ตอนที่ 69 เมืองเมอร์ล็อค
“ท่านเอสคาร์ลอส ข้าต้องการว่าจ้างท่าน ท่านจะรับการค้านี้หรือไม่?”
สีหน้าของโรอาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของบุรุษ ภายใต้เงาของมังกรที่ฉายทับลงมา รัศมีน่าเกรงขามของระดับตำนานอาจทำให้บางคนถึงกับเข่าอ่อน แต่กับเด็กชายแล้วเขากล้าเผชิญหน้าอย่างไม่หวั่นเกรง
เมื่อผ่านเรื่องเลวร้ายในวอร์บัสมาได้ โรอาก็เติบโตขึ้นมาก
มังกรขาวเอสคาร์ลอสไม่ได้ดูถูกเด็กหนุ่มตรงหน้ามันเลย แม้อายุของเด็กคนนี้จะไม่มากนัก การที่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่จึงดูน่าขันอยู่บ้าง แต่มันมองเห็นความตั้งใจและเด็ดเดี่ยวในดวงตาคู่นั้นได้ โรอามีอนาคตที่ยิ่งใหญ่รออยู่ หากเขามีอายุยืนยาวมากพอล่ะนะ
“โรอา เจ้าควรไปหาท่านพ่อมด ข้าไม่อาจช่วยเจ้าได้ในครั้งนี้ อีกอย่างเจ้าจะเอาอะไรมาว่าจ้างข้า”
เด็กหนุ่มได้พยายามเกลี้ยกล่อมมันตั้งแต่เช้าแล้ว การเดินทางไปอาณาจักรมนุษย์เพื่อช่วยอาของเด็กชายทำสงครามไม่ใช่เรื่องที่มันหวั่นเกรง แต่นับแต่มันกลายเป็นข้ารับใช้ใต้อาณัติของพ่อมดสีเงิน มันก็ไม่อาจตัดสินใจเองได้อีก
เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปด้านข้างลำตัว เขาคว้าด้ามของดาบสีเงินสว่างขึ้นมา ก่อนจะตวัดมันไปบนฟากฟ้าจนเกิดแสงเงาสะท้อนไปทั่วบริเวณ
นี่คือเดมกอร์เดีย ดาบระดับตำนานที่ถูกผนึกจนเหลือแค่ระดับกลางเท่านั้น
“ข้าจะมอบดาบเล่มนี้เป็นค่าจ้าง”
โรอาชูดาบขึ้นไปเบื้องหน้า
“ฮ่า ฮ่า โรอา ถึงข้าจะยากได้ดาบของเจ้าก็จริง แต่อย่างไรมันก็ถูกมอบให้โดยท่านพ่อมด เจ้าควรถามเขาก่อน ถึงเจ้ามอบให้ข้าจริง ข้าก็ไม่กล้ารับเอาไว้ ข้ายังยืนยันคำเดิม”
มังกรขาวแอบหวั่นใจอยู่บ้าง ดาบระดับตำนานไม่ใช่สิ่งที่หาได้ง่าย แม้ในตอนนี้มันก็แอบสนใจข้อเสนอของเด็กหนุ่มอยู่จริงๆ เพียงแต่ว่ามันไม่กล้าโลภมากในทรัพย์สมบัติของเด็กหนุ่ม
นับแต่ที่มันเดินทางร่วมกับพ่อมดมายังดินแดนแห่งนี้ มันก็เข้าใจสถานะของโรอาในใจของออสบอร์นได้ สำหรับพ่อมดเฒ่าแล้วโรอามีตำแหน่งในใจที่พิเศษมาก
โรอาคอตกลง สายตาเขาดูหมดหวังจนน่าสงสาร นีลล์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ มันถูกโรอาพามาที่นี่ตั้งแต่เช้า ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากอาจารย์ให้คอยดูแลเด็กหนุ่ม มันจึงจำเป็นต้องมาด้วยอย่างช่วยไม่ได้ แม้ในใจมันจะรู้อยู่แล้วว่าเอสคาร์ลอสไม่มีวันยอมรับข้อเสนอของโรอาเด็ดขาด
นั่นมันมังกรระดับตำนานเชียวนะ!
