บทที่ 165 กองทัพไซบอร์ก (ตอนที่ 1)
บทที่ 165 กองทัพไซบอร์ก (ตอนที่ 1)
ก่อนที่ดีเฟนเดอร์สจะวิ่งเข้ามา...
ประตูของอาคารก็ถูกเปิดออกและจากนั้นก็ได้มีสมาชิกแก๊งจำนวนมากโผล่ขึ้นมา
"ดูเหมือนว่าปาร์ตี้เซอร์ไพรส์จะถูกทำลายลงซะแล้วสิ"
เมื่อมองไปที่กองกำลังติดอาวุธที่อยู่ตรงหน้าเขา แฟรงค์ก็เลิกคิ้วขึ้นและกล่าวออกมา
ที่จริงแล้วคิงพินมีสายตาไปทั่วย่านเฮลคิทเช่น ยิ่งพอควบรวมแก๊งทั้งหลายในย่านนี้ไปยิ่งแล้วใหญ่ ข้อมูลมากมายอยู่ในมือของเขา กระทั่งการเคลื่อนไหวของดีเฟนเดอร์สก็ด้วย
"ดูเหมือนว่าพวกนายจะสิ้นหวังมากกว่าที่ฉันคิดไว้นะ"
เสียงทุ้มลึกของคิงพินดังมาจากด้านหลังฝูงชน จากนั้นลูกน้องของเขาก็หลีกทางให้ ทุกคนได้เห็นร่างกายขนาดใหญ่ของเขาปรากฏขึ้น เขาเดินไปที่กลุ่มดีเฟนเดอร์ด้วยไม้เท้า แล้วเขาก็มองกลุ่มดีเฟนเดอส์ตรงหน้า คิงพินขมวดคิ้ว ก่อนจะเยาะเย้ยอย่างเหยียดหยาม
"รีบตายกันขนาดนั้นเลยเหรอ?"
"คิงพิน?"
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ แมตต์ก็กระชับไม้นำทางของเขาแน่น "เราจะไม่ปล่อยให้นายทำลายย่านเฮลคิทเช่นเด็ดขาด"
"ทำลาย?" เมื่อเผชิญหน้ากับการตำหนิของแมตต์ ท่าทางของคิงพินก็ยิ่งดูน่าเกลียดมากขึ้น "กลับกันเลยต่างหาก ฉันเป็นคนช่วยย่านเฮลคิทเช่นและสร้างกฎระเบียบขึ้นมาอีกครั้ง พวกแกก็เป็นเพียงกลุ่มคนโง่เง่าที่ไม่มีความคิด ความตั้งใจตื้นเขินจนคิดเรียกสิ่งนั่นว่าความยุติธรรม"
"ความยุติธรรมของแกไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรย่านเฮลคิทเช่นได้เลย ทว่าคำพูดเดียวของฉันสามารถเปลี่ยนทุกอย่างที่นี่ได้ ไม่ว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง ฉันคือฮีโร่ตัวจริงของย่านเฮลคิทเช่น"
"นายเนี่ยนะฮีโร่?"
เมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดอันผิดแปลกของคิงพิน เจสสิก้าก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย "นั่นเป็นเรื่องตลกดีนะ"
"ทุกสิ่งที่นายสร้างล้วนก่อขึ้นมาจากความทุกข์ทรมาน นายไม่สมควรที่จะถูกเรียกว่าฮีโร่สักนิดเดียว" เคจกล่าว เขาไม่เห็นด้วยกับคำพูดของคิงพินเลย
"บอกตามตรง ฉันก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อโน้มน้าวพวกแก"
เมื่อต้องทนรับการเยาะเย้ยและการตอบโต้จากดีเฟนเดอส์ สีหน้าของคิงพินก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เขากล่าวออกมาอย่างเชื่อมั่น "เพราะหลังจากวันนี้ จะไม่มีดีเฟนเดอส์อีกต่อไปแล้ว"
ขณะที่เสียงของเขาเบาลง คิงพินก็ก้าวออกไป
ทันทีสิ้นเสียง กลุ่มไซบอร์กที่มีร่างกายปกคลุมไปด้วยความมันวาวของโลหะก็ปรากฏตัวต่อหน้าดีเฟนเดอส์ พวกมันเดินขบวนด้วยความเร็วเท่าๆ กัน
"บูลส์อาย!"
