บทที่ 3 : แต้มพลังเร้นลับ +1
ทั้งสามเรียกคนที่นั่งหันหลัง เขาหยุดกินและหันกลับมาช้า ๆ ราวกับฉากสยองขวัญ สภาพชายคนนี้ซูบผอม เนื้อตัวสกปรก และกลิ่นตัวเหม็นสาบ
เขาถือศพของสัตว์ชนิดหนึ่งไว้ในมือทั้งสองข้างที่แทะจนเละและขาดวิ่น ลำไส้รั่วไหลออกมาจมกองเลือด ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นศพของสัตว์อะไร
เหมือนกับการกินอย่างสัตว์ประหลาดจากขุมนรก ปากของเขาเปื้อนเลือดและส่งกลิ่นเหม็นคาว ใต้คราบเลือดนี้มีชิ้นเนื้อขาดวิ่นห้อยติดอยู่
กรรร…
ปากที่กัดเนื้อมีรอยฉีกเกือบถึงรูหู เลือดจากชิ้นเนื้อไหลเยิ้มชวนขนลุก
ดวงตาสีเหลืองแฝงความเย็นชาเหมือนสัตว์ประหลาดกระหายเลือด
"อาจารย์…?"
เฟยหลินตกใจมากจนหนังศีรษะรู้สึกซ่าไปชั่วขณะ เหงื่อเย็น ๆ ไหลลงมาจากหน้าผากโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นใบหน้าของชายคนนี้ ในที่สุดเขาก็จำได้ว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยกับแผ่นหลังนี้
เพราะแผ่นหลังชายคนนี้ตรงกับอาจารย์ของเขาทุกประการ
แม้จะมีคราบเลือดบนใบหน้าแต่ก็ยังคุ้นเคย นี่คืออาจารย์เรย์ โรมาโนและเขาจำได้ทันทีโดยไม่มีข้อสงสัย
อาจารย์ยังไม่ตาย แต่ทำไมถึงมายังอยู่ที่นี่?
แถมยังอยู่ในสภาพไม่ต่างจากสัตว์ประหลาดอีก?
"นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย?"เฟยหลินถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ขณะนี้เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงข่าวลือเกี่ยวกับผีและวิญญาณ ซึ่งแพร่สะพัดในเมืองคอนสแตนติน
เมื่อได้ยินข่าวลือเหล่านี้ เขาคิดว่ามันเป็นความโง่เขลาที่เกิดจากความด้อยพัฒนาของวิทยาการ เพราะเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในประวัติศาสตร์ชาติในสมัยก่อน
แต่หลังจากการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ เรื่องพวกนี้จึงได้รับการอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์หมดแล้ว
ต่างจากสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์
คนตายฟื้นคืนชีพจริง ๆ และสถานะหลังจากการฟื้นคืนชีพนั้น ยังมีความแปลกมากและมีสภาพเหมือนสัตว์ประหลาด
เขาอาจจะลืมไปเลยว่าวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายการกลับชาติมาเกิดของตัวเองได้ และวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายสิ่งแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับเขาเมื่อนานมาแล้วได้
"เป็นไปไม่ได้ ผมเห็นพ่อตายต่อหน้าต่อตาเลยนะ " โจซีส่ายหน้าด้วยความสยดสยอง
เมื่อเขาเห็นแผ่นหลังชายตรงหน้า ก็รู้สึกคลุมเครือว่าคนคนนี้คล้ายกับพ่อที่ตายไปแล้วของตนมาก เมื่อเห็นด้านหน้าก็ยืนยันได้สนิทใจ ว่าชายคนผู้นี้คือพ่อที่ตายไปแล้ว
ความหวาดกลัวในใจของเขาไม่สามารถหยุดก่อตัวขึ้นได้เลย
เขาเห็นการตายของพ่อด้วยตาตัวเอง และยังเป็นคนคอยดูชีพจรของพ่อเป็นการส่วนตัวอีก เขาแน่ใจว่าลมหายใจและการเต้นของหัวใจอีกฝ่ายหยุดลงไปแล้ว
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ท่านพ่อที่ตายไปแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมา แล้วคนสามารถฟื้นคืนชีพได้จริงเหรอ?!
เขานึกถึงหลุมฝังศพที่ถูกขุด ก่อนสงสัยว่าหลุมฝังศพถูกขุดขึ้นมาจริงหรือเปล่า?
หรืออาจเป็นพ่อที่คลานออกมาเอง?
