ตอนที่9 ปิดฉาก
พอเห็นทั้งสองเข้ามาใกล้เขามาก อู่โหยวก็งุนงง
มันเจ็ดวันแล้วตั้งแต่ที่พวกเขาติดปรสิตพิษ และพิษควรกัดกินจิตใจทั้งสองไปแล้ว
หลังโดนปรสิตพิษไปเจ็ดวัน แม้กระทั่งจิตสำนึกก็จะเลือนหายจนลืมชื่อตัวเอง
ดังนั้น การปรากฏของทั้งสองในป่าเดียวกับเขาจึงแปลก แต่เขาไม่คิดมาก เหนือสิ่งอื่นใด ทั้งสองแค่เด็กอาณาจักรหลอมลมปราณ แถมยังไม่มีสายเลือดจักรพรรดิ
ถึงแม้ฐานบ่มเพาะของเขาจะลดไปครึ่ง มันก็ยังไม่ยากที่จะจับทั้งสองมาดูดกลืน
“หึ”เขาหัวเราะหึ ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เรียกกระบี่บินออกมาอีกครั้ง บินไปทางที่เขาสัมผัสได้
แต่ตอนเขาไปถึง เขาก็เห็นแค่เด็กหนุ่มนั่งสมาธิในป่า
เขาสัมผัสได้ว่าปรสิตอยู่ที่นี่ แล้วทำไมถึงมีแค่เด็กหนุ่ม?แล้วเด็กสาวละ?
เย่อันผิงรวบรวมพลังปราณรอบตัว และตอนอู่โหยวบินออกป่า เขาก็ลืมตา และยิ้ม“อืม?ผู้อาวุโสนี่เอง?ช่างบังเอิญจริงๆ”
อู่โหยวขมวดคิ้ว กลายเป็นตื่นตัวเพราะสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากเย่อันผิง
หลังติดปรสิตพิษ ทำไมเด็กหนุ่มถึงยังทำตัวเหมือนคนปกติ ?
พอเห็นสีหน้าประหลาดของเขา เย่อันผิงก็ยิ้ม นำภาชนะใบน้อยออกมาจากถุงและโยน“ผู้อาวุโสอู่โหยว ข้าขอคืนแมลงน้อยสองตัวนี้ให้”
“อะไร?”พอได้ยินชื่อตัวเอง รูม่านตาของอู่โหยวก็หดลง รู้สึกว่าไม่ถูก แต่เขาก็รีบสงบลง เขาโบกมือ นำหม้อที่มีปรสิตพิษออกมา
“เจ้าหนู ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีดีอะไร แต่ถ้าเจ้าคิดว่าผู้บ่มเพาะขั้นสามหลอมลมปราณจะสู้กับข้าได้..”
“อืม บางทีคนเดียวข้าคงทำไม่ได้ แต่ข้าเตรียมการวันนี้มาสิบปี”
“..สิบปี?”อู่โหยวไม่เข้าใจ
วินาทีต่อมา เขาก็รับรู้ถึงจิตสังหารเยือกเย็นด้านหลังเขาและหันไปเผชิญหน้าทันที
เพ่ยเหลียนเสวี่ยที่ซุ่มอยู๋ใกล้ๆตอนนี้มาอยู่ด้านหน้าเขาพร้อมกระบี่ยาวสีฟ้าในมือ
อู่โหยวระดมพลังปราณในตัว พยายามไล่การโจมตีของนาง แต่กระบี่ของเพ่ยเหลียนเสวี่ยเร็วกวี่ท่เขาคิด มันไม่ใช่ความเร็วของคนในอาณาจักรหลอมลมปราณเลย
ปราณสีฟ้าน้ำแข็งจู่โจมหม้อที่มีแมลงในมือซ้ายเขา
ติ้ง!
ประกายไฟปลิว หม้อกระเด็น
แมลงอย่างตะขาบ แมงป่องและหนอนกระเด็นออกจากหม้อลงพื้นโดยตรง จากนั้นก็โดนคลื่นลมของเพ่ยเหลียนเสวี่ยตัดขาด
“การใช้พลังปราณแท้จริงเช่นนี้..”อู่โหยวก้าวถอย“เจ้าหนู เจ้าคือผู้บ่มเพาะจากอาณาจักรนภาเหมันต์รึ?”
