1263 - ทายาทแห่งเทพหยิน
1263 - ทายาทแห่งเทพหยิน
ชายชราตาบอดก้าวไปข้างหน้าแล้วกล่าวว่า “ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์อวี้หัวนั้นลึกลับมาก ว่ากันว่าเมื่อใดก็ตามที่พวกเขากลับคืนสู่เต๋าร่างกายของคนเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงเป็นขนนกและหายไปในความว่างเปล่า ส่วนศัตรูของพวกเขาจะเหลือเพียงผิวหนังชิ้นหนึ่งในขณะที่เลือดเนื้อและกระดูกถูกดูดกลืนหายไป”
ความลับอันน่าหวาดหวั่นนี้ทำให้ทุกคนเกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“ซ่า”
เสื้อคลุมนักพรตของต้วนเต๋อสว่างขึ้น มันเปลี่ยนจากสีขาวนวลเนียนกลายเป็นสีแดงฉานที่ส่องสว่างอยู่ในความมืดในความมืด ไม่ต้องบอกก็ทราบได้ว่านี่เป็นสมบัติที่ใช้ปราบปรามวิญญาณชั่วร้ายโดยตรง
“คนกลุ่มสองที่เข้าไปที่นี่ก็ถูกฆ่าตายเช่นกัน อย่างไรก็ตามเหตุใดพวกเขาไม่ส่งเสียงกรีดร้องออกมา!”
หลังจากที่ทุกคนก้าวเข้าไปที่ชั้นสองของวิหารโบราณต้วนเต๋อก็นั่งลงบนพื้นและเฝ้ามองรอยเลือดที่กระจัดกระจายอยู่ทั่ว
ทุกคนต่างตกตะลึง กลุ่มคนที่เพิ่งเข้าสู่ชั้นสองเพียงเข้าไปไม่นานเท่านั้นแต่เลือดที่กระจัดกระจายอยู่นี้มากมายมหาศาลอย่างยิ่ง หรือว่าทุกคนถูกฆ่าตายจนหมดแล้ว?
กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณและทำให้สีหน้าของต้วนเต๋อบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ
ในเวลาต่อมาเย่ฟ่านก็ควบคุมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเขาให้ปลดปล่อยแสงที่สว่างจ้าสาดส่องไปทั่วบริเวณ เมื่อเห็นทัศนียภาพโดยรอบทุกคนก็อ้าปากค้างทันที
ในขณะนี้นอกจากผิวหนังมนุษย์บนพื้นดินแล้วยังมีกองกระดูกสีขาวเหมือนหิมะจำนวนมากที่เปื้อนเลือดถูกทิ้งระเกะระกะ นอกจากนี้ยังมีเลือดเนื้อรวมทั้งอวัยวะภายในของผู้คนถูกทิ้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย
“คนที่เพิ่งเข้ามาทั้งหมดตายไปแล้ว!”
กลุ่มคนที่เข้าสู่วิหารโบราณชั้นสองนั้นหลายคนมีความแข็งแกร่งในระดับราชาผู้ยิ่งใหญ่ แต่ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจทุกคนกลับถูกทำให้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้ว
ต้วนเต๋อหยิบดอกไม้สีเข้มออกมา นี่คือดอกไม้แห่งความตายที่เติบโตขึ้นในยมโลก เขาโยนมันไปข้างหน้าดอกไม้ก็ร่วงหล่นลงไปบนพื้นโดยไม่มีความเสียหายแต่อย่างใด
“มันสามารถเจริญเติบโตที่นี่ได้ มีวิญญาณชั่วร้ายอยู่ภายใน!” ต้วนเต๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
วิหารโบราณที่ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นกว่าสองแสนปีแน่นอนว่าเมื่อมีสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายอยู่ภายในนี้มันจะต้องทรงพลังอย่างถึงที่สุด
เย่ฟ่านเป็นคนแรกที่ก้าวไปข้างหน้า หม้อปราณปัฐพีต้นกำเนิดแขวนอยู่บนศีรษะของเขา และปราณปฐพีต้นกำเนิดก็ถูกปลดปล่อยออกมาปกป้องทุกคนไว้ภายใน
ดวงตาของจี้จื่อเยว่เป็นประกาย และนางก็ติดตามเย่ฟ่านอย่างใกล้ชิด วานรศักดิ์สิทธิ์ถือกระบองสีดำ เขาเดินอยู่เคียงเย่ฟ่านและเฝ้ามองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง
ภายในชั้นสองของวิหารบรรพชนทุกสิ่งยังคงเงียบสงบราวกับโลกแห่งความตาย หลังจากที่ก้าวไปข้างหน้าซากศพของผู้คนก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องที่ดังมาจากส่วนลึกของห้องโถงได้ทำลายความเงียบสงบในบริเวณนี้ทันที จากนั้นเงาสีดำอันน่าจะพึงกลัวได้พุ่งเข้าหาพวกเขาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
ปัง!