"มันอาจจะเป็น " แคฟฟี่กลืนน้ำลายพร้อมเหงื่อเย็น ๆ ไหลลงมาจากหน้าผาก
จากคำพูดของเฟยหลินและโจซี เขารู้ว่านี่คือศพที่พวกเขาตามหา แต่ในสถานะปัจจุบันนี้มันไม่สามารถเรียกว่าศพได้เลยแม้แต่น้อย
ในฐานะนักสืบเขารู้เรื่องมากกว่าคนทั่วไป การรู้ข่าวลือบางอย่างไม่จำเป็นต้องเป็นเท็จ แต่ก็ไม่เคยพบเจอกับตัวเองมาก่อนจนกระทั่งตอนนี้
ไม่คิดเลยว่าจะต้องเจอคดีแบบนี้
"อ๊าก"
เรย์ โรมาโนซึ่งกลายเป็นสัตว์ประหลาดกระหายเลือดเหมือนคิดว่าจะโจมตีทั้งสาม จึงทิ้งศพที่ขาดวิ่นของสัตว์ในมือแล้วพุ่งเข้าหาพวกเขา
เห็นได้ชัดว่าทั้งสามเป็นอาหารในสายตาของมัน
ฟิ้ว! ร่างนั้นพุ่งมาเร็วกว่าที่คิดเอาไว้มาก
ความเร็วนี้ดูไม่เหมือนชายชราอายุหกสิบปีเลย แต่ดูเหมือนแชมป์วิ่งกรีฑาซะมากกว่า
ด้วยความเร็วนี้ มันเข้าใกล้ทั้งสามโดยทันที แคฟฟี่เป็นคนแรกที่ได้รับการโจมตีอันรุนแรงนี้
ในฐานะนักสืบบางครั้งการรับมือกับอาชญากรก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการต่อสู้จึงเป็นความสามารถที่ต้องมีในอาชีพนี้
เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดพุ่งเข้ามา จากประสบการณ์การต่อสู้ของเขา ตามสัญชาตญาณแคฟฟี่ใช้คบเพลิงในเมืองเหวี่ยงไปที่อีกฝ่าย
ซึ่ม!
คบเพลิงกระแทกเข้ากับสัตว์ประหลาดอย่างแรง จนเปลวไฟของคบเพลิงมีสะเก็ดลอยไปเผาผิวของสัตว์ประหลาดเล็กน้อย
เนื้อและเลือดของสัตว์ประหลาดที่สัมผัสกับเปลวไฟทำให้เกิดเสียง "ซู่" ขณะถูกไฟเผาเล็กน้อย
ดูเหมือนสัตว์ประหลาดจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ หลังจากโงนเงนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมันก็พุ่งไปข้างหน้าและกระแทกตัวใส่แคฟฟี่
ราวกับถูกม้าใช้เท้าดีดใส่ร่าง แคฟฟี่เกิดอาการมึนงง ร่างกายโซเซก่อนล้มไปข้างหลัง ซึ่งเขากระเด็นไปไกลเกือบเจ็ดถึงแปดเมตร
คนที่อยู่ใกล้กับสัตว์ประหลาดมากที่สุดตอนนี้กลายเป็นโจซี โดยไม่มีข้อยกเว้นเขาตกเป็นเป้าหมายของสัตว์ประหลาดต่อทัทนี
"ท่านพ่อ…?"
เมื่อมองพ่อของตัวเองที่กลายเป็นสัตว์ประหลาด โจซีรู้สึกตกใจและปวดใจพร้อม ๆ กัน ขณะเดินถอยห่างออกไป
ทันใดนั้นสัตว์ประหลาดก็กระโดดเข้ามา เหวี่ยงตัวเขาขึ้นไปบนอากาศ ปล่อยให้ตัวเขาลอยค้างอยู่ไม่นานก็ร่วงลงมา
เขานอนซมอย่างหมดสภาพ น้ำลายไหลฟูมปากจากอาการเจ็บปวด อีกฝ่ายไม่สนใจเลยว่าคนตรงหน้าจะเป็นลูกของตัวเอง
"ท่าน… พ่อ…ผมเอง… โจซี!" โจซีพยายามดิ้นรนใช้มือทั้งสองข้างต้านสัตว์ประหลาดไว้
หลังจากกลายเป็นสัตว์ประหลาด เรย์ โรมาโนไม่เพียงแต่เร็วขึ้นแต่ยังแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาอีกด้วย
ปากที่กระหายเลือดกำลังเข้าใกล้โจซีมากขึ้น น้ำมูกที่น่าขยะแขยงหยดลงบนใบหน้าเขา
โจซีรู้สึกถึงกลิ่นเหม็นที่มาจากใบหน้าของอีกฝ่าย พ่อของเขาในตอนนี้เป็นแค่ซากศพที่เน่าเฟะ กลิ่นเหม็นสาบ และน่าขยะแขยง
"พันธเร้นลับ 1 แต้มเพิ่มให้กับแต้มพลังเร้นลับ"
เมื่อสัตว์ประหลาดคร่อมบนตัวโจซี บรรทัดข้อความหนึ่งปรากฏขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็วต่อหน้าเฟยหลินซึ่งเป็นเขาคนเดียวที่เห็น
แม้เฟยหลินจะพบข้อความที่ดูแปลกประหลาด แต่ก็สายเกินไปที่จะตรวจสอบความผิดปกติภายในร่างเวลานี้
เพราะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมและสถานการณ์ของโจซีก็เข้าขั้นวิกฤติ
หัวใจของเขาเต้นแรงราวกับกำลังจะหลุดออกจากร่าง
ด้วยความรักผูกพันต่ออาจารย์ แถมโจซีเป็นลูกชายของอาจารย์ที่เคารพเฟยหลินทนดูลูกถูกพ่อฆ่าตายไม่ได้จริง ๆ
เมื่อเผชิญกับสัตว์ประหลาด ความสามัคคีเท่านั้นจะทำให้รอดไปได้
เขารีบวิ่งไปข้างหลังสัตว์ประหลาดที่กำลังกดโจซี อาศัยจังหวะหนึ่งเข้าไปดึงเอวอีกฝ่าย
ฮึ้บ… หนัก!
