ตอนที่ 13 ปอกแอปเปิ้ล
เย่อาวมองกงยู่หลานแบกเฟิงหยูเตี๋ยเข้าห้อง จากนั้นก็มองป้ายตัวตนและของต่างๆที่เย่อันผิงนำมา และนวดจมูกคลายเครียด
จากนั้นเขาก็มองเพ่ยเหลียนเสวี่ย“เสี่ยวเพ่ย ตามไปช่วยแม่นางคนนั้น”
“อา…เจ้าค่ะ”เพ่ยเหลียนเสวี่ยพยักหน้ากลัวๆ ลอบมองพี่ชายนาง จากนั้นก็ประสานมือและเดินเข้าห้องไป
หลังนางไป เย่อาวก็ดึงเย่อันผิงไปโต๊ะชาข้างศาลาสวรรค์และรินชาให้เขา เย่อาวรู้สึกว่าหัวเขาสับสน ไม่ต้องพูดถึงว่าทำไมปรมาจารย์สำนักพิษมารถึงมายังภพลับของตระกูลผู้บ่มเพาะเซียน
สิ่งที่เขาไม่เข้าใจสุดคือเย่อันผิงกับเพ่ยเหลียนเสวี่ย ไม่เพียงจะไม่ควรฆ่าผู้บ่มเพาะมารแก่นวิญญาณได้ แต่ก็ยังไม่ควรจะมีความสามารถทำให้คนเช่นนั้นบาดเจ็บด้วยซ้ำไป
“อันผิง บอกพ่อมาตามจริง เจ้ากับเสี่ยวเพ่ยสู้กับผู้บ่มเพาะมารจริงหรือ และไม่มีใครช่วยเนี่ยนะ?”
“พ่อ..”
เย่อาวยกมือขัด“อันผิง พ่อรู้ความสามารถของเจ้า คำคุยของเจ้าอาจทำให้แม่เจ้ามีความสุข แต่ข้าไม่ บอกข้ามาตามตรง เกิดอะไรขึ้น?”
“เราก็แค่ไปปิดงานเท่านั้นเอง”
“เจ้าหมายความว่า เขาบาดเจ็บอยู่แล้วตอนเจ้าฆ่าเขา?”
“อืม มังกรทองปรากฏในเมืองอู่ซี มันดูเหมือนผู้บ่มเพาะมารจะสู้กับมังกรทองและหนีมาเจอเรา ตอนเขาเห็นเรา เขาอยากรักษาแผลเขาโดยใช้วิญญาณเรา แต่เหลียนเสวี่ยกับข้าฆ่าเขาแทน”
ดวงตาของเย่อาวหรี่ลง“มังกรทอง?”
“ใช่ มังกรทอง”เย่อันผิงยักไหล่“ท่านพ่อ ถ้าท่านไม่เชื่อ ท่านไปเมืองอู๋ซีและถามก็ได้ ควรมีคนที่เห็นมังกรทอง”
“งั้น เด็กสาวที่เจ้าพากลับมาละเป็นใคร?”
