็นฟันสีเหลืองขนาดใหญ่สองซี่ที่มีเศษชิ้นเนื้อติดอยู่ และแววตาที่กระหายเลือดส่องประกายแวววาว
ร่างกายงอเล็กน้อยเหมือนคันธนูเตรียมยิงลูกศร วินาทีต่อมามันก็ดีดตัวออกและพุ่งเข้าหาทั้งสาม
พวกเขารีบถอยห่างอย่างรวดเร็วเพื่อหลบ แต่ความเร็วของทั้งสามจะเทียบได้กับเรย์ โรมาโนที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดได้อย่างไร?
ปังๆๆๆ!
แม้จะเหลือกระสุนแค่หกนัด แต่แคฟฟี่ก็ยิงโดยไม่ลังเล
สุดท้ายถ้าไม่ยิงก็จะถูกสัตว์ประหลาดเข้าใกล้ ซึ่งตอนนั้นอาจไม่มีโอกาสแม้แต่จะยิงด้วยซ้ำ
ยิงปืนสี่นัดติดต่อกันและกระสุนทองแดงสี่นัดก็พุ่งออกไปหาสัตว์ประหลาด
แต่อย่างที่แคฟฟี่พูดไว้ เขาไม่ใช่นักแม่นปืนที่ชำนาญมากนัก จึงโจมตีสัตว์ประหลาดที่มีความเร็วขณะเคลื่อนที่เหมือนเสือชีต้าไม่ได้
กระสุนทั้งสี่นัดผ่านสัตว์ประหลาดอย่างน่าเสียดาย ซึ่งไม่ได้ทำความเสียหายให้อีกฝ่ายเลย
สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างมาก และสัตว์ประหลาดกำลังจะกระโจนเข้าใส่พวกเขา
แคฟฟี่กัดฟันและเตรียมยิงกระสุนสองนัดสุดท้าย เพื่อดูว่าเขาจะจัดการสัตว์ประหลาดด้วยกระสุนสองนัดสุดท้ายได้หรือไม่
สำหรับการฆ่านั้นเขาไม่ได้มีความคิดฟุ่มเฟือยเสียดายกระสุนแต่อย่างใด
"เอาปืนมาให้ฉัน!" เมื่อเห็นว่าสถานการณ์อยู่ในขั้นวิกฤตเฟยหลินตะโกนขึ้น
เกรงว่าจะสายเกินไปเขาจึงตรงไปหยิบปืนจากมือแคฟฟี่
หลังจากทักษะนักแม่นปืนของเขาได้รับการอัพเกรดเป็นระดับชำนาญพิเศษ วิสัยทัศน์ในการเป็นนักแม่นปืนของเขาก็สูงขึ้นมาก
จากการยิงของแคฟฟี่ในตอนนี้เฟยหลินตัดสินแล้วว่าทักษะแม่นปืนของอีกฝ่ายนั้นด้อยกว่าเล็กน้อย
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการยิงปืนด้วยตัวเขาเอง
ฮึ่ม
ทักษะนักแม่นปืนได้มาถึงระดับนี้แล้วเฟยหลินจึงมีระดับประสบความสำเร็จสูง และมีเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับปืน
หนึ่งในนั้นก็คือการคว้าปืนจากมืออีกฝ่ายอย่างไรให้ปลอดภัย
เขาคว้าปืนจากมือแคฟฟี่iและออกแรงตบข้อมือ ทำให้แคฟฟี่รู้สึกเจ็บจนปล่อยปืนในมือร่วงลงพื้น
ก่อนที่ปืนลูกโม่สีเงินจะตกลงพื้นเฟยหลินเอื้อมมือไปคว้าปืนกลางอากาศอย่างรวดเร็ว
เวลานี้สัตว์ประหลาดเข้าใกล้ทั้งสามมากขึ้น ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ถึงสองเมตร
ระยะทางนี้ความเร็วของสัตว์ประหลาดสามารถจัดการพวกเขาได้ในพริบตา
เนื่องจากระยะทางใกล้เกินไป ทั้งสามได้กลิ่นศพและเลือดบนตัวสัตว์ประหลาดชัดเจน
"คุณกำลังทำอะไร?"