เมื่อเทียบความแข็งแรงของอีกฝ่ายแล้ว ทั้งแรงกายและน้ำหนักดูเหมือนจะเยอะกว่าคนทั่วไปมาก
แม้อยากจะช่วยโจซีมากแต่ก็ไม่ไหวเฟยหลินถูกเท้าดีดไปทางข้างหลังกระแทกเข้าลำตัวเขาพอดี ทำให้กระเด็นไปไกลหลายเมตร
เรย์ โรมาโนที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดมีสมรรถภาพทางกายที่แข็งแกร่งเกินมนุษย์ไปแล้ว
มันพลิกตัวหันหลังอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีเหลืองเต็มไปด้วยความกระหายเลือด ดีดตัวพุ่งเข้าหาเฟยหลินด้วยความโกรธ
เฟยหลินคิดไว้แล้วว่าตัวเองจะตกเป็นเป้าแทน
เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดวิ่งเข้ามาใกล้ เขาก็พร้อมที่จะกลิ้งไปด้านข้างเพื่อหลบหลีก
"เร็วมาก!"
สัตว์ประหลาดนั้นเร็วมาก แม้เฟยหลินจะเตรียมตัวอย่างดีแต่ก็เกือบหนีไม่รอด
ขณะกำลังหลบหลีกสัตว์ประหลาด เขาได้กลิ่นเหม็นที่เกิดจากซากศพเน่าเปื่อยและกลิ่นเลือดเหม็นสาบอย่างชัดเจน
เขากลิ้งไปตามพื้นสองสามครั้ง ขณะกำลังลุกขึ้นก็พบว่าสัตว์ประหลาดตอบสนองเร็วกว่า
มันลุกขึ้นจากพื้นแล้วพุ่งไปหาเขาทันที
พรึ่บ
โจซีรีบวิ่งเข้ามาใช้ตัวกระแทกอีกฝ่ายขณะกระโจนอยู่กลางอากาศ
สัตว์ประหลาดถูกกระแทกปลิวออกไปเล็กน้อย
หลังจากได้รับการช่วยเหลือจากเฟยหลินโจซีจึงช่วยเขากลับเป็นการตอบแทน
เฟยหลินเข้าใจว่าการวิ่งหนีมีแต่จะพ่ายแพ้ ความสามัคคีเท่านั้นที่จะพาพวกเขาผ่านเหตุร้ายนี้
"กรรร"
สัตว์ประหลาดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง คราวนี้มันเล่งเป้าไปที่ทั้งสอง
ปัง!