ปราณปฐพีต้นกำเนิดบดขยี้สิ่งที่พุ่งเข้ามาอย่างแข็งแกร่งและซัดพวกมันกระเด็นออกไปทั้งหมด
ภายใต้แสงที่สาดส่องออกมาจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์ พวกเขามองไปข้างหน้าและเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
ในขณะนี้บนผนังของห้องโถงอันมืดมิด มีศพห้อยลงมาจากด้านบนหลายศพ ดวงตาของพวกเขาเปล่งประกายด้วยแสงสีฟ้า เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้คือสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายที่อยู่ในวิหารโบราณซึ่งคอยลงมือทำร้ายผู้คนนั่นเอง
“ให้ตายเถอะ โจรหลุมศพ เจ้าตัวนี้มันคืออะไรกันแน่?”
สุนัขสีดำตัวใหญ่กรีดร้อง การปรากฏตัวของเจ้าสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายตนนี้ทำให้ร่างกายของมันเริ่มฝืดเคืองยากที่จะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ทุกคนการเคลื่อนไหวของพวกเขางุ่มง่ามมากและเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว จากนั้นสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายที่อยู่ด้านบนก็ตะปบกรงเล็บอันแหลมคมเข้าหาศีรษะของวานรศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว
“บังอาจ!”
ผังป๋อดุร้ายมากจนหยิบเตาหลอมเซียนที่เขายืมมาจากเอี๋ยนอี้ซีออกมา หลังจากที่เปิดฝาหม้อออกเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็สาดส่องไปทั่ว
เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วลาน สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด พวกมันทั้งหมดกางปีกเหมือนค้างคาวรีบบินขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที
ชายตาบอดเฒ่ากล่าวว่า “ทำลายพวกมันให้หมดอย่าปล่อยให้มันกลับไปเรียกสหายกลับมาได้!”
ทุกคนตื่นตระหนกและรีบลงมือโจมตีอย่างรวดเร็ว ผังป๋อตะโกนว่า “ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเป็นใคร วันนี้ข้าจะทลายพวกเจ้าให้หมด”
จากนั้นเปลวเพลิงสีแดงฉานก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากเตาหลอมเซียน อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของทุกคนสาดส่องขึ้นสู่ท้องฟ้าและสังหารปีศาจชั่วร้ายทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
“นี่มันตัวอะไร?” ผู้คนมองดูต้วนเต๋อหลังจากที่สังหารสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายเหล่านั้นทั้งหมด
“พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตกึ่งวิญญาณ เป็นอสูรจากโลกใต้พิภพ”
ต้วนเต๋อคุกเข่าลงบนพื้นและสำรวจซากศพของสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายเหล่านั้น ในเวลาต่อมาเขาก็กระโดดขึ้นจากพื้นและกล่าวว่า
“ข้ารู้แล้ว นี่คือทายาทของเทพหยินที่แปดเปื้อนพลังแห่งความชั่วร้ายที่อยู่ในวิหาร!” สีหน้าของต้วนเต๋อมีความเศร้าโศกและเสียดายอยู่เล็กน้อย
“ลูกหลานของเทพหยินคืออะไร?” ทุกคนงงงวย
“เทพหยินทั้งหมดล้วนเป็นเซียนในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ คนเหล่านี้บังเอิญถูกฝังไว้ในดวงตาหยินแห่งพิภพ หลังจากผ่านไปหลายปีไม่รู้จบ วันหนึ่งพวกเขาก็จะตื่นขึ้นมา
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายโดยสมบูรณ์ มันเป็นการเริ่มกระบวนการเกิดใหม่และถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ในโลก เป็นปาฏิหาริย์แห่งชีวิตอย่างแท้จริง
ลักษณะของพวกมันไม่ได้แตกต่างอะไรจากสิ่งมีชีวิตทั่วไป พวกมันสามารถสืบพันธุ์และให้กำเนิดลูกหลานออกมาได้เช่นกัน สิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าของเรานั้นทายาทของเทพหยิน
แน่นอนว่าพลังของสายเลือดนั้นเบาบางมาก พวกเขาใช้พลังของตัวเองในการกักขังความเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตจากโลกเบื้องบน จากนั้นจึงค่อยดูดแก่นแท้ในเลือดเนื้อของเหยื่อออกไปทั้งหมด” ต้วนเต๋อกล่าวด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
“เจ้าหมายความว่าในวิหารแห่งนี้จะต้องมีเทพหยินระดับเซียนที่เป็นชายและหญิงอย่างน้อยหนึ่งคู่?” เย่ฟ่านกล่าว
“เว้นแต่พวกเขาจะได้รับประทานยาเซียนอันยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่องไม่เช่นนั้นทุกชีวิตจะต้องพินาศในที่สุด เลือดเนื้อที่อยู่ในร่างของพวกเขาจะต้องเสื่อมสลายลงสักวันหนึ่ง ตอนนี้ร่างกายของเทพหยินทั้งสองน่าจะกลับคืนสู่สภาพแห้งแล้งอีกครั้ง” ต้วนเต๋อสังเกตอย่างระมัดระวัง
“ข้าก็หวังเช่นนั้น!”
ทุกคนมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ในใจของพวกเขาเหมือนมีก้อนหินขนาดใหญ่กดทับอยู่เสมอ
วิหารโบราณมีประตูหลายบานและลานภายในของโลกส่วนใหญ่เชื่อมต่อกัน พวกเขาพบว่ามีบางคนบุกเข้าไปในชั้นสามหรือสี่ของวิหารได้สำเร็จแล้ว อย่างไรก็ตามทุกคนยังคงระมัดระวังและไม่ได้รีบร้อนติดตามคนเหล่านั้นไป
หลังจากที่เข้าสู่ชั้นสามแล้วเย่ฟ่านก็สังเกตเห็นว่ามีผู้คนไม่น้อยหยุดอยู่ในบริเวณนี้ พวกเขากำลังเฝ้ามองภาพที่ถูกแกะสลักไว้บนผนังหินของห้องโถง
“มันอาจเป็นคัมภีร์หรือไม่ก็ความรู้แจ้งของเซียนโบราณ ไปดูกันเถอะบางทีพวกเราอาจจะได้รับอะไรบางอย่าง!”
ในห้องโถงใหญ่ ภาพแกะสลักกำลังเบ่งบานไปด้วยแสงอันไม่มีที่สิ้นสุด ในจำนวนนี้มีเซียนเทียมขั้นสามมากมายคอยเฝ้าสังเกตภาพเหล่านั้น
พวกเขาทุกคนเตรียมพร้อมที่จะพิสูจน์เต๋ากลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเซียน ดังนั้นภาพแกะสลักทุกภาพจึงมีความศักดิ์สิทธิ์ต่อพวกเขาอย่างไม่อาจประเมินค่าได้
“นี่คือคัมภีร์ที่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เผ่าพันธุ์มนุษย์ทิ้งไว้หรือไม่? เนื้อหาที่ถูกแกะสลักไว้ลึกล้ำยากที่จะเข้าใจได้อย่างแท้จริง!” เย่ฟ่านและต้วนเต๋อก็เริ่มสังเกตภาพบนกำแพงด้วยความกระตือรือร้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ภายใต้กระแสลมที่ไม่รู้ว่าพัดมาจากในทิศทางใด มีเศษฝุ่นของผงสีทองที่เปล่งประกายเจิดจ้ากระทบเข้ากับร่างของผู้คนมากมายและเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นแสงหายสาบสูญไปในความว่างเปล่าทันที
“เกิดอะไรขึ้น…” เย่ฟ่านรีบดึงทุกคนถอยหลังออกจากกำแพงด้วยความกลัว
“พวกเขาทั้งหมดตายไปแล้วหรือไม่”
จี้จื่อเยว่มีสีหน้าหวาดหวั่นเป็นอย่างมาก หากไม่ใช่ว่าพวกเขาทุกคนได้รับการปกป้องจากปราณปฐพีต้นกำเนิด พวกเขาอาจตายไปแล้วก็ได้
หลังจากที่ทุกคนสังเกตอย่างระมัดระวังก็ตระหนักได้ว่าเศษฝุ่นสีทองเหล่านั้นมาจากพลังแห่งเต๋าที่แผ่ออกมาจากอักขระบนผนัง ยอดฝีมือหลายคนที่อยู่ในห้องโถงถูกฆ่าตายโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“เอี๊ยด!”
เสียงประตูเปิดขึ้นอีกครั้ง ในเวลาต่อมามีผู้คนมากมายวิ่งเข้ามาในห้อง หลังจากที่พวกเขามองเห็นอักขระที่อยู่บนผนังคนเหล่านั้นต่างก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและรีบศึกษาพวกมันทันที
…….