ในสถานการณ์คับขันแบบนี้เฟยหลินหยิบปืนขึ้นมาและอาศัยจังหวะอีกฝ่ายกระโจนเข้ามา เขาลั่นไกออกไปด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
ปัง ปัง!
ในขณะที่เขาตั้งสมาธิ เสียงปืนสองนัดก็ดังขึ้น
พร้อมกับเสียงปืนสองนัด ร่างของสัตว์ประหลาดที่พุ่งเข้ามาก็โซเซไปข้างหลังทันที
หลังจากเซไปข้างหลังก็ล้มลง ตอนนี้มันอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ถึงหนึ่งเมตร
ใต้แสงคบเพลิงเห็นรูเลือดขนาดเท่าเหรียญระหว่างคิ้วของสัตว์ประหลาด กับตำแหน่งหัวใจของมันอย่างชัดเจน
จากนั้นมีน้ำเหลืองไหลออกมาและส่งกลิ่นเหม็นฉุนรุนแรง
ทั้งสามถอยออกไปให้ไกลเพื่อความปลอดภัย
"นี่…?"
เมื่อมองสัตว์ประหลาดที่ไม่ขยับเขยื้อน แคฟฟี่รู้สึกประหลาดใจมากกับเหตุการณ์เมื่อครู่ จนความโกรธที่โดนแย่งปืนหายไปทันที
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเฟยหลินถึงแย่งปืนไปจากเขา
ทักษะแม่นปืนของเฟยหลินเหนือกว่าเขามาก เขาไม่แน่ใจว่าจะยิงสัตว์ประหลาดได้แต่เฟยหลินกลับมั่นใจ
ถ้าเขารู้ว่าเฟยหลินเป็นนักแม่นปืนคงมอบปืนให้โดยไม่ลังเลแต่แรก
"ทักษะคุณนี่เทียบเท่านักแม่นปืนในกองทัพเลยนะ "
หลังถอดแว่นตาขอบทองและเช็ดฝุ่นออก แคฟฟี่หันไปมองเฟยหลินด้วยความประหลาดใจ
เขาค่อนข้างมั่นใจในทักษะนักแม่นปืนเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับเฟยหลินแล้วยังด้อยกว่ามาก
ฝีมือของเฟยหลินอาจเปรียบได้กับนักแม่นปืนในกองทัพ และเขาอดสงสัยไม่ได้เกี่ยวกับตัวตนของชายตรงหน้าที่ไม่ธรรมดาคนนี้
ตัวตนของอีกฝ่ายเป็นใคร และเขาเป็นนักแม่นปืนจริงไหม…
ในการที่จะมีทักษะนักแม่นปืนระดับนี้ ไม่เพียงแต่ต้องการกระสุนจำนวนมากในการใช้ ฝึกฝน แต่ยังต้องมีพรสวรรค์ในระดับที่สอดคล้องกัน ถึงจะใช้กระสุนน้อยแต่มีประสิทธิภาพ
ถ้าไม่มีทักษะนักแม่นปืนที่สอดคล้องกัน แม้จะมีกระสุนไม่จำกัดจำนวนก็ไม่สามารถฝึกฝนได้ หรือใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
"ท่านพ่อ…"
เมื่อมองไปยังเรย์ โรมาโนที่กลายเป็นศพอีกครั้ง โจซีเฝ้ามองด้วยสีหน้าและความรู้สึกโศกเศร้า
พ่อกลับมามีชีวิตเป็นสัตว์ประหลาดแล้วก็ตายอีกครั้ง
พ่อของเขาเสียชีวิตต่อหน้าเขาสองครั้งติดต่อกัน สามารถจินตนาการถึงความเศร้าในใจของเขาได้เลย
แต่โจซีไม่ได้แค้นเฟยหลินที่ฆ่าพ่อของเขา สุดท้ายแล้วถ้าพ่อที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดไม่ตาย ก็เป็นพวกเขาเองที่ต้องตาย