“โรอา เรื่องด่วนตอนนี้ของเจ้าคือการพัฒนาตนเองให้เร็วที่สุด ดาบในมือของเจ้านั้นแม้จะถูกผนึกเอาไว้ก็ไม่ใช่ว่าจะปลดผนึกไม่ได้ เพียงแต่ตอนนี้เจ้าอ่อนแอเกินไป การใช้ดาบระดับกลางก็เกินกำลังพอแล้ว”
เอสคาร์ลอสสงสารเด็กหนุ่มขึ้นมา
“ท่านปลดผนึกได้หรือ?”
โรอาตาลุกวาว
“แน่นอน แม้จะปลดออกไม่ได้ทั้งหมด แต่การทำให้มันกลับอยู่ในระดับสูงได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ข้าเองเชื่อว่าท่านพ่อมดก็ทำได้เช่นกัน(เอสคาร์ลอสคิดว่าออสบอร์นเป็นระดับตำนาน) แต่เจ้าตอนนี้ไม่อาจใช้ดาบระดับสูงได้ หากเจ้าสามารถฝ่าทะลุไประดับเหนือมนุษย์ได้เมื่อไหร่ข้าเชื่อว่าท่านพ่อมดจะช่วยปลดผนึกให้เจ้าแน่นอน”
เด็กหนุ่มทำสีหน้าครุ่นคิดเงียบๆ เขากำลังวางแผนในการฝึกร่างกายในระดับเหนือมนุษย์อยู่ในใจ ติดแต่ว่าตอนนี้เขาไม่มีตำราการฝึกของอัศวินอยู่เลย ตำราประจำตระกูลก็อนควรถูกทำลายไปแล้ว ดังนั้นสำเนาที่เหลืออยู่ตอนนี้ควรมีแค่ที่อามัวร์ ก็อน ผู้เป็นอาของเขาเท่านั้น
หลังจากที่เขากลับไปหาอามัวร์แล้ว เขาต้องขอตำราชุดนั้นมาให้ได้
“โรอา”
เสียงของกรีมัวร์ดังขึ้นด้านหลัง หล่อนกำลังเรียกเด็กหนุ่มให้ไปยังร่มเงาของต้นไม้อีกที่หนึ่ง หญิงชราไม่กล้ารบกวนมังกรขาวเอสคาร์ลอส
พวกโรอาจึงบอกลามังกรขาวระดับตำนานตรงหน้า และรีบเดินไปหาหญิงชราทันที
ไม่นานนักรูนควบคุมอีกตัวก็ถูกมอบให้กับโรอา รูนพวกนี้จะผูกพันกับความคิดของผู้ใช้โดยตรง ตราบใดที่ไม่ใช่ผู้ทรงพลังระดับที่สูงกว่ากรีมัวร์ปลดมันออก มันจะถูกจารึกเอาไว้ตลอดไป
เนลสันกลายเป็นข้ารับใช้ของตระกูลก็อนนับแต่นั้น
ออสบอร์นจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ตอนที่เห็นร่างของทั้งสามคนเดินออกมาจากหลังกระท่อม พ่อมดเฒ่าไม่ได้เอาของอะไรไปมากนัก อย่างไรเขาก็มีกรีมัวร์อยู่ ซึ่งหญิงชราคงจะจัดเตรียมของจำเป็นไปเพื่อภารกิจครั้งนี้ไม่น้อย
“เราจะออกเดินทางตอนบ่ายนี้ โรอา เธอต้องดูแลแอสตร้าให้ดี มันกำลังโต”
ตรงมุมหนึ่งของกระท่อมมีร่างของกระต่ายเฒ่าออกัสกำลังป้อนนมแพะให้กับลูกสิงโตตัวน้อย ภาพนี้เป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับออสบอร์นมาก กระต่ายเลี้ยงลูกสิงโตใครจะไปนึก?!