“หลังมังกรทองหาย เหลียนเสวี่ยกับข้าก็ไปดู และก็พบนางที่นั่น”
พอได้ยิน เย่อาวก็เบิกตากว้างเหมือนได้ยินเรื่องน่ากลัวเข้า จากนั้นก็หันไปมองที่ห้อง
เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือผู้บ่มเพาะอาวุโส เขาต้องรู้ถึงมรดกสายเลือดของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
และตอนนี้ เด็กสาวที่มีสายเลือดนั้นก็ถูกนำกลับมาบ้านโดยลูกชายเขา
เย่อาวไม่คิดเลยว่าลูกชายของเขาจะทำเรื่องยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เหนือสิ่งอื่นใด เขาแค่คนที่มีรากปราณคู่ บางทีเขาคงไปได้ไกลกว่าเขาผู้เป็นพ่อบนวิถีเซียน แต่ต้องไม่ไกลเกินไป
แต่ตอนนี้ เขาเห็นโอกาสพัฒนาสำนักร้อยดอกบัวและตระกูลเย่แล้ว
ทายาทของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ขอแค่ไม่เกิดอุบัติเหตุ จะต้องกลายเป็นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คนต่อไปของราชวงศ์
ถ้าเย่อันผิงสามารถอยู่กับนางได้ มันจะเป็นเรื่องดีต่อสำนักร้อยดอกบัว ตระกูลเย่และตัวอันผิงเอง
ตอนเขาแนะนำตัวเด็กสาวคนนั้น เขารู้เยอะไปหมด มันต้องเป็นนางี่บอกเขาหมดเปลือก และในเมื่อนางเต็มใจบอกเย่อันผิงเกี่ยวกับอาจารย์ของนาง มันก็หมายความว่านางอาจมีใจให้เขา(คิดไปเองแล้วว)
“อันผิง นางชื่ออะไร เฟิงอะไรนะ?’
“เฟิงหยูเตี๋ย”
“ดี”เย่อาวพยักหน้าและจิบชา“ในเมื่อเจ้าช่วยนาง งั้นเจ้าก็ควรเป็นคนดูแลนาง?”
“แน่นอน—”เย่อันผิงพยักหน้า“ว่าไม่”
“อืม..เอ๊ะ?”รอยยิ้มบนหน้าเย่อาวหายไป’อะไรนะ?”
“ให้เสี่ยวเตี๋ยจัดการ”เย่อันผิงยักไหล่และยิ้ม“ถ้าเกิดข้าดูแลนาง แล้วนางหลงข้าขึ้นมาละ?ยังไงซะข้าก็โดดเด่นและหน้าตาดี”
“แค่ก แค่ก”เย่อาวสำลักน้ำชาและไอหลายครั้ง
“แถม เด็กสาวคนนั้นดูสวยเกินไปสำหรับข้า”
“มันไม่ดีเลย”
“ยังไง?”
เฟิงหยูเตี๋ยคือตัวละครหลักส่วนเขาแค่ตัวประกอบ!
แต่แน่นอน เขาพูดไม่ได้
“คือ”เย่อันผิงถอนหายใจ.“พ่อ เราจะหวังสูงเกินไปไม่ได้นะ?”
“เจ้าหมายความว่ายังไง?”
“ท่านก็รู้ว่าข้าแค่ผู้บ่มเพาะรากปราณคู่ ถ้าอยากหาคู่ครองข้า คนคนนั้นควรเป็นผู้บ่มเพาะธรรมดาสองรากปราณหรือสาม ถ้าความแตกต่างในพลังบ่มเพาะระหว่างสามีและภรรยาสูงเกินไป คู่รักจะขาดความั่นคง ข้าไม่อยากเป็นไก่หงอเหมือนท่านหลังแต่งงาน”
“ไก่หงอ?เจ้าหมายความว่ายังไงกันหะ?”
“ข้าหมายความว่า เมียเป็นใหญ่ไง”
“เมียเป็นใหญ่?”
“ก็อย่างว่า ข้าไม่กลัวอะไรในโลก กลัวแค่เมีย”
“..”
เย่อาวตัวแข็ง เส้นเลือดปูดบนหน้า
แต่ก่อนเขาจะได้ตบหัวเย่อันผิง อีกฝ่ายก็ยิ้มและรีบรินชาให้เขา“พ่อ ดูสิ ลูกชายท่านรินชาให้แนะ”
เย่อาวได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ
“ช่างมัน ข้าไม่มีอารมณ์จะมาสนใจเจ้า เจ้าหนู แต่ ถ้าเจ้าเจอผู้อาวุโสของสำนักดาวดำ ถ้าเขาถามถึง เจ้าบอกไปว่าเจ้ากับน้องสาวเจอผู้บ่มเพาะมารที่บาดเจ็บสาหัสเข้าและโจมตีเขาทีเผลอนะ อย่าลงรายละเอียดเยอะ เข้าใจไหม?”