เขาเชื่อว่าพ่อของตนคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ในสภาพสัตว์ประหลาดแบบนี้
สำหรับทักษะนักแม่นปืนที่ยอดเยี่ยมของเฟยหลินโจซีเองยังตกใจและอยากรู้อยากเห็นเรื่องนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามเขาไม่คุ้นเคยกับลูกศิษย์ของพ่อคนนี้มากนัก ดังนั้นจึงไม่สะดวกที่จะสอบถามในตอนนี้
"นี่มันเวอร์ไปรึเปล่าเนี่ย"
แม้แต่เฟยหลินเองก็ประหลาดใจเล็กน้อยกับฝีมือการยิงปืนของตัวเอง
เขารู้ดีว่าทักษะนักแม่นปืนอยู่ในระดับใดในตอนเริ่มต้น เขาเป็นระดับมือใหม่แน่นอน ซึ่งไม่แปลกที่ในหน้าจอควบคุม มันถูกตั้งว่าเป็นระดับสนิมเขรอะในคราวแรก
แม้เขาจะไปสนามยิงปืนเพื่อฝึกยิงปืนแต่ก็เป็นเพียงการสนองความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น ส่วนเทคนิคเกี่ยวกับปืน โดยรวมแล้วเขาฝึกยิงปืนไม่กี่ครั้งเอง
สำหรับการใช้สนามยิงปืนเป็นสถานที่ฝึกยิงปืนในชาติก่อน ค่าใช้จ่ายในการใช้สถานที่ก็สูงเกินไป แม้จะมีรายได้สูงแต่ถ้าฝึกทุกวันก็เปลืองเงินใช่เล่น
ตอนนี้ทักษะยิงปืนของเขาพัฒนาจากระดับสนิมเขรอะเป็นชำนาญพิเศษ แถมผลลัพธ์ที่ออกมาก็เกินคาดไปมาก
"ถึงงานนี้จะเล่นเอาหวาดเสียวไปสักหน่อย แต่ตอนนี้งานว่าจ้างของคุณได้เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ"
สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อสงบสติอารมณ์ แคฟฟี่สรุปงานให้กับโจซี
ถ้าเขารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นคงปฏิเสธไปแล้ว ไม่ว่าค่าตอบแทนจะสูงแค่ไหนก็ตาม
โชคดีที่สิ่งต่าง ๆ ได้รับการแก้ไขแม้จะน่าตื่นเต้นและหวาดเสียว แต่โชคดีที่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต
"คุณแคฟฟี่ต้องลำบากไม่น้อยเลย เดี๋ยวผมเพิ่มเงินพิเศษเพื่อชดเชยค่ากระสุนให้ด้วยนะครับ"
เดิมทีคิดว่ามันเป็นแค่การขโมยศพแต่ไม่คิดว่าจะเจอเรื่องประหลาดแบบนี้ โจซีจึงตัดสินใจแก้ไขแบบนี้ไปก่อน
"ไม่ต้องก็ได้ครับ นี่คือการใช้งานและรวมอยู่ในค่าจ้างแล้ว" แคฟฟี่ส่ายหน้าแล้วตอบกลับ
"แต่ผมมีคำขออย่างหนึ่ง หวังว่าคุณโจซีและคุณเฟยหลินจะไม่บอกเรื่องที่ผมมีปืน แถมไม่มีใบอนุญาตพกปืนด้วย อย่างนั้นจะขอบคุณมากครับ"
"ไม่ต้องกังวลครับคุณแคฟฟี่ เราจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้"เฟยหลินและโจซีต่างให้สัญญา
พวกเขารู้สึกขอบคุณแคฟฟี่มาก ถ้าอีกฝ่ายไม่มีปืนติดมาด้วย คืนนี้พวกเขาคงตายที่นี่กันหมดแล้ว