ออสบอร์นกำชับเด็กหนุ่มอีกสองสามอย่างก่อนจะเดินไปด้านหลังกระท่อมเพื่อเก็บเอาหินสีขาวใต้สระน้ำที่ตอนนี้กลายเป็นทะลสาบไปแล้วขึ้นมา เขาคุยกับไธออนบอกกล่าวเรื่องการเดินทางเล็กน้อย ก่อนจะไปสั่งงานบางอย่างกับเอสคาร์ลอสและเดินกลับ
โรอาใจหายอยู่บ้างที่การเดินทางครั้งนี้ของออสบอร์นจะไม่มีเขาไปด้วย แต่เขาเข้าใจความอันตรายของภารกิจนี้ดี เมื่อคืนนีลล์ได้บอกเล่าเรื่องราวที่สำคัญหลายเรื่องให้เขาฟังแล้ว
เมื่อเวลาบ่ายมาถึงรถม้าเทียมอีกาหลายสิบตัวก็โผทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ทิ้งฟุ่นผงด้านหลังที่ล้อรถม้าลากผ่านไปเป็นทาง
เบื้องล่างมีสายตานับร้อยคู่ของสัตว์วิเศษ รวมถึงโรอาและนีลล์มองส่งจนลับหายไป ที่หน้าต่างรถม้าพวกโรอายังเห็นออสบอร์นชะโงกหน้าออกมาโบกมือลาพวกเขาจนวินาทีสุดท้าย
โรอาร้องไห้ออกมา
นีลล์ยืนมองอยู่ด้านข้าง มันแอบประทับใจในความใสซื่อและบริสุทธิ์ของเด็กหนุ่ม สำหรับการเดินทางครั้งนี้ อาจารย์ของมันไม่ได้พามันไปด้วย อันตรายที่อาจเกิดขึ้นไม่ใช่สิ่งที่วอร์ล็อคระดับพื้นฐานเช่นมันจะรับมือได้ อย่าว่าแต่นีลล์เลยแม้แต่กรีมัวร์เองก็ไม่มีความมั่นใจมากนัก
ดังนั้นแล้วภารกิจนี้จึงไม่ควรเอาชีวิตของลูกศิษย์ผู้มีอนาคตไปเสี่ยงและที่สำคัญคือหญิงชรามีภารกิจที่เฉพาะเจาะจงสำหรับมันแล้ว
รถม้าลอยไปเหนือป่าต้องห้ามสีเขียวทึบ กลิ่นหอมอ่อนๆของต้นไม้และสายฝนชื้นเย็นลอยอยู่เต็มท้องฟ้าสีคราม ออสบอร์นสูดพวกมันเข้าปอดด้วยหัวใจที่โหยหา การเดินทางครั้งนี้ย่อมยาวนาน นับแต่เขาเดินทางมายังมหาทวีป บ้านที่ควรเป็นบ้านก็ไม่อาจได้พักพิงอย่างเต็มปราถนา
พ่อมดเฒ่าละสายตาจากท้องฟ้าสดใส มวลหมู่นกหลากพันธุ์ มองไปยังเบื้องล่างคล้ายจะมองให้เห็นถึงกระท่อมหลังน้อยที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางป่าดงแน่นขนัดและสายหมอกขาวนวล
“คุณเป็นห่วงเขา?”
