บทที่ 1365 : วิญญาณของพวกเขาจะคงอยู่! เสาหลักแห่งจักรวรรดิ! (4)
บทที่ 1365 : วิญญาณของพวกเขาจะคงอยู่! เสาหลักแห่งจักรวรรดิ! (4)
“วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อมอบเหรียญตราทหารแห่งชาติ”
“พันเอกหวังเต็ง กรุณาขึ้นมาบนเวทีด้วย”
นายพลฝูเซียงหลานตรงเข้าประเด็นในทันที สายตาของเขาจ้องมองไปที่หวังเต็ง
ทันใดนั้นทุกสายตาก็จับจ้องไปที่หวังเต็งด้วยเช่นกัน
อย่างที่คาดไว้ มันคือเขา!
การคาดเดาของพวกเขาได้รับการยืนยันแล้วในขณะนี้ ความอิจฉาและความชื่นชมปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขาขณะที่พวกเขาจับตาดูหวังเต็ง
หวังเต็งก้าวขึ้นไปบนเวทีอย่างมั่นคงและสงบเสงี่ยม
นายพลฝูเซียงหลานมองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความพึงพอใจขณะที่เขาพูดด้วยเสียงจริงจัง “พันเอกหวังเต็ง ผลงานของคุณในสงครามครั้งที่ผ่านมานั้นโดดเด่นมาก ในนามของกองทัพและจักรวรรดิต้าเฉียน ฉันขอมอบเหรียญตราทหารแห่งชาติให้กับคุณ”
“เหรียญนี้แสดงถึงเสาหลักของจักรวรรดิ ฉันหวังว่าคุณจะยึดมั่นในหลักการของคุณและอย่าลืมจิตวิญญาณการต่อสู้ของคุณ”
“ขอให้คุณเจริญรุ่งเรือง ขอให้ศิลปะการต่อสู้เจริญรุ่งเรือง”
“ขอให้ศิลปะการต่อสู้เจริญรุ่งเรือง!” หวังเต็งทำความเคารพและตอบเสียงดัง
ทันใดนั้น กล่องหยกอันวิจิตรงดงามก็ปรากฏขึ้นในมือของนายพล ฝูเซียงหลาน เขาเปิดฝามันออกแล้วเผยให้เห็นเหรียญตราทองคำแก่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น
ทุกคนต่างจับตาดูเหรียญรางวัลชิ้นนี้ตาเป็นมัน มันให้ความรู้สึกราวกับเป็นสมบัติหายาก
นายพลฝูเซียงหลานหยิบเหรียญทองออกมาและประดับมันไว้บนหน้าอกของหวังเต็ง จากนั้นเขาก็ตบไหล่ชายหนุ่มอย่างหนักแน่นและทำความเคารพ
ไม่มีการแลกเปลี่ยนคำพูดใดๆ แต่หวังเต็งก็สามารถสัมผัสได้ถึงความคาดหวังของอีกฝ่าย ภาระเพิ่มเติมตกลงบนบ่าของเขา
เขาก้มศีรษะลงเพื่อมองดูเหรียญตราสีทองที่ส่องประกายเรืองรองอยู่บนหน้าอกของเขา มันสะดุดตาและพิเศษมาก
นี่คือเหรียญตราทหารแห่งชาติ!