“ผู้อาวุโสสำนักดาวดำ?”
“ผู้อาวุโสสองแห่งหมู่ตึกดาวมังกรในสำนักดาวดำ”
“ท่านพ่อ ท่านไม่คิดว่าเหลียนเสวี่ยกับข้าจะฆ่าผู้บ่มเพาะมารได้งั้นเหรอ?ทำไมถึงเรียกผู้อาวุโสสำนักดาวดำมา?”
เย่อาวกลอกตา“ข้าไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับผู้บ่มเพาะมาร ข้าขอให้เขามาเพื่อเล่นหมากและมอบคำชี้แนะให้เจ้า ข้าต้องจ่ายไปตั้งสามพันหินปราณเชียวนะ”
พ่อเขาทำหน้าเชิด
“ก็ได้”เย่อันผิงดื่มชาและลุก“ข้ากลับห้องละ ข้าเหนื่อย”
“อืม”
..
ในห้อง กงยู่หลานรักษาเฟิงหยูเตี๋ยด้วยพลังปราณแท้จริงที่เก็บมาเป็นปี จากนั้นก็ย้ายนางไปห้องแขกในศาลาสวรรค์
เพ่ยเหลียนเสวี่ยเฝ้าเฟิงหยูเตี๋ยจนถึงตอนนี้
สำหรับว่าทำไมนางถึงเฝ้า เพ่ยเหลียนเสวี่ยแค่กังวลว่าพี่ชายนางจะเข้ามาเยี่ยม ถ้าเขามาเยี่ยมเฟิงหยูเตี๋ย นางต้องอยู่จับตา
แต่ พอมองนางที่นอนบนเตียง นางก็เจ็บปวดหัวใจ พี่ชายสามารถทิ้งนางไว้ในเมืองได้ เขาจะพากลับมาทำไม?
และนอกจากนี้ นางยังมีรากปราณสวรรค์…
แถมยังสวยมากอีกด้วย…
และยังอายุเท่ากับพี่ชายนาง…
เพ่ยเหลียนเสวี่ยยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ สุดท้าย นางก็โกรธจนควักมีดออกจากถุงมิติและเริ่มปอกแอปเปิ้ล
ครืดดด
หลังได้ยินเสียงปอกแอปเปิ้ลที่น่าขนลุก เฟิงหยูเตี๋ยก็ค่อยๆลืมตา
นางมองรอบๆ ระหว่างทางมาสำนักร้อยดอกบัว นางตื่นขึ้นหลายครั้งตอนเพ่ยเหลียนเสวี่ยแบก ดังนั้นนางจึงมีความประทับใจว่าเหลียนเสวี่ยคือคนช่วยนางเอาไว้
พอเห็นเพ่ยเหลียนเสวี่ย นางก็เรียกเสียงเบา“แม่นางเพ่ย..”
เพ่ยเหลียนเสวี่ยหยุดมือ“เจ้าตื่นแล้ว?”
“ใช่ ข้าตื่นแล้ว”
“อืม สาวใช้ที่ชื่อเสี่ยวเตี๋ยจะมาดูแลเจ้าภายหลัง บอกนางว่าเจ้าต้องการอะไร อย่ามารบกวนพี่ชายข้า เข้าใจไหม?”
“อา…”พอเห็นเพ่ยเหลียนเสวี่ยกำลังจะไป เฟิงหยูเตี๋ยก็รีบยื่นมือไปคว้าไว้“รอก่อน แม่นางเพ่ย”
“มีอะไร?”
“คือ…”เฟิงหยูเตี๋ยเม้มปากอายๆ“ขอบคุณที่ช่วยข้า”
“ฮึ่ม”เพ่ยเหลียนเสวี่ยพ่นลมและโยนแอปเปิ้ลที่นางปอกจนถึงแก่นไป“นี่ ข้าปอกแอปเปิ้ลให้”
จากนั้นนางก็ออกไปโดยไม่มองเหลียวหลัง