กรีมัวร์สังเกตออสบอร์นมาตลอด ตอนนี้รถม้าถูกบังคับโดยอีกาเมเซียส สัตว์วิเศษระดับกลาง
“แน่นอน”
คำว่า “เขา” ที่กรีมัวร์พูดถึงคือโรอา
พ่อมดเฒ่าตอบยิ้มๆ ก่อนจะพูดต่อไป
“สิ่งสวยงามในโลกนี้ล้วนเกิดจากความฝัน ฉันอยากให้เขาได้ฝัน ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ฉันจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ”
“คุณน่ารักตลอดออสบอร์น”
หญิงชรายื่นถ้วยชามาตรงหน้าพ่อมดเฒ่า พวกเขาจิบชายามบ่ายด้วยกันและพูดคุยถึงปรัชญาชีวิตที่คนรุ่นหลังไม่อาจเข้าใจ
ภาพนี้งดงามแต่จะมันจะอยู่ได้นานสักแค่ไหน…
ทุกสิ่งในโลกนี้ไม่ว่าจะสวยงามหรือไม่ จะเป็นเสียงหัวเราะยามที่ความสุขเบ่งบาน น้ำตาที่รินไหลยามความรักร่วงโรย เสียงร้องไห้ยามเกิดของเด็กทารกหรือความปิติของมารดายามได้เห็นบุตรครั้งแรก พวกมันผ่านมาและผ่านไป ทุกอย่างเก็บไว้ได้เพียงความทรงจำ เพราะคำว่าดำรงอยู่ไปตลอดกาลนั้นไม่มีอยู่จริง
คนชราทั้งสองนั้นทราบดี วันนี้พวกเขาออกไปสองคน แต่ใครจะรับประกันได้ว่าพวกเขาจะกลับมาครบสองคน ช่วงเวลาที่สวยงามเช่นนี้จึงถูกซึมซับและประทับเอาไว้ในหัวใจของพวกเขาตราบลมหายใจสุดท้าย
รถม้าลอยผ่านก้อนเมฆก้อนแล้วก้อนเล่า ทะยานผ่านยอดเขาเสียดฟ้าและท้องนภาหลากสี กลางสายฝนกระหน่ำและแดดร้อนแรงดุจอัคคี จนเมื่อยามที่ดวงอาทิตย์อัสดงลงตรงหน้า เสียงคลื่นพัดพาก็ดังมาจากที่ไกลๆ กลิ่นเค็มของทะเลกระจายไปทั่ว เหมือนต้องการต้อนรับพวกเขาเข้าสู่อ้อมกอดของผืนน้ำสีคราม
“เรามาถึงแล้ว”
เหนือสุดทิศตะวันออกของอ่าวพินกวิกคือดินแดนส่วนเล็กๆของเกลิออน เลยออกมาไกลพอสมควรจึงเป็นอาณานิคมใต้อาณัติของคนแคระ เมืองมนุษย์หลายแห่งทอดยาวไปไกลจรดแหลมอิกซอร์ปากอ่าวทิศใต้ฝั่งตะวันออก
พวกเขาเดินทางมาที่นี่ เมืองมนุษย์แห่งที่สองในแถบนี้ เมืองเมอล็อค
รถม้าของกรีมัวร์ลงจอดตรงทางเข้าของคฤหาสน์ขนาดใหญ่สามชั้นที่หันหน้าลงไปยังทิศทางของทะเล เบื้องขวาคือเนินเขาสีเขียวสดใส เบื้องซ้ายคือทะเลสาบขนาดหลายร้อยเมตร เสียงคลื่นซัดสาดโขดหินใต้หน้าผาเบื้องล่างของอาคารดังขึ้นมาเป็นระยะ ช่วงนี้เป็นหน้าฝน ในทะเลจึงมีมรสุมมากพอสมควร ชาวประมงแถบนี้แทบไม่ได้ออกไปหาปลาเลย
พ่อมดเฒ่าเดินลงไปพักคอยอยู่ที่ห้องรับรองภายในคฤหาสน์อยู่ครู่หนึ่ง กรีมัวร์จำเป็นต้องไปจัดการเรื่องที่ค้างคาภายในคฤหาสน์และเอกสารบางอย่างที่มุขมนตรีและโอษฐ์แห่งวอร์ล็อคต้องจัดการ พวกเขาจำเป็นต้องเดินทางเข้าไปในเมืองชั้นใน หากต้องการใช้วัตถุเวทมนตร์ระดับตำนานชิ้นนั้นของเนียสแฟร์
เมื่อกรีมัวร์ออกเดินทางอีกครั้ง ออสบอร์นก็จัดการกับอาหารค่ำเรียบร้อยแล้ว พวกเขาใช้รถม้าธรรมดาเพื่อเดินทางในครั้งนี้ การใช้รถม้าลอยฟ้าในดินแดนของคนธรรมดาออกจะล่อสายตาไปเสียหน่อย
