บทที่ 1 ไม่มีเหยื่อ
บทที่ 1 ไม่มีเหยื่อ
ท้องฟ้าเริ่มสลัวอย่างช้าๆ และอีกไม่นานรัตติกาลก็จะปกคลุมทั่วทั้งแผ่นดิน
เฉินฟานยืนอยู่ในฝูงชน เช่นเดียวกับคนส่วนใหญ่ เขากำลังพยายามยืนเขย่งเท้าอย่างเต็มที่เพื่อมองออกไปยังขอบฟ้าอันห่างไกล
ลึกเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังขึ้นเป็นครั้งคราว
หากทีมล่าสัตว์ไม่สามารถกลับไปที่หมู่บ้านได้ก่อนที่จะมืดสนิท สิ่งที่พวกเขาจะเผชิญคือความมืดไร้ขอบเขตและสัตว์ร้ายที่สามารถโจมตีพวกเขาจกทุกทิศและทุกเวลา
ทันใดนั้น เฉินฟานก็รู้สึกว่าแขนของเขากระชับขึ้น เขามองมาและเห็นว่าเป็นแม่ของเขาที่มีใบหน้าซีดเซียวกำลังคว้าจับแขนของเขาด้วยสายตาที่ทำอะไรไม่ถูก
“แม่ ไม่ต้องกังวล พ่อและคนอื่นๆ จะกลับมาเร็วๆ นี้แหล่ะ”
เขาปลอบใจแม่ของตัวเองเบาๆ
หญิงสาวพยักหน้าแล้วเงยหน้ามองไปไกลๆ
เฉินฟานมองไปรอบๆ และเห็นใบหน้าของผู้คนหลายร้อยคนที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลและการเฝ้ารออย่างมาก
จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาเบา เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงมาอยู่ที่นี่ เขาแค่งีบหลับบนรถไฟใต้ดินเท่านั้นแต่เมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาก็มาอยู่ที่นี่แล้ว วันนี้เป็นวันที่สองหลังจากที่เขาเคลื่อนย้ายมิติมายังสถานที่นี่
โลกนี้คล้ายกับโลกก่อนของเขา ที่แตกต่างก็คือเมื่อสิบปีที่แล้วโลกนี้ได้เปลี่ยนไป สัตว์ต่างๆรวมถึงดอกไม้และต้นไม้ต่างก็เปลี่ยนไป ไม่เพียงแต่พวกมันจะตัวใหญ่ขึ้นเท่านั้น แต่พวกมันยังเป็นไปด้วยความโหดร้าย กระหายเลือด และก้าวร้าวอย่างมากอีกด้วย
ในปรากฏการณ์นี้ยังดีที่ในหมู่มนุษย์ก็มีผู้ตื่นรู้อยู่ พลังงานทางจิตวิญญาณของพวกเขาเหนือกว่าคนธรรมดามาก และพวกเขาสามารถควบคุมลม ฝน ฟ้าร้อง และฟ้าผ่าได้ ผู้ตื่นรู้ระดับสูงบางคนสามารถทำลายเมืองให้ราบเป็นหน้ากองด้วยตัวคนเดียว โดยไม่ต้องกลัวอาวุธร้อนเหมือนในอดีต
แน่นอนว่ามีคนที่ตื่นรู้น้อยมาก สถานที่ที่พวกเขาอยู่นั้นค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเป็นเมืองขนาดใหญ่และดึงดูดผู้รอดชีวิตให้ไปอาศัยอยู่ ข้าได้ยินมาว่าเมืองใหญ่บางแห่งสามารถมีสิ่งสาธารณูปโภคเหมือนเมื่อสิบปีที่แล้ว มีทั้งไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต อาหารอร่อย และน้ำสะอาด แถมผู้คนยังสามารถนั่งรถไฟใต้ดินไปทำงานเก้าโมงถึงห้าโมงเย็นเหมือนแต่ก่อน
แต่สุดท้ายแล้วทรัพยากรต่างๆมีจำกัด ทำให้คนธรรมดาส่วนใหญ่ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปอาศัยอยู่ในเมืองเช่นนี้ได้ หรือแม้แต่เมืองขนาดเล็กๆก็ยากที่จะเข้าไปได้เหมือนกัน
ทำให้พวกเขาตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องไฟฟ้า แม้แต่ความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่สุดก็ไม่สามารถรับประกันได้ ทั้งขาดแคลนอาหาร ยา พลังงาน และสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันต่างๆ และชีวิตพวกเขาแขวนอยู่เป็นเส้นด้ายแห่งความเป็นและความตายตลอดเวลา
ยกตัวอย่างเช่น เจ้าของร่างเดิมนี้เป็นเพราะเขาทนไม่ไหว เขาจึงแอบออกไปกินผลไม้ที่ไม่รู้จักในป่า ทำให้มีไข้สูงสามวันสุดท้ายเขาก็ตาย ทำให้เขาสามารถมาครอบครองร่างนี้ได้
“เป็นไปได้ไหมว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆ?”
เขาอดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น
ในขณะนั้นเองมีเสียงตะโกนอย่างตื่นเต้นดังมาจากหอไม้สังเกตการณ์ที่อยู่ข้างๆ ซึ่งสูงเจ็ดหรือแปดเมตร “พวกเขามาแล้ว พวกเขากลับมาแล้ว!”
"จริงหรือ?!"
“อยู่ไหนทำไมไม่เห็น”
“พวกเขาอยู่สูงและมองเห็นได้ไกล แต่อีกไม่นานเราก็จะได้เห็นเช่นกัน”
“เยี่ยมมาก ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาแล้ว”
ฝูงชนเดือดพล่านและมองออกไปไกลๆ พวกเขาเห็นจุดดำเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนขอบฟ้าอย่างช้าๆ ใกล้เข้ามาใกล้เข้ามา ทุกคนรู้สึกโล่งอกและรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่หยาบกร้านของพวกเขา
อย่างไรก็ตามเมื่อทีมล่าเข้ามาใกล้ รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้คนก็ค่อยๆ แข็งทื่อ
พวกเขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งประมาณสิบกว่าคน ถือธนู ลูกศร และหอก พวกเขาดูเขินอาย หลายคนได้รับการพยุงให้เดิน และบางคนก็ถูกแบกไว้บนหลัง
พวกเขามองเห็นได้เพียงแวบเดียวก็รู้ว่าทีมล่าไม่มีเหยื่อกลับมาด้วย
ผู้ที่มีความรู้สึกอ่อนไหวมากกว่าจะพบว่าจำนวนของทีมล่ายังน้อยลงเล็กน้อย
ทีมล่าเดินเข้ามาอย่างช้าๆ และหยุดอยู่หน้าสะพานแขวน ผู้นำมีใบหน้าเหลี่ยมและหน้าเคร่งขรึม มีบาดแผลขนาดใหญ่หลายแผลที่แขนขวาของเขา แต่ในขณะนี้ความรู้สึกผิดก็เขียนไปทั่วใบหน้าของเขา
เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งในขณะนี้
ชายคนนั้นเลียริมฝีปากที่แตกเป็นเกล็ดของเขา และพูดด้วยเสียงต่ำว่า "ข้าขอโทษ คราวนี้เราพบกับสัตว์อสูรดุร้ายระดับกลางสองตัว พวกมันโจมตีพวกเราอย่างกะทันหัน และเราไม่เพียงสูญเสียเหยื่อาที่ล่ามาได้ของพวกเรา พวกเรายังสูญเสียจูจือ อาฮัว เสี่ยวเกา พวกเขาทั้งหมด... "
ก่อนที่คำพูดจะจบ ผู้คนสองสามคนในฝูงชนรู้สึกว่าโลกหมุนและเป็นลมไป
เกิดความโกลาหลในฝูงชนอย่างกะทันหัน ผู้คนรอบข้างก็รีบอุ้มคนที่เป็นลมและส่งกลับกระท่อมอย่างรวดเร็ว
ทีมล่าที่เหลือก็ก้มหัวด้วยความอับอาย ไม่กล้าสบตากับผู้หญิงและเด็กที่แก่และอ่อนแอที่รอพวกเขาอยู่อย่างคาดหวัง
ร่างกายของเฉินฟานสั่นสะท้านเล็กน้อย
ตายแล้วงั้นหรือ?