เมื่อสังเกตเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของไซบอร์กที่เดินนำหน้ามา เจสสิก้าก็รู้สึกตกตะลึงยิ่ง
"เป็นไปได้ยังไงกัน? ฉันจำได้ว่านาย..."
บูลส์อายหยุดทันทีเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเจสสิก้า รอยยิ้มที่แข็งทื่อก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาเหมือนหุ่นยนต์ "เห็นได้ชัดว่า? เห็นได้ชัดว่าฉันเป็นอัมพาตงั้นเหรอ? ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ฉันมีร่างใหม่แล้ว ถึงคราวฉัน..." ขณะที่บูลอายส์พูด เขาก็ยกแขนขึ้น แขนของเขากลายเป็นปืนและเขาก็เล็งไปที่ดีเฟนเดอส์ "ได้เวลาแก้แค้นแล้ว พวกดีเฟนเดอส์"
ด้วยการเคลื่อนไหวของบูลอายส์ กองทัพไซบอร์กที่อยู่ข้างหลังเขาก็ยกแขนขึ้นเช่นกัน
ทันใดนั้น พลังการยิงอันทรงพลังของกองทัพไซบอร์กก็พุ่งเข้ามาราวกับพายุโลหะที่โจมตีกลุ่มดีเฟนเดอส์
"ระวัง!"
เคจยืนขวางทางไว้โดยหันหน้าไปทางกระสุน
ทว่าครั้งนี้พลังยิงที่ปล่อยออกมาจากมือของกองทัพไซบอร์กนั้นดุเดือดกว่าทุกสิ่งที่เขาเคยทนมาในอดีต กระสุนจำนวนมากพุ่งเข้าใส่เขาอย่างแม่นยำ ผ่านการคำนวณของไซบอร์กและชั่วขณะหนึ่ง เขาก็แทบไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้เลย เขายืนอยู่กับที่และได้แต่อดทนต่อไปเรื่อยๆ
แฟรงค์ขมวดคิ้วแล้วหาที่กำบังหลังเคจ จากนั้นเขาก็ยิงกลับไป
ทว่าความแตกต่างของพลังยิงระหว่างพวกเขาทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะโต้ตอบได้ สิ่งที่ทำให้เขาอารมณ์เสียมากยิ่งกว่าคือพลังป้องกันกองทัพไซบอร์กดัดแปลงพวกนี้ เขาแทบจะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้มันได้เลย
"เวรเอ้ย"
เมื่อหันไปมองรถฮัมเมอร์ที่จอดอยู่ใกล้ๆ แฟรงค์ก็สบถออกมา
“ขอโทษที ถ้าฉันรู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น ฉันคงไม่ยั้งหมัดไว้แล้ว”
เมื่อมองไปที่กองทัพไซบอร์กที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา เจสสิก้าก็รู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจก่อนหน้านี้ของเธอ เธอไม่เคยคิดเลยว่าบูลอายส์จะสามารถกลับมายืนได้อีกครั้งและเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อดีเฟนเดอส์แบบนี้
"มันไม่ใช่ความผิดของคุณเลย" แมตต์พูดออกมา "แม้จะไม่มีบูลอายส์ คิงพินก็ยังคงปรับเปลี่ยนผู้คนและเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นไซบอร์กอยู่ดี คนพวกนี้คงเป็นคนที่หายตัวไปในย่านเฮลคิทเช่น
ฉันไม่เคยคิดเลยว่าคิงพินจะบ้าคลั่งขนาดถึงกับเปลี่ยนคนให้กลายเป็นหุ่นยนต์" แดนนี่โพล่งออกมา เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
"..."