ตลอดเส้นทางที่ผ่าน ออสบอร์นมองเห็นอู่ต่อเรือมากมายสร้างอยู่ริมอ่าวยาวไปจนถึงเมืองชั้นในที่เห็นอยู่ไกลลิบๆ เรือพวกนี้มีขนาดใหญ่และเน้นหนักไปที่การบรรทุกผู้คน ตัวเรือด้านข้างถูกเจาะออกและเว้นว่างเอาไว้เหมือนกำลังรอการติดตั้งปืนใหญ่เหมือนกับเรือรบปกติที่เขาเห็นในโลกก่อน แต่พ่อมดเฒ่ารู้ว่ามันไม่ใช่ปืนใหญ่แน่นอน เพราะในยุคปัจจุบันของโลกนี้ยังไม่มีการพัฒนาดินปืนสำหรับใช้ในการทำสงคราม ดังนั้นมันควรเป็นอาวุธชนิดอื่น
หญิงชราเหมือนสังเกตเห็นสีหน้าสงสัยของออสบอร์นได้ หล่อนจึงอธิบายให้เขาเข้าใจ
“เรือพวกนี้เตรียมเอาไว้เพื่อทำสงครามกับเฮอราบอส พวกมันควรมีอย่างน้อยสามร้อยลำในตอนนี้”
“นี่จะไม่สร้างความตื่นตกใจให้กับดินแดนอื่นหรือ?”
การก่อสร้างเรือมากมายขนาดนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะปกปิดเอาไว้ได้
“อ่าวแถบนี้ถูกปิดหมดแล้ว ไม่มีเรือของดินแดนอื่นที่สามารถผ่านไปได้ พวกเขาต้องออกทะเลไปใจกลางของอ่าวมากกว่านั้น และมันจึงไม่มีปัญหาสำหรับการปิดข่าว แน่นอนว่าวิธีนี้ไม่อาจทำไปได้ตลอดไป เราจึงจำเป็นต้องแข่งกับเวลา”
“ชาวประมงที่ต่อเรือพวกนี้ได้รับค่าจ้างหรือไม่?”
ออสบอร์นไม่ได้ห่วงจักรวรรดิเฮอราบอสมากนัก สงครามเป็นสิ่งที่เขาคนเดียวไม่อาจห้ามได้ เขามีเมตตาแต่ก็ไม่ใช่คนโง่ที่ทำอะไรไร้สาระเกินตัว ที่เขาเป็นห่วงคือมนุษย์ธรรมดาที่อาศัยอยู่ในเมืองแถบนี้ต่างหาก
“แน่นอนว่ามี เราควบคุมเจ้าเมืองของพวกเขาไว้ได้ทั้งหมด เราไม่ต้องการภาษีหรือทรัพย์สมบัติเงินทอง สิ่งที่เราต้องการคือแรงงาน พวกเจ้าเมืองมนุษย์จึงไม่รีรอที่จะสวามิภักดิ์”
กรีมัวร์เผยรอยยิ้มดูถูกออกมา
ตรงเบื้องหน้าของพวกเขาไม่ไกลนัก กำแพงเมืองสีคล้ำเริ่มปรากฎให้เห็น เหนือประตูไม้หนาห้านิ้วออสบอร์นสังเกตเห็นป้ายที่ทำจากไม้ผุพังสลักข้อความที่น่าเกลียดเอาไว้หนึ่งแถวเหมือนไม่สนใจว่าผู้คนที่เดินผ่านเข้าออกประตูเมืองแห่งนี้จะอ่านมันหรือไม่ ข้อความภาษามนุษย์ยุคกลางตอนปลายอ่านได้ว่า “เมืองเมอล็อค ปีมิวอล์สต็อกที 1012” พวกวอร์ล็อคไม่สนใจที่จะเปลี่ยนศักราชบนป้ายประตูเมือง พวกเขาไม่ได้ไร้สาระขนาดนั้น ดังนั้นมันจึงเป็นศักราชของคนแคระอยู่
เมื่อทหารที่ประจำอยู่ด้านหน้าของประตูเมืองเห็นรถม้าของกรีมัวร์กำลังขับเข้ามา พวกเขาก็รีบเปิดประตูเมืองให้ทันที เสียงดังเอี๊ยดอ๊าดของกลไกโลหะสำหรับเปิดประตูขนาดหกเมตรดังอยู่พักหนึ่ง พร้อมกับพื้นถนนที่เผยออกมาเบื้องหน้าของออสบอร์น กลิ่นเหม็นคาวปลาก็โชยออกมาตามสายลม