“…”
เพ่ยเหลียนเสวี่ยไม่ตอบ แต่สะบัดกระบี่ยาวอีกครั้ง ปัดใบไม้ร่วงทั้งหมดบนพื้น ใบไม้ที่ดูธรรมดาลอยรอบนางทันที
พออู่โหยวกำลังสงสัยว่านางทำอะไร จู่ๆใบไม้เหล่านั้นก็พุ่งใส่เขา
ซวบ
อู่โหยวตอบสนองทันควัน รีบกระโดดหลบ แต่แก้มก็ยังโดนใบไม้ปาด ใบไม้ใบเดียวนั้นทิ้งรอยแผลยาวไว้บนใบหน้าของเขา เขาลูบแก้มตัวเอง จากนั้นก็มองใบไม้ที่เพ่ยเหลียนเสวี่ยควบคุมอย่างเหลือเชื่อ
ถ้าเขาเดาไม่ผิด เด็กสาวคนนี้เพิ่งใช้เพลงกระบี่เงาใบไม้ของสำนักกระบี่เงาจันทรา
นั่นคือวิชาลับของสำนักกระบี่เงาจันทรา
ผู้บ่มเพาะมารเช่นเขาซุ่มหาอยู่นับร้อยปีแต่ไม่เคยได้ครอง เด็กสาวคนนี้ตรงหน้าเขารู้ได้ไง?แล้ววิชาของอาณาจักรนภาเหมันต์อีกละ?
ใครสอนนาง?
อู่โหยวหลงใบไม้ไม่หยุดเขาอยากระดมพลังปราณคุ้มกาย แต่เพ่ยเหลียนเสวี่ยไม่เปิดโอกาส ไม่ต้องพูดงถึงว่าเขาโดนมังกรทองทำให้บาดเจ็บ
ในเวลาไม่กี่นาที ชุดของเขาก็ขาดไปหมด
“จิ๊…ไม่อยากเชื่อเลยว่าข้าจะถูกเด็กสาวอาณาจักรหลอมลมปราณบีบถึงขั้นนี้!”อู๋โหยวเดาะลิ้น ไม่กล้าออมมืออีก
เขาต้องใช้แก่นโลหิต
พอเห็นว่าเขาจะทำอะไร เพ่ยเหลียนเสวี่ยก็รีบดึงกระบี่กลับและกระโดดถอย เหมือนจะเตรียมหนี
“คิดหนี?ถ้าเจ้าบังคับให้ข้าใช้แก่นโลหิต ข้าจะปล่อยเจ้าไปได้ยังไง?!”อู่โหยวตะโกนลั่น ปราณชั่วร้ายรวมกันในมือใหญ่ ตั้งใจจะไล่ตามเพ่ยเหลียนเสวี่ย
“รับไป!”
แต่ ในเวลาเดียวกัน แสงสีฟ้าพลันปะทุจากพื้น ก่อตัวเป็นม่านแสงรอบเขาร้อยก้าว
“กับดักอาคม?!”อู่โหยวตื่นตระหนก“เพ่ย แค่อาคมของผู้บ่มเพาะหลอมลมปราณจะไปทำอะไรได้?!”
เขารีบเปลี่ยนทิศทางของมือใหญ่และฟาดใส่ใจกลางม่านน้ำแข็ง คิดจะทำลายคาถาก่อนค่อยไล่ตามเด็กสาว
แต่ตอนมือใหญ่กำลังจะฟาดโดนม่านแสง แสงสีฟ้าก็ทะลุมันโดยตรง เปลี่ยนมันเป็นประติมากรรมน้ำแข็ง
ในเวลาเดียวกัน อุณหภูมิในป่ายังลดฮวบ ใบไม้และดินปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็ง
อู่โหยวตกตะลึงตอนรู้สึกถึงอากาศเย็น
เขาไม่เข้าใจ
ก่อนอื่นก็วิชาของอาณาจักรนภาเหมันต์ จากนั้นก็เพลงกระบี่เงาใบไม้ ตอนนี้ก็คาถาน้ำแข็งลึกลับ
แต่ละอย่างโจมตีจุดอ่อนเขาหมด
สิบปี..
วินาทีนี้ เขาดูเหมือนจะเข้าใจความหมายของคำว่า’สิบปี’ที่เด็กหนุ่มพูด
เด็กนี่เตรียมการฆ่าเขาสิบปี?
แต่มันเป็นไปได้ยังไง?
และทำไม?
เขาไม่เคยเจอเด็กหนุ่มมาก่อน
“ฟู่…”
อู่โหยวกัดฟันและสูดหายใจลึก สงบอารมณ์ตัวเอง แม้คาถานี้จะโจมตีจุดอ่อนเขาโดยตรง แต่มันก็ได้แค่ขังเขาไว้สักพัก
กับดักนี้ต้องใช้โดยเด็กหนุ่ม และระดับปัจจุบันของเขาคือหลอมลมปราณ เขาจะหมดพลังในหนึ่งก้านธูป
“ขอดูหน่อยว่าพวกเจ้าสองพี่น้องมีดีอะไร?!”