พวกเขาทั้งสามคนเสียชีวิตแล้ว
ดูเหมือนว่าในความทรงจำของเจ้าของเดิม นี่เป็นการสูญเสียที่เลวร้ายที่สุด
ชายหน้าเหลี่ยมที่เป็นหัวหน้าทีมล่าเป็นพ่อของเจ้าของร่างเดิม ซึ่งเขาเป็นผู้นำที่นำพาทุกคนมาสร้างหมู่บ้านแห่งนี้
มีเสียงเบาบางดังขึ้น บ้างก็เป็นสะอื้น บ้างก็ถอนหายใจ และบ้างก็พูดเพื่อปลอบใจพวกเขา
ทีมล่าเดินเข้ามาอย่างช้าๆ และสะพานแขวนหน้าประตูก็ถูกดึงขึ้นอย่างช้าด้วย ทั่วทั้งหมู่บ้านที่เป็นเหมือนค่ายพักนี้ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงที่สูงกว่าสามเมตร ซึ่งดูเข้มแข็งและให้ความรู้สึกปลอดภัยที่หาได้ยากแก่ผู้คน
ภรรยาและลูกของผู้บาดเจ็บเห็นชายคนที่บาดเจ็บสาหัสก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก แต่เมื่อคิดถึงคนไม่กี่คนที่ออกไปข้างนอกในตอนเช้าแต่ไม่กลับมาตอนเย็นพวกเขาก็ใจชื่นขึ้นมาเล็กน้อย
ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็เหลือก็พากันกลับไปกระท่อมกับครอบครัว หลังจากนั้นไม่นานความมืดมิดก็ย่างกลายเข้ามา และทั้งหมู่บ้านก็ตกอยู่ในความมืด พวกเขามองเห็นสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากแสงจันทร์ที่จางๆ เท่านั้น
“กัวตงแขนของท่าน”
ผู้หญิงคนนั้นคว้าแขนขวาของชายหน้าเหลี่ยมและมีน้ำตาสองสายไหลออกมาจากดวงตาของเธอ
เฉินฟานเดินเข้ามา เขาเพิ่งเคลื่อนย้ายมิติมายังสถานที่นี่ได้ไม่กี่วันเท่านั้น และเขาก็ยังรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับบุคคลที่อยู่ตรงหน้านี้
"ข้าไม่เป็นไร"
เฉินกัวตงส่ายหัวและตำหนิตัวเอง "ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า หากข้าพบสัตว์อสูรสองตัวนั้นให้เร็วกว่านี้ ซูจื่อและคนอื่นๆก็คงจะไม่ คงจะไม่..."
"ตุบ!"
มีมือขนาดใหญ่และดูแข็งแรงตบไหล่ของเขา เขาเป็นชายหัวล้านตัวใหญ่เขาก็พูดปลอบออกมาว่า "กัวตง มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า และหากเจ้าต้องการที่จะตำหนิ ก็ต้องตำหนิโลกบัดซบนี้ แม้ว่าพวกเราจะรอดชีวิตกลับมาได้ แต่ไม่ช้าก็เร็ววันนั้นจะเป็นวันของเรา”
"กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ"
เขาตบไหล่เฉินกัวตงอีกครั้งและก็ยิ้มให้เฉินฟานผู้ยืนจังงังอยู่ จากนั้นเขาก็พาครอบครัวของเขากลับไป
“พ่อเรากลับก่อนเถอะ”
เฉินฟานพูดว่า "น้อยชายยังรออยู่ที่บ้าน"
เฉินกัวตงสะดุ้งและพยักหน้า
ทั้งหมู่บ้านตกอยู่ในความเงียบงัน ภายในกระท่อมหลังหนึ่งที่มีไฟลุกโชน และมีเสียงดังแคร็กๆเป็นระยะๆ รวมถึงบทสนทนาที่แผ่วเบาดังออกมา
“แม่ครับ ข้าหิวแล้วอยากกินอีก”
“นอนซะ เวลาหลับจะได้ไม่หิว”
“แต่ข้าหิวมากจริงๆนะ!”
“จงเชื่อฟังแม่ ถ้าเจ้ากินสิ่งเหล่านั้น เจ้าจะไม่มีอะไรกินจริงๆในวันพรุ่งนี้และวันต่อๆ”
น้ำเสียงของเธอก็ค่อยๆอ่อนลง
ใบหน้าของเฉินกัวตงมีความรู้สึกผิดมากขึ้นเรื่อยๆ
เฉินฟานมองเห็นฉากนี้จากหางตาของเขา และถอนหายใจยาวออกมา แม้ว่าบิดาแห่งร่างเดิมจะเงียบขรึม แต่เขาก็เป็นคนซื่อตรงและจิตใจดีอย่างมาก
ทุกครั้งที่มีเหยื่อ มันจะกระจายให้กับผู้คนในหมู่บ้านเท่าๆ กัน และผู้หญิงแก่และเด็กที่อ่อนแอก็ได้รับก่อนเสมอ เพื่อทำให้พวกเขาสามารถอยู่รอดได้ ซึ่งทำให้หลายคนบ่นออกมา
และช่วงนี้ก็โชคไม่ค่อยดี พวกเขาได้รับเหยื่อน้อยมากทำให้อาหารไม่เพียงพอสำหรับคนทั้งหมู่บ้าน ตอนนี้ทุกคนต่างอดๆอยากๆ
ฤดูหนาวกำลังจะมาถึงเร็วๆนี้ หากสถานการณ์เช่นนี้ยังดำเนินต่อไป ข้าเกรงว่าจะเกิดโศกนาฏกรรมอย่างเช่น คนกินเนื้อคนก็เป็นได้