สภาพบ้านของเมืองเมอร์ล็อคชั้นนอกนั้นเป็นอะไรที่ออสบอร์นไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์มากนัก ความจำกัดความมันมีเพียงสามคำคือ ทรุดโทรม สกปรกและเหม็นเน่า
เมื่อล้อรถม้าเคลื่อนตัวเข้าไปบนถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อของเมือง เศษซากสิ่งปฏิกูลมากมายที่ทับถมอยู่ใต้ผิวดินก็กระเซ็นขึ้นมาตามวิถีทางของล้อรถม้า กลิ่นที่ชั่วร้ายอย่างที่สุดนับแต่ที่ออสบอร์นเคยสัมผัสมาตีปะทะเข้ากับจมูกของเขาจนวิงเวียนศรีษะ
หญิงชราที่นั่งตรงข้ามของเขายื่นผ้าเช็ดหน้าที่พรมน้ำหอมเอาไว้จนชุ่มส่งมายังเบื้องหน้าของออสบอร์น พ่อมดเฒ่ายื่นมือออกไปรับและเห็นใบหน้าของหญิงชราครึ่งหนึ่งที่ถูกปิดไว้ด้วยผ้าเช้ดหน้าพรมน้ำหมอกลิ่นเดียวกัน
“ทนหน่อย เมื่อเราเข้าไปถึงเมืองชั้นในมันจะดีขึ้น”
เสียงของกรีมัวร์ดังผ่านผ้าเช็ดหน้าผืนหนาออกมา เสียงของหล่อนดูอู้อี้เล็กน้อย
ในตอนที่หล่อนกำลังจะชักมือที่ยื่นส่งผ้าเช็ดหน้ากลับมา อำนาจชั่วร้ายบางอย่างก็เล็ดลอดจากแหวนมิติเก็บของออกมาภายนอก
ออสบอร์นเห็นมือที่สั่นเทาและซีดเซียวลงอย่างรวดเร็วของกรีมัวร์แล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?”
ออสบอร์นหรี่ตาลง เขาเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ทุกเมื่อ
กรีมัวร์โบกมือขึ้นไปบนอากาศเบื้องหน้า โต๊ะสี่เหลี่ยมที่เคยว่างเปล่าก็ปรากฎดวงตาสีแดงก่ำดุจโลหิตขึ้นมาหนึ่งข้าง เส้นเลือดฝอยภายในนั้นกำลังแตกซ่านดุจดวงตาสัตว์ร้าย มันกำลังเคลื่อนไหวด้วยตนเองมองไปยังหลากหลายทิศทางเหมือนกำลังสับสน ก่อนที่แสงสีเงินสว่างจะสาดส่องมาที่มันจากทิศทางของออสบอร์น ตอนนี้ในมือของพ่อมดมีหินสีขาวก้อนนั้นอยู่
ทั้งสองคนมองไปยังดวงตาวิเศษระดับสูงที่แผลงฤทธิ์ออกมาตรงหน้า อำนาจแห่งแสงชำระล้างสามารถสะกดมันเอาไว้ได้ระยะหนึ่ง
“คุณควรดื่มน้ำนี่ก่อน”
ออสบอร์นยื่นขวดน้ำที่บรรจุน้ำวิเศษเอาไว้ มันถูกทำให้เจือจางจนไม่สามารถทำร้ายวอร์ล็อคได้แต่จะมีอำนาจรักษาที่เปี่ยมด้วยพลังชีวิตจำนวนมากแทน
หญิงชรารับเอามาดื่มไปอึกใหญ่ มือขวาที่เคยซีดเซียวก็กลับมาเปล่งปลั่งเหมือนเดิมทันตาเห็น
“คุณเก็บดวงตานี้เอาไว้ในขวดน้ำใบนั้นเถอะ”
พ่อมดเฒ่ากลัวว่าดวงตาจะสร้างปัญหาขึ้นอีก การเก็บมันเอาไว้ในน้ำศักดิ์สิทธิ์ย่อมปลอดภัยมากกว่า
“ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ดวงตาที่สังเวยไปแล้ว เจ้าของเดิมจะไม่อาจใช้มันได้อีกจนกว่าจะใช้วิธีการพิเศษที่เหมาะสมเพื่อขอคืนดวงตากลับมา ในกรณีนี้มันควรเป็นพลังลี้ลับที่ถูกสังเวยดวงตาให้ครั้งนั้นสัมผัสถึงดวงตาข้างนี้ได้ เราอาจอยู่ใกล้แหล่งกำเนิดอำนาจลี้ลับนั่น?”