แต่พอเขาพูด แสงเย็นอีกสายก็แวบ กระบี่ฟ้ายาวสามฟุตปรากฏ และพอเขาเห็น มันก็มาถึงคอเขาแล้ว
อู่โหยวขมวดคิ้ว คว้าคมกระบี่ด้วยมือ คมกระบี่เฉือนฝ่ามือเขา และเลือดก็ไปแข็งตัวบนพื้น
เขามองเด็กสาวและหัวเราะ“เด็กนั่นโหดจริงๆ เขาถึงขั้นขังเจ้า สาวน้อย ในกับดักน้ำแข็งนี้ เขาไม่กลัวว่าอากาศเย็นจะแช่แข็งเจ้าจนตายเหรอ?”
เพ่ยเหลียนเสวี่ยพยายามดึงกระบี่กลับ แต่อู่โหยวแกร่งเกินไป นางปล่อยมันและโจมตีเขาด้วยมือและเท้าแทน
นางยังอยู่แค่อาณาจักรหลอมลมนปราณ อู่โหยวหลบหมัดที่หนึ่งและสอง จากนั้นก็คว้าข้อมือนางพอนางจะชกอีกที
“เพ่ย..ข้าควรจะชมพวกเจ้า ถึงแม้จะอยู่แค่อาณาจักรหลอมลมปราณ แต่ก็สามารถทำให้ข้าทนทุกข์ได้ แต่..”
อู่โหยวคว้าข้อมือเพ่ยเหลียนเสวี่ย กระชากนางมาด้านหน้าเขา จากนั้นก็เปิดปาก พ่นหมอกม่วงใส่หน้านาง หลังสูดหมอกเข้าไป นางก็ดิ้นสักพักก่อนจะหยุด
พอเห็นแบบนี้ อู่โหยวก็ปล่อยมือนาง ตะโกนไปด้านนอกม่านพลังน้ำแข็ง“เห้ย เจ้าหนู น้องสาวเจ้าตกอยู่ภายใต้คาถาพิษของข้าแล้ว ถ้าเจ้ายังห่วงใยนาง ก็ปลดกับดักนี้เสีย”
“..”
“ข้าจะนับสาม ถ้าเจ้ายังไม่ปลด พอพลังเจ้าหมด ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสปรสิตพิษขยี้หัวใจของข้า.”
ซวบ
พออู่โหยวกำลังพูดอย่างเมามัน กระบี่ก็พลันแทงทะลุหน้าอกเขา
“พรวด”
เขาก้มมองหน้าอกตัวเองและหันหัวไปมองเพ่ยเหลียนเสวี่ยด้วยความเหลือเชื่อ
“เจ้า…”
“พี่ชายข้าสอนข้า”เพ่ยเหลียนเสวี่ยกระชากกระบี่ออกอย่างไม่แยแสและแทงใหม่อีกครั้ง
ซวบ
หนึ่ง สอง สาม…
นางแทงไม่หยุดจนอู่โหยวยืนไม่ไหวอีกและล้มลงพื้น แต่สายตายังจับจ้องเพ่ยเหลียนเสวี่ย
เพ่ยเหลียนเสวี่ยสะบัดกระบี่ ถอนหายใจและตะโกนอย่างมีความสุข“พี่!สำเร็จแล้ว!!!”
แต่ กับดักยังไม่คลาย เย่อันผิงที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงของเพ่ยเหลียนเสวี่ย ลังเลสักพักและตะโกน“เอาให้จบ!!!”
เพ่ยเหลียนเสวี่ยจำแผนอื่นได้และรีบนำยันต์ไฟห้าสิบแผ่นที่เย่อันผิงมอบให้ออกมา
อู่โหยวที่แกล้งตายอยู่บนพื้นวางแผนจะรอให้นางเผลอ หลังนางเผลอ วิญญาณของเขาจะแยกออกจากร่างและเข้าควบคุมนาง แต่พอนางควันกองยันต์ไฟออกมา ตาของเขาก็ถลนออกจากเบ้า เขารีบยกมือ พยายามหยุดนาง
“รอก่อน!!!”
น่าเสียดายที่เพ่ยเหลียนเสวี่ยไม่แสดงความเมตตาเลย และโดยไม่ลังเล นางโยนกองยันต์ไฟใส่เขา
“อ้ากกกกกก!!!”
เสียงร้องโหยหวนและกลิ่นเนื้อไหม้ลอยคลุ้งป่า