เหรียญเกียรติยศนี้เป็นเหมือนกับตราเว้นตาย
มันเป็นตัวแทนที่แสดงถึงการสนับสนุนของกองทัพและการปกป้องของจักรวรรดิต้าเฉียน
อย่างไรก็ตาม หวังเต็งก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้ตื่นเต้นมากเท่าที่คิดไว้ในตอนแรก หลังจากการต่อสู้รอบแล้วรอบเล่า เขาก็รู้สึกว่าความสามารถของเขาเองต่างหากที่เป็นรากฐานของทุกสิ่ง หากเขาสามารถไปถึงระดับนิรันดร์ได้ มันก็จะไม่มีใครในจักรวรรดิต้าเฉียนทั้งหมดที่จะสามารถคุกคามเขาได้
นายพลฝูเซียงหลานพูดต่อทันทีว่า “พันเอกหวังเต็ง ฉันจะรอชมการแสดงของคุณในงานชุมนุมผู้มีพรสวรรค์นะ”
หวังเต็งกะพริบตา นายพลคนนี้รู้ว่าเขากำลังจะเข้าร่วมงานนี้ด้วย ดูเหมือนว่านายพลคาเมรอนจะเล่าให้อีกฝ่ายฟังเกี่ยวกับแผนการของเขาแล้ว
“ผมจะทำงานให้หนักครับ” หวังเต็งตอบ
นายพลฝูเซียงหลานกล่าวต่อ “ดีมาก คุณเป็นตัวแทนของกองทัพ ดังนั้นกองทัพทั้งหมดจึงอยู่เคียงข้างคุณ คุณไม่มีอะไรต้องกลัว”
“ครับ!” ดวงตาของหวังเต็งส่องแสงแวววาว
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่ามีคนสนับสนุนเขา!
ผู้มีพรสวรรค์ส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมในงานชุมนุมผู้มีพรสวรรค์นั้นล้วนได้รับการสนับสนุนจากภูมิหลังที่ทรงพลัง พวกเขาสามารถคาดหวังลูกเล่นสกปรกได้ทุกประเภท อย่างไรก็ตาม เขาก้ไม่ต้องกังวลแล้วเพราะเขามีกองทัพคอยสนับสนุนเขา
แน่นอนว่าเขาไม่ได้กังวลอยู่แล้วตั้งแต่แรก แต่ถึงอย่างนั้นการมีปัญหาน้อยลงก็เป็นสิ่งที่ดีเสมอ
“เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว” นายพลฝูเซียงหลานพยักหน้า จากนั้นเขาก็ก้าวถอยหลังและเดินหายไป
นักสู้หลายคนอยากให้เขาอยู่ต่ออีกสักสองสามวินาที
“พันเอกหวังเต็ง ขอแสดงความยินดีด้วย!” นายพลคาเมรอนเดินเขามาและยิ้มให้เขา
“ขอบคุณที่ดูแลผม” หวังเต็งตอบด้วยความขอบคุณ
เขารู้ดีว่าหากปราศจากความช่วยเหลือจากนายพลคาเมรอนและฝ่ายของเขา เขาก็จะไม่มีวันได้รับเหรียญรางวัลนี้มาได้อย่างง่ายดาย
“เอาล่ะ ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้” นายพลคาเมรอนโบกมือแล้วยิ้ม “จงเดินหน้าต่อไปและดื่มด่ำกับความรุ่งโรจน์นี้ซะ”
หวังเต็งส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม นายพลคนนี้รู้วิธีแกล้งเขาจริงๆ
พิธีสิ้นสุดลงแล้ว แต่มันก็ยังไม่มีนักสู้คนใดที่รีบออกไป พวกเขาทั้งหมดต้องการที่จะดูเหรียญรางวัลนี้ให้ละเอียดยิ่งขึ้น
ทันทีที่หวังเต็งเดินลงมา ตี้ฉีและคนอื่นๆ ก็รุมล้อมเขาและจ้องมองไปที่หน้าอกของเขาอย่างตั้งใจ
หวังเต็งพูดไม่ออก เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา? พวกเขาไม่เคยเห็นฉันมาก่อนหรอ? ฉันไม่ได้ดูดีกว่าเหรียญรางวัลหรอ?
“จุ๊จุ๊ นี่หรอคือเหรียญตราทหารแห่งชาติ!”
“มันเป็นสีทอง.. และมันก็เป็นประกาย... โคตรสุดยอดเลย...”
“ฉันอยากสัมผัสมันจัง...”
“ไอ้สารเลว ใครกันกล้าแตะหน้าอกฉัน!” หวังเต็งรีบตะคอกควันออกหูโดยทันที...