ขณะที่สัตว์ประหลาดกระโจนใส่ทั้งสอง มีเสียงปืนดังขึ้นลั่นไปทั่วป่า
จากนั้นพวกเขาเห็นรูเลือดเป็นวงกลมปรากฏขึ้นบนช่องท้องของสัตว์ประหลาด
รูเลือดกลมขนาดเท่าเหรียญ ขอบเนื้อไม่เท่ากันมีของเหลวไหลออกมา
แต่แทนที่จะเป็นเลือดกลับเป็นของเหลวสีเหลืองกลิ่นเหม็น ซึ่งเป็นน้ำเหลืองจากศพเวลาเน่าเปื่อย
คนที่ยิงปืนคือแคฟฟี่ซึ่งถูกกระแทกกระเด็นในตอนแรก เขาใช้เวลาสักพักกว่าจะลุกขึ้นจากพื้นแล้วตามมาช่วย
เขาถือคบเพลิงในมือข้างหนึ่งและปืนลูกโม่สีเงินอีกข้าง ปากกระบอกปืนปล่อยควันหลังจากยิงไปหนึ่งนัด
ในฐานะนักสืบบางครั้งอันตรายก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อปืนลูกโม่จากตลาดมืด เพื่อเก็บไว้ใช้ป้องกันตัว
แต่เขาเองก็ไม่มีใบอนุญาตพกปืน ถ้ามีคนแจ้งเรื่องนี้เขาต้องติดคุกแน่นอน ตอนนี้สถานการณ์คับขันเขาไม่สามารถลังเลใจได้
"กรรร"
สัตว์ประหลาดชะงักก่อนหันไปมองแคฟฟี่ เหมือนมันกำลังสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงบาดเจ็บ
เพ่งมองเขาด้วยสายตาที่ดุร้ายมากขึ้น เมื่อตระหนักได้ว่าแคฟฟี่เป็นตัวอันตรายสำหรับตน
หวืด!
สัตว์ประหลาดออกแรงที่ขาเพื่อพุ่งเข้าหาแคฟฟี่ ซึ่งความเร็วก็เร็วพอ ๆ กับเสือชีตาห์
ปังๆๆ!
เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดพุ่งเข้ามา หัวใจของแคฟฟี่เต้นรัวก่อนรัวยิงปืนออกไปทันที
กระสุนที่เหลืออีกห้านัดในปืนถูกยิงโดยเขาทีละนัด โจมตีสัตว์ประหลาดอย่างแม่นยำ
หลังจากโดนไปสองนัดสัตว์ประหลาดก็พัฒนาตัวเองขึ้น เริ่มปรับสภาพเพื่อเตรียมหลบกระสุน
ในบรรดากระสุนนัดที่เหลือมีแค่กระสุนนัดเดียวที่โดนสัตว์ประหลาด และจุดที่โดนสัตว์ประหลาดไม่ใช่หัวใจ ซึ่งถือว่าสำคัญในทางทฤษฎีร่างกาย
ด้วยพลังของปืนยังคงทำให้สัตว์ประหลาดกลัว ทำให้มันชะงักชั่วคราวเมื่อถูกยิง
เขาใช้โอกาสนี้โหลดกระสุนใหม่อย่างรวดเร็ว
"คุณโคลอนมีปืน "
เมื่อเห็นปืนในมือแคฟฟี่ ทั้งเฟยหลินและโจซีรู้สึกประหลาดใจและมีความหวังที่จะมีชีวิตรอด
ใช้ประโยชน์จากจังหวะที่สัตว์ประหลาดหยุดชะงัก ทั้งสองรีบวิ่งไปสมทบแคฟฟี่
หลังจากรวมตัวกันอีกครั้ง พวกเขาต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แม้สัตว์ประหลาดจะยังไม่ถอยหนีไป แต่พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสบายใจ อย่างน้อยปืนก็เป็นอาวุธที่ดีที่สุดในเวลานี้
แตกต่างจากสีหน้าประหลาดใจของเฟยหลินและโจซี สีหน้าของแคฟฟี่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก่อนพูดอย่างเคร่งขรึม
"คุณทั้งสอง แม้ผมจะมีปืนแต่สถานการณ์ก็ไม่ได้ชวนให้รู้สึกโล่งใจเลย ตอนนี้เราเหลือกระสุนแค่หกนัด"
"ผมเองก็ไม่ได้แม่นปืนขนาดนั้น ถ้าพวกคุณคนไหนมีวิธีไหนช่วยชีวิตพวกเราได้ รีบคิดรีบทำเลย"
เมื่อได้ยินแบบนี้เฟยหลินและโจซีต่างกังวลและใจเต้นแรง
ต่างจากแคฟฟี่ที่เป็นนักสืบ ในฐานะคนธรรมดาจะช่วยชีวิตพวกเขาได้อย่างไร?
"ผมคิดไม่ออกเลย " สีหน้าโจซีตื่นตระหนกและมีเหงื่อเย็นไหลจากหน้าผาก
เฟยหลินรู้สึกปั่นป่วนไปทั้งใจ แต่ในเวลานี้เขานึกถึงข้อความที่ดูแปลก ๆ เมื่อครู่
ขณะที่เขานึกถึงข้อความนั้น หน้าจอระบบบางอย่างดูโปร่งแสง ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
ชื่อ :เฟยหลิน
วิเคราะห์วัตถุโบราณ : เชี่ยวนาญ (อัพเกรดได้)
นักแม่นปืน : สนิมเขรอะ (อัพเกรดได้)
แต้มพลังเร้นลับ : 1