อันที่จริง ไม่ต้องพูดถึงดีเฟนเดอส์เลย แม้แต่ไรอันที่ให้พิมพ์เขียวกับอีวานก็ไม่ได้คาดหวังว่าทุกอย่างจะไปไกลถึงขนาดนี้ คิงพินและอีวานบ้าคลั่งกว่าที่เขาคาดไว้
"ยังไงก็ตามแต่ ฉันจะจัดการบูลอายส์เอง"
เจสสิก้าพูดด้วยสีหน้าหนักแน่นขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปทางบูลอายส์ ผู้ซึ่งร่างกายของเขาได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ เหลือเพียงใบหน้าของเขาที่คงอยู่
เมื่อควบคุมร่างกายของเธอให้บินขึ้นไปในอากาศแล้ว เจสสิก้าก็ตะโกนออกมา "บูลอายส์! อยากให้ฉันเตือนความจำนายไหมว่าฉันบิดแขนนายยังไง?"
เมื่อมองขึ้นไปยังเจสสิก้าที่ลอยอยู่กลางอากาศ ความทรงจำของบูลอายส์ก็เริ่มฟื้นตัวขึ้น ร่างกายของเขาที่ถูกเปลี่ยนเป็นเครื่องจักรได้จำความเจ็บปวดอย่างชัดเจน เขายิ้มกว้างด้วยรอยยิ้มอันแข็งกระด้าง ในเวลาต่อมา เปลวไฟที่แข็งแกร่งก็พวยพุ่งออกมาจากใต้เท้าของเขา ส่งเขาบินขึ้นไปในอากาศ
"ไม่จำเป็นเลย เพราะตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ฉันก็จำทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ ฉันขอให้แวนโก้ปรับเปลี่ยนร่างกายของฉัน เพื่อให้ฉันมีความสามารถในการบิน...เพื่อเธอโดยเฉพาะ เมื่อฉันได้รับมันมา ฉันก็จะทำลายแขนขาของเธอทีละส่วน...อย่างช้าๆ ฉันจะให้เธอรู้สึกอย่างที่ฉันรู้สึกในวันนั้น”
“จับฉันให้ได้สิถ้านายทำได้”
เมื่อเผชิญกับคำขู่ของบูลส์อาย เจสซิก้าก็เลิกคิ้วเรียวยาวและตอบอย่างท้าทาย
"ฉันมักจะทำในสิ่งที่ฉันบอกว่าฉันจะทำอยู่แล้ว" ในขณะที่พูดด้วยสีหน้าเย็นชา บูลส์อายก็ถอนอาวุธปืนบนแขนของเขาและแทนที่ด้วยใบมีดคม
"คิงพิน คุณพอใจกับไซบอร์กหรือเปล่า?"
อีวานปรากฏตัวต่อหน้าคิงพิน โดยสวมเสื้อโค้ทกันฝนและเฝ้าดูสนามรบตรงหน้าเขา ขณะที่เขาถามคิงพิน รอยยิ้มน่าเกลียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าหยาบกร้านของเขา
"ตรงกับสิ่งที่คุณขอไว้ เครื่องจักรสังหารที่ทรงพลังและน่าสะพรึงกลัว พร้อมพลังยิงอันมากมาย"
"นายทำได้ดีมาก" เมื่อหันไปมองอีวานข้างๆ รอยยิ้มอันหาได้ยากก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคิงพิน เขามองย้อนกลับไปที่ดีเฟนเดอส์ที่กำลังพ่ายแพ้เพราะกองทัพไซบอร์ก รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น "ด้วยกองทัพไซบอร์กนี้ ย่านเฮลคิทเช่น... ไม่สิ นิวยอร์กทั้งหมดจะอยู่ในมือฉัน"
เมื่อได้ยินคำพูดที่ทะเยอทะยานของคิงพิน อีวานก็ก้มศีรษะลงอย่างเงียบๆ ด้วยสีหน้าที่คลุมเครือ
...