หญิงชราใช้เวทย์เคลื่อนย้ายวัตถุ บังคับดวงตาเข้าไปในขวดแก้วอย่างเร่งรีบ ก่อนจะปิดฝาอย่างแน่นหนาและวางไว้ด้านข้าง หล่อนไม่กล้าใส่มันลงในแหวนมิติอีก
“พลังนั่นรับรู้ถึงดวงตานี้ได้? งั้นเราก็ไม่ควรอยู่ที่เมืองนี้นานนัก เราต้องเอาดวงตาออกไปให้เร็วที่สุด”
ออสบอร์นกล่าว
“อืม ฉันจะรีบติดต่อผ่านเนียสแฟร์ไปยังเจ้าของดวงตาดั้งเดิม เราอาจส่งมอบมันให้เขาผ่านวิธีการบางอย่าง”
กรีมัวร์ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าของดวงตามากนัก หล่อนจึงไม่มีวิธีติดต่อเขาโดยตรง แต่เนียสแฟร์ย่อมมีแน่ เขาคือวอร์ล็อคคนเดียวที่มุขมนตรีทุกคนต้องยอมอ่อนข้อให้ เพราะทุกคนต้องซื้อขายผ่านหอการค้าของเขา นี่คืออำนาจของพ่อค้าที่สามารถกำหนดทิศทางของอำนาจได้อย่างง่ายดาย หากพ่อค้าคนนั้นร่ำรวยมากพอ
แม้เรื่องราวจะจบลงแล้ว แต่ในใจลึกๆของกรีมัวร์ยังคงมีความกังวลแปลกๆ อำนาจลี้ลับที่รับการสังเวยเพื่อแลกกับพลังอันยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ใช่ตัวตนที่ธรรมดา พวกเขาควรอยู่ในระดับพระเจ้าเป็นอย่างน้อย
เทพเจ้าอยู่ใกล้พวกเขา? นี่ไม่อาจเป็นไปได้ วอร์ล็อคตนนั้นสังเวยมันให้กับสิ่งใดกันแน่? กรีมัวร์ไม่ได้เผยคำพูดนี้ออกไป เธอไม่อยากให้ออสบอร์นกังวล
เมื่อหญิงชรามองออกไปด้านนอกอีกครั้ง กำแพงหินสีขาวที่มีคบเพลิงลุกโชนเสียบเรียงเป็นทิวแถวก็ปรากฎในสายตา เมืองชั้นในที่สวยงามและเป็นระเบียบถูกสร้างเรียงรายอยู่หลังกำแพงนั่น
“เรามาถึงแล้ว”
หญิงชราพูดเบาๆ ออสบอร์นชะโงกหน้าออกไปด้านนอก ในใจกลางของเมืองเขาเห็นปราสาทหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางค่ำคืนที่เย็นเฉียบ เหนือขึ้นไปบนนั้นแสงดาวบนท้องฟ้าส่องสว่างเป็นเม็ดไข่มุกน้อยใหญ่ประดับประดาอยู่เต็มม่านสีดำมืด ดวงจันทร์งดงามมองเห็นได้ชัดเจนดุจใบหน้าของเทพธิดาผู้งดงาม เมื่อพ่อมดเฒ่าเห็นภาพนี้เขาบังเกิดความอบอุ่นใจโดยไม